ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนแก่ แม้นางจะตัวเล็กแต่นางไม่แก่แม้แต่น้อย ไม่เพียงไม่แก่ นางยังดูอ่อนเยาว์งดงาม ผิวพรรณเนียนละเอียด เครื่องหน้าประณีต จมูกจิ้มลิ้มน่ารัก ริมฝีปากดูอ่อนนุ่มเหมือนกลีบดอกไม้ นอกจากนี้นางยังมีเรือนผมสีดำขลับยาวถึงเอว
แต่หากมีเพียงเท่านี้ทุกคนคงไม่หวาดหวั่นขนาดนี้ แม้เขาจะทำผิดพลาดน้อยมาก แต่ก็มีบ้างเป็นบางเวลาที่เขาอาจจะเข้าใจผิด และนางอาจจะไม่ใช่แม่มด
แต่ให้ตายเถอะ! นางดูเหมือนแม่มดชะมัด
ท่ามกลางกลุ่มผมสีดำสนิทของนางมีปอยผมสีขาวปรกลงมาตรงหน้าผากด้านขวาดูเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ แถมดวงตาคู่นั้นของนาง…ดวงตาบัดซบคู่นั้นยังเป็นสีเขียวมรกตอีก
หลังจากเขาพ่นเสียงคำรามออกไป นางกลับไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัว เพียงแต่เบิกดวงตาสีเขียวใสกระจ่างเหมือนบ่อน้ำแร่ในป่าโตกว่าเดิม
“ขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง” นางจ้องเขาตรงๆ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
คำพูดที่ใกล้เคียงกับการประชดเสียดสีเช่นนี้ทำให้เขาโมโหยิ่งขึ้นอย่างไร้สาเหตุ เสียงแหบแห้งเหมือนหญิงชราของนางไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย เพื่อไม่ให้เรื่องราวย่ำแย่ไปกว่านี้ ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกหวาดกลัวมากไปกว่าเดิม เขาคว้าตัวนางขึ้นมาและแบกขึ้นบ่าอีกครั้ง ก่อนจะก้าวยาวๆ เข้าไปในอาคาร
“นี่! เจ้า! ปล่อยข้านะ!” นางดิ้นรนส่งเสียงประท้วงอยู่บนบ่าเขา “จะพาข้าไปไหน”
คำตอบของเขาคือการฟาดก้นนางหนึ่งทีพร้อมเสียงตวาด “หุบปาก!”
การถูกฟาดก้นทำให้นางสูดหายใจด้วยความอับอาย แต่ยังคงพยายามสะกดความหวาดกลัวในใจและบอกผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้ว่า “ข้าไม่ใช่แม่มด ข้าพยายามบอกเจ้าระหว่างทางแล้ว เจ้าเข้าใจผิดเอง”
“แต่เจ้าอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น!” ชายผู้นั้นตะคอกอย่างฉุนเฉียวพลางแบกนางก้าวสวบๆ เข้าไปในประตูบานหนึ่ง ขึ้นบันไดเล็กแคบ
“นั่นบอกได้เพียงว่าข้าอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่ได้หมายความว่าข้าเป็นแม่มด!” นางฝืนข่มความหวาดหวั่น ทุบเกราะห่วงโซ่เย็นเยียบบนแผ่นหลังเขาและพยายามโต้แย้ง “เพียงเท่านี้ก็ปักใจเชื่อว่าข้าเป็นแม่มด โง่เง่าเกินไปแล้ว!”
“นั่นเป็นบ้านของแม่มด!” เขาแบกนางเดินขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว
“นั่นเป็นแค่กระท่อมที่ตั้งอยู่ในป่า!” นางแย้งด้วยความโมโห
เขาฟาดก้นนางอย่างเดือดดาลอีกที คำรามว่า “ได้ยินหรือไม่ว่าข้าสั่งให้เจ้าหุบปาก!”
นางได้ยิน แต่นางไม่หยุดพูด ยังคงดิ้นรนต่อไปและส่งเสียงประท้วงอยู่บนบ่าเขา
“โปรดใช้หัวสมองของเจ้าคิดดูหน่อยเถอะ หากข้าเป็นแม่มดจริงป่านนี้ข้ากลายร่างเป็นอีกาหนีไปแล้ว!”
เขาถีบประตูบานหนึ่งให้เปิดออก เดินเข้าไปในห้องมืดสลัวก่อนโยนนางลงบนพื้น นางล้มลงบนพื้นและพบว่าตัวเองถูกโยนลงมาตรงหน้ากองไฟ แม้ฟืนในนั้นจะเผาไหม้หมดแล้ว เหลือเพียงสะเก็ดไฟอยู่เล็กน้อย แต่นางก็ยังตกใจจนสูดหายใจเฮือก ตะเกียกตะกายลุกขึ้นพลางคว้าคีมคีบถ่านจากกองไฟมากำแน่นด้วยสองมือ ใบหน้าซีดเผือดขณะชูคีมเหล็กใส่เขา
“อย่าเข้ามานะ! เจ้าจะเผาข้าไม่ได้ ข้าไม่รู้วิชาแม่มดอะไรทั้งนั้น!”
การกระทำของนางทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้ม
เขาไม่สนใจคีมคีบถ่านในมือนางแม้แต่น้อยและตรงดิ่งเข้าไปอย่างเดือดดาล