“คุณหนู คุณหนู…”
เสียงร้องเรียกของหลิงเอ๋อร์ดึงสตินางกลับมา
“ถึงร้านหนังสือแล้วเจ้าค่ะ”
นางกะพริบตา เห็นสาวใช้ของตนมองมาอย่างเป็นห่วง ถึงได้พบว่ารถม้าหยุดลงแล้ว
นางกะพริบตาอีกครั้ง ดึงความคิดกลับมาจากความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนแล้วรับหมวกม่านที่หลิงเอ๋อร์ยื่นให้มาสวมใส่เพื่อบดบังใบหน้าก่อนจะลงจากรถ
ทางทิศใต้ของเมืองไม่คึกคักเหมือนเขตการค้าทางทิศตะวันตก บริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านทั่วไป บ้านเรือนหลังเล็กและเก่าโทรม ร้านค้าที่นี่ส่วนใหญ่ขายเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน หนังสือที่อยู่ในร้านหนังสือตรงหน้านี้เป็นหนังสือเก่ามากกว่าหนังสือใหม่
แต่นางชอบร้านหนังสือแห่งนี้ ร้านเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตาแห่งนี้เต็มไปด้วยหนังสือทั้งชั้นบนชั้นล่าง หนังสือที่อยู่ข้างในแม้มิใช่หนังสือที่ใหม่ที่สุด แต่ที่นี่มีหนังสือทุกประเภท เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ดาวบนฟ้าไปจนถึงหินใต้ดิน จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือจรดใต้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือในยุคสมัยใดล้วนค้นพบได้ที่นี่
อีกอย่างที่แตกต่างจากที่อื่นคือร้านแห่งนี้มีสตรี
ตอนนางเดินเข้ามาในร้านหนังสือแห่งนี้ แม่นางผู้นั้นนั่งอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน
แตกต่างจากหญิงสาวส่วนใหญ่ในเมือง แม่นางผู้นี้ไม่สวมหมวกม่าน ทั้งยังไม่สวมผ้าโปร่ง ไม่ปิดบังใบหน้าแม้แต่น้อย
แม่นางผู้นี้มีรูปโฉมงดงามยิ่ง ชอบสวมเสื้อผ้าสีดำ ใบหน้าเยียบเย็นดุจน้ำค้างแข็ง ไม่เคยแย้มยิ้มกับผู้ใด และมักไม่สนใจใคร แต่นางรู้ว่าแม่นางผู้นี้มีความรู้กว้างขวาง รู้ทุกเรื่อง
หลังจากเข้ามาในร้านหนังสือ เมื่อแน่ใจว่าวันนี้เถ้าแก่ร้านไม่อยู่ ในร้านนอกจากแม่นางผู้นั้นแล้วก็ไม่มีคนอื่น นางจึงถอดหมวกม่านออก
บอกตามตรง นางไม่ชอบปิดหน้าปิดตาแบบนี้เลยสักนิด แต่ขนบธรรมเนียมเป็นเช่นนี้ เวลาอยู่ข้างนอกสตรีจะเปิดเผยหน้าตาไม่ได้ ดังนั้นเมื่อนางพบว่าที่นี่มีร้านหนังสือ แถมบางครั้งคนเฝ้าร้านยังเป็นสตรี นางจึงทั้งตกใจและดีใจ เพราะขอเพียงมาที่นี่ นางจะสามารถเลือกซื้อหนังสือที่ตัวเองชอบได้อย่างผ่อนคลาย
ร้านหนังสือแห่งนี้แม้จะมีหนังสือทุกประเภท แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะให้สตรีเฝ้าร้านหรืออย่างไร เวลาส่วนใหญ่จึงมักไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้านนัก นอกจากนางแล้ว นางเห็นลูกค้าคนอื่นเข้ามาซื้อหนังสือเป็นครั้งคราวเท่านั้น ลูกค้ามีไม่มากเลยจริงๆ
แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ร้านค้าแห่งนี้กลับสามารถอยู่รอดมาได้
แม้จะรู้สึกเกรงใจเจ้าของร้าน แต่นางชอบความเงียบสงบของที่นี่ มักจะอยู่ที่นี่ได้เป็นครึ่งค่อนวัน
หนังสือที่นี่เปลี่ยนใหม่อยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่นางมา หนังสือบนชั้นล้วนไม่เหมือนเดิม แต่มักจะมีหนังสือที่นางต้องการเสมอ นางเคยอ่าน ‘จดหมายเหตุราชวงศ์ซย่า’ ที่อยู่ใน ‘บันทึกธรรมเนียมพิธี’ จากที่นี่ เคยอ่าน ‘บันทึกแคว้นหย่งจยา’ ในสมัยจิ้นที่รวบรวมโดยเจิ้งจี๋ หนังสือสองเล่มนี้ผู้คนต่างบอกว่าสูญหายไปนานแล้ว แต่เนื้อหาในหนังสือของที่นี่กลับสมบูรณ์มาก ทั้งยังไม่เหมือนบันทึกของคนรุ่นหลัง
ใน ‘บันทึกแคว้นหย่งจยา’ เนื้อหาเกี่ยวกับหนอนไหมแปดชีวิต* ทำเอานางตกตะลึงมาก นางเอาเนื้อหาในหนังสือกลับไปสอบถามยืนยันกับคนเลี้ยงหนอนไหมจนสามารถพัฒนาวิธีการเลี้ยงหนอนไหมให้ดียิ่งขึ้นได้
หลายปีมานี้นางได้รับความรู้มากมายจากหนังสือโบราณเหล่านี้ เวลาว่างจึงมักมาหาหนังสือล้ำค่าที่นี่เป็นประจำ
นางเดินช้าๆ ไปตามตู้หนังสือ ค้นหาหนังสือที่ต้องการจนเผลอลืมเวลา กระทั่งหลิงเอ๋อร์มาเตือน นางจึงหอบหนังสือหลายเล่มไปจ่ายเงิน
แม่นางที่โต๊ะคิดเงินใช้เชือกผูกหนังสือให้นางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ทั้งหมดนี้สามตำลึง”
ได้ยินว่าราคาหนังสือแพงขนาดนี้ หลิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างสูดหายใจอย่างตื่นตระหนก
“ไฉนจึง…”
แม่นางชุดดำปรายตามองมาอย่างเย็นชา สายตาเย็นเยียบนั้นคมกริบดุจกระบี่ ทำเอาหลิงเอ๋อร์ตกใจจนหลับตาลงทันใด หดตัวไปอยู่ข้างหลังนาง
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าเอาหนังสือไปวางบนรถก่อนเถอะ”
นางหิ้วหนังสือขึ้นมาอย่างขบขัน หมุนตัวส่งหนังสือให้สาวใช้ที่หลบอยู่ข้างหลังด้วยท่าทางหวาดหวั่น
พอได้ยินว่าไปก่อนได้ หลิงเอ๋อร์ก็หอบเอาหนังสือหลายเล่มผลักประตูหนีออกไปอย่างรีบร้อน