Essay
This is My Tenderness to You ความอ่อนโยนที่แตกต่างจากผู้เขียน A Piece of the Moon
This is My Tenderness to You เล่มนี้บางคนอาจเคยเห็นผ่านสายตามาแล้วแต่หลายคนก็อาจจะสงสัยว่าเป็นหนังสือที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร แจ่มใสขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหนังสือเล่มนี้ให้มากขึ้น เผื่อว่าหนังสือเล่มนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งเล่มที่คุณชอบขึ้นมาก็ได้ ตามเรามาเลยค่ะ
เพื่อนๆ เคยคิดไหมคะว่า เราในอีก 1 เดือน 1 ปี 2 ปี หรืออีก 5 ปีข้างหน้า เราจะเป็นอย่างไร แต่พอเราเดินทางมาถึงเวลานั้นกลับพบว่าตัวเองยังไม่ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการปลอบใจตัวเองให้รู้สึกดีขึ้นด้วยประโยคแสนง่าย อย่างเช่น ‘เรามีภาระมากมาย’ หรือไม่ก็ ‘ยังมีเวลาเดี๋ยวค่อยทำก็ได้’ ฯลฯ สิ่งที่ตั้งใจไว้จึงถูกเลื่อนเวลาของความสำเร็จออกไป
หากเพื่อนๆ เป็นหนึ่งคนที่เคยรู้สึกแบบนี้ หนังสือ This is My Tenderness to You อาจจะมีคำตอบให้คุณค่ะ Ha-Hyun ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เธอเป็นอีกหนึ่งคนที่ผ่านประสบการณ์นี้มา เธอมีเป้าหมายหลายอย่างแต่หัวใจกลับห่อเหี่ยวลงเพราะไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น สำหรับหนังสือ This is My Tenderness to You เป็นหนังสือที่มาจากบันทึกที่เธอตั้งใจเขียนทุกวันเพื่อเฝ้าดูตัวเองในแต่ละวัน ทำให้เธอค้นพบตัวเองและเรื่องราวเหล่านั้นกลายเป็นความพิเศษ
“ฉันจึงเริ่มเขียนไดอารี่ การเขียนไดอารี่เป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่เว้นสักวันเคยเป็นเป้าหมายที่ท้าทายที่สุดและล้มเหลวมามากที่สุด การเขียนไดอารี่ไม่ได้ทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลง แต่ละวันยังคงผ่านไปเรื่อยๆ แบบนั้น ฉันก็แค่มองดูและจดบันทึกสิ่งที่รู้สึกไปทุกวัน
แต่การทำในสิ่งง่ายๆ ซ้ำไปมาก็ทำให้ฉันได้พบกับตัวฉันที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จะมีประสบการณ์ไหนพิเศษไปมากกว่าการได้เจอตัวเองที่ไม่เคยเจอ มีคนบอกว่าเราแต่ละคนคือจักรวาล แต่ฉันทำความเข้าใจจักรวาลของตัวเองช้าเหลือเกิน วันที่ 31 ธันวาคม ในที่สุดฉันก็เขียนไดอารี่ ครั้งที่ 365 จบ ไม่ใช่การรอเวลาหรือรับปากว่าจะทำวันหลัง แต่เป็นการขยับเข้าไปหาเป้าหมายและคว้ามันมาด้วยตัวเอง”
อย่างที่เกริ่นในช่วงต้นเกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายว่าเราจะเป็นอย่างไร การเขียนไดอารี่เป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายเครื่องมือที่จะพาคุณไปสู่เป้าหมายเพราะเป็นการกลับมาดู และทบทวนตัวเองอีกครั้งหลังจากแต่ละวันได้ผ่านพ้นไป หนังสือ This is My Tenderness to You ไม่ได้นำเสนอเฉพาะเรื่องการทำอย่างไรให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้หรอกนะคะ แต่เป็นไดอารี่ที่ทุกคนจะได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างซึ่งผู้เขียนบันทึกจากประสบการณ์ที่พบเจอกับสิ่งต่างๆ ใกล้ตัว แต่ละเรื่องอาจจะสะกิดใจของทุกคนแตกต่างกันไป และคงมีไม่น้อยที่จะทำให้คุณหยุดคิดตาม
ข้อความบางส่วนจากหนังสือ
ตอน # แช่ในน้ำอุ่น 10 นาที
“พอนำด้ามปากกาจุ่มลงในน้ำอุ่นตามที่เห็นในรูปตัวอย่าง หมึกที่แข็งแห้งอยู่ด้านในก็ค่อยๆ ไหลออกมา หลังทำความสะอาดเสร็จฉันผึ่งมันไว้จนแห้งก่อนจะเติมหมึก แล้วปากกาก็กลับมาเขียนได้ ลื่นเหมือนเพิ่งซื้อใหม่ เจ้าเครื่องเขียนชิ้นเล็กๆ ชิ้นนี้ก็ต้องการความรักความสนใจจากใครสักคนเพื่อมีชีวิตอยู่เหมือนกันสินะ แล้วฉันก็คิดถึงสิ่งมีค่าอื่นๆ ที่เคยใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่มีเวลาว่างจึงปล่อยปละละเลยขึ้นมา”
ตอน # วัตถุในกระจกไกลกว่าที่เห็น
“การเอาข้อมูลที่มีอยู่น้อยนิดมาใช้เป็นพื้นฐานในการตัดสินอีกฝ่ายนั้นใกล้เคียงกับการคิดไปเอง เราไม่เคยสงสัยเลยว่าสิ่งที่เห็นเกี่ยวกับคนคนนั้นอาจจะเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง”
ตอน # การตัดกิ่ง
“ว่ากันว่าเราต้องเล็มกิ่งเก่าออกไปก่อน กิ่งใหม่ที่แข็งแรงถึงจะงอกงามและใบไม้จะผลิ บางครั้งเราก็ต้องตัดตอนบางอย่างในวันนี้เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีขึ้น ทั้งความเสียใจที่ผ่านไปแล้ว ความสัมพันธ์ที่อ่อนแอหรือความต้องการที่มากเกินไป การได้ยินเสียงตอนตัดสิ่งเหล่านั้นอาจจะเจ็บปวดและยากลำบาก การตัดเยื่อใยก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน”
มุมที่อ่อนโยนจากบันทึกเล่มนี้ อาจจะเป็นเหมือน DNA ที่ถูกส่งต่อไปถึงคุณ การสังเกตสิ่งรอบตัวโดยเห็นอีกมุมที่อ่อนโยนจนหัวใจของคุณสามารถสัมผัสได้
“การจัดระเบียบโฟลเดอร์จิปาถะนั้นยุ่งยากกว่าที่คิดไว้มาก เพราะต้องมานั่งคลิกไฟล์เกินร้อยไฟล์เพื่อดูเนื้อหาว่าจะทิ้งหรือไม่ กว่าจะเสร็จก็หมดไปครึ่งวัน ความลังเลว่าจะทิ้งหรือไม่นั้นกินเวลามากที่สุด ฉันลบไฟล์ที่มีอยู่แต่ไม่เคยรู้ว่ามี กับไฟล์ที่ถึงไม่มีก็ไม่เสียดายทิ้งอย่าง (ทำเหมือน) ไร้เยื่อใย แล็บท็อปที่กลับมาเหลือพื้นที่ความจุกลับมามากมายเบาลงกว่าเมื่อก่อนเยอะ ที่ไหล่ล้าเป็นเพราะเรามัวแต่แบกสิ่งไม่มีประโยชน์เอาไว้เต็มไปหมดสินะ
ฉันลองจินตนาการถึงโฟลเดอร์จิปาถะที่อยู่ในใจ ความกังวลโดยไม่จำเป็น, ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือที่ไม่รู้จะดำเนินต่อไปหรือไม่, อารมณ์ที่พร้อมจะระเหยหายไปได้ทุกเมื่อ, เยื่อใยที่ตัดไม่ขาด มีไฟล์ที่ไม่สามารถลบทิ้งได้ด้วยการคลิกสองครั้งกองอยู่เยอะจนน่าขนลุก ถึงรู้อยู่แล้วว่ามันต้องทะลักออกมาแต่ก็ไม่มีความกล้าที่จะเปิดประตู หากลบสิ่งที่ต้องทนเก็บเอาไว้ทิ้งไปความอดทนก็คงจะเพิ่มขึ้น เมื่อวางศักดิ์ศรีของตัวเองลง ความเกลียดชังก็คงถูกกำจัดได้ แต่เพราะจัดระเบียบไม่เป็น ใจของฉันจึงหนักอึ้งต้องยอมรับฝีมือในการทำให้รกของเธอจริงๆ”
หนังสือเล่มนี้เป็นการถ่ายทอดความอ่อนโยนในมุมมองของนักเขียนซึ่งมีต่อสิ่งต่างๆ ถึงทุกคนที่ได้อ่าน แจ่มใสหวังว่าความอ่อนโยนนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความสุขไปกับเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตัวเองได้ไม่มากก็น้อย และหากนำวิธีการมองในมุมที่อ่อนโยนนี้ไปใช้ อย่าลืมกลับมาเล่าให้แจ่มใสและเพื่อนๆ ฟังด้วยนะคะ
อ่าน จากใจ บ.ก. ทำไมหนังสือ ‘This is My Tenderness to You’ จึงแนะนำให้อ่าน
.
This is My Tenderness to You
Ha-Hyun เขียน milkplusanyway แปล
.
หากสนใจหนังสือ สั่งซื้อ คลิกที่นี่
ทดลองอ่าน คลิกที่นี่
.
หนังสือเล่มอื่นๆ ของผู้เขียน Ha-Hyun คลิกที่