นางพูดจบ ชายหนุ่มก็ยื่นมือมาคว้าคอนางกะทันหัน บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น ใต้คางของเขาเกร็งแน่นขณะจ้องนางเขม็งและเอ่ยเสียงเย็น
“เจ้าคิดว่าข้าปัญญาอ่อนหรือ”
นางตกใจจนหน้าซีด เห็นใบหน้าดุร้ายของเขาประชิดเข้ามา
“แน่นอน…แน่นอนว่าไม่ใช่อย่างนั้น นายท่าน” นางหายใจไม่ค่อยออก แต่พยายามตอบไปอย่างสุขุมเยือกเย็น “แต่บางครั้ง บางคนที่เป็นโรคระบาดก็สามารถรอดชีวิตได้”
“เขาหายเอง?” หางตาเขากระตุก
“เขาหายเอง” นางทวนคำพูดเขาอย่างหนักแน่น
“เจ้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น?” เขาถามซ้ำอีกครั้งเสียงขุ่น
“ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” นางตอบตาไม่กะพริบ
เขาจ้องนางอย่างขุ่นเคือง สีหน้าดุดันและดวงตาสีดำเย็นชาคู่นั้นทำให้นางอยากถอยไปข้างหลังเหลือเกิน แต่เขายังคงบีบคอกับคางนางแน่น นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จิกไปบนผิวนาง ทำเอานางเจ็บจนน้ำตาคลอ
“บอกข้า เจ้ารู้วิธีรักษาโรคระบาดหรือไม่”
ลมหายใจหอบหนักของชายหนุ่มเป่ารดใบหน้านาง ความเจ็บปวดและความหวาดกลัวทำให้นางไม่อาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นเทา แต่นางยังคงยืนกรานคำเดิม
“ข้าไม่รู้…”
“หนังสือที่อยู่ในบ้านเจ้าพวกนั้นไม่ได้บันทึกไว้หรือว่าต้องจัดการอย่างไร”
“ไม่มี…” นางตอบเสียงสั่น
ริมฝีปากของชายหนุ่มเม้มเป็นเส้นตรงอีกครั้ง หางตากระตุกเล็กน้อยพลางสูดหายใจลึก ถามอีกครั้งว่า “หมายความว่าหากข้าพาเด็กผู้ชายคนนั้นมายืนยันกับเจ้า เขาก็จะตอบเช่นเดียวกันหรือ”
“แน่นอน” นางยืนกราน
“ข้าไม่เชื่อเจ้า” เขากำมือแน่นและออกแรงบีบคางนางมากกว่าเดิม “เจ้ารักษาเด็กผู้ชายคนนั้นจนหายดี”
“ข้าเปล่า…” นางยืนกรานเสียงแหบด้วยความประหม่า “เขาหายดีเอง นายท่านพบเห็นอะไรมามาก น่าจะรู้ว่าบางครั้งบางคนก็สามารถอดทนกับโรคระบาดได้และมีชีวิตรอดโดยที่พวกเราไม่รู้ว่าเหตุผลคืออะไร”
ความโกรธวูบขึ้นในส่วนลึกของนัยน์ตาดำสนิท
วินาทีนี้ความคิดน่ากลัวมากมายผุดขึ้นในหัว
นางรู้ว่าขอเพียงเขาต้องการ เขาสามารถหักคอนางได้เหมือนหักต้นข้าวต้นหนึ่ง
ขณะที่นางคิดว่าตัวเองคงหนีความตายไม่พ้นแล้วเป็นแน่จู่ๆ เขาก็สบถออกมาและปล่อยมือ นางหอบหายใจและถอยไปหนึ่งก้าว แต่ไม่กล้าถอยไปไกลนัก กลัวจะทำให้เขาโกรธ
แนวคางของชายหนุ่มที่สวมเสื้อเกราะห่วงโซ่เครียดเกร็งขณะยกมือขึ้นสางเส้นผมสีดำอย่างหงุดหงิด
ใบหน้าอ่อนล้าของเขาทำให้นางอึ้งไป เขาเม้มปากอีกครั้ง รูม่านตาสีดำหดลง
นางอยากหันหลังวิ่งหนีไปเหลือเกิน แต่นางตระหนักดีว่าหากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา นางไม่มีทางหนีออกไปจากปราสาทแห่งนี้ได้ นางจึงยืนอยู่ที่เดิมอย่างกล้าๆ กลัวๆ มองเขาพลางรอคำตัดสิน
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็สบถเสียงค่อยและโบกมือไล่นางด้วยความโมโห
“ช่างเถอะ เจ้าไปซะ”
นางอึ้งงัน ชั่ววูบหนึ่งที่สงสัยว่าทำไมตัวเองถึงโชคดีเช่นนี้
นางไม่ขยับไปไหน ทำให้เขาตวาดอีกครั้งอย่างไม่พอใจ
“อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สอง อาศัยช่วงที่คนข้างนอกยังไม่ทันตั้งตัว เจ้ารีบไสหัวไปให้ไกลๆ!”
ได้ยินดังนั้นนางก็ได้สติทันทีและพบว่าตัวเองรักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว นางจับกระโปรงและหมุนตัวจากไปโดยไว
โปรดติดตามตอนต่อไป…