ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย

3 of 3หน้าถัดไป

ร่างกายแหลกสลาย ดิ้นรนแม้โลหิตหลั่งนอง

 

ลมหนาวโชยพัด ใบไม้ปลิดปลิวไปทั่วฟ้า มันพลิกหมุนอยู่หลายทีก่อนจะค่อยๆ ร่วงหล่นลงสู่พื้น

ใต้ต้นไม้ปรากฏร่างเด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งตามใบไม้ร่วงเล่นสนุกอยู่ตามลำพัง ก่อนเขาจะพบรูเล็กๆ บนพื้น คล้ายเป็นที่อยู่ของพวกแมลง เด็กน้อยคุกเข่าอยู่ด้านข้าง มองด้วยความสงสัยใคร่รู้

ช่วงเวลานั้นใบไม้หลายใบถูกลมพัดจนร่วงใส่หัวเขา น่ารำคาญอย่างยิ่ง พอเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมอง ใบไม้สองใบก็หล่นลงมาใส่หน้าเขาพอดี เด็กน้อยรู้สึกเจ็บจึงรีบขยับตัวหนีเป็นพัลวัน โชคดีที่ไม่มีใบไม้ร่วงลงมาอีก

ทันใดนั้นเขาพลันได้ยินเสียงสวบสาบ พอหันไปมองก็เห็นงูตัวยาวสีน้ำตาลเลื้อยผ่านกองใบไม้ มุ่งมายังเขา เด็กน้อยหวาดกลัวคิดจะหลบหนี แต่กลับเห็นงูตัวนั้นเลื้อยผ่านเขาไป ใช้ความเร็วปานสายฟ้าแลบพุ่งเข้าไปในรูที่เขาเพิ่งเห็นเมื่อครู่

ชั่วพริบตางูตัวยาวเหยียดก็ผลุบหายเข้าไป ฝืนจนทำให้รูเล็กๆ ขนาดเท่าเหรียญอีแปะ* ปริแตกออก

ภาพตรงหน้าเด็กน้อยพลิกกลับตาลปัตร หัวกับเท้าหมุนพลิกสลับ

เห็นๆ อยู่ว่างูตัวยาวเหยียดนั่นเลื้อยเข้ารูไปแล้ว เหตุใดมันถึงมาอยู่ในร่างของเขาได้

เด็กน้อยนิ่งไม่ขยับ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวแปลกประหลาดตรงร่างกายส่วนล่าง พุ่งผ่านเข้ามาถึงช่วงท้อง เขาตื่นตระหนกลนลาน เกิดอะไรขึ้น เจ็บยิ่งนัก! เจ็บเหลือเกิน ยิ่งงูตัวนั้นเคลื่อนไหวเท่าใด เขาก็ยิ่งร้องโอดครวญมากขึ้นเท่านั้น!

จากนั้นใครบางคนก็ปลดปล่อยน้ำร้อนลวกเข้ามาในช่องทาง อะไรบางอย่างทะลักออกมาจากปากทางเข้า เด็กน้อยกุมท้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทรมานราวกับร่างกายจะแยกออกเป็นซ้ายขวา งูนั่นไม่ได้รุกเข้ามาทั้งตัว แต่ทุกที่ที่มันสัมผัสก็สร้างความปวดแสบปวดร้อนยากจะทานทน ไม่นานมันก็รีบถอยออก ก่อนจะบุกเข้ามาในปากของเขาแทน…

สรรพสิ่งแปรผัน เป็นสัจธรรมของโลก หากฝืนลิขิต ฟ้าดินจักต้องพิโรธ

ในสถานที่อันมืดมิดบนโลกหล้า กลับไม่เคยขาดเรื่องผิดบาป ราวกับนรกไร้ขอบเขต ไม่อาจเห็นเดือนเห็นตะวัน

ที่นี่คือที่ไหน ข้ากลัวเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกิน ท่านแม่รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!

ลมหนาวพัดเข้ามาถึงในช่องท้อง เขาหนาวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เด็กน้อยค่อยๆ ฟื้นคืนสติ จมูกได้กลิ่นเหม็นอับอันคุ้นเคยจึงรู้ว่าตนกลับมาอยู่ที่ห้องแล้ว เขาฝืนลืมตาขึ้น

เทียนเล่มเล็กส่องแสงอยู่ในห้องโกโรโกโส ท่านแม่นั่งหันหลังอยู่ตรงขอบเตียง บนโต๊ะจัดเรียงอาหารหลายอย่าง ทุกครั้งที่ท่านแม่หายไปครึ่งค่อนวัน หลังกลับมาก็จะมีคนยกข้าวปลาอาหารสมบูรณ์พร้อมมาให้ รวมถึงน้ำร้อนหนึ่งถัง

คืนนี้ ในห้องก็ปรากฏของแบบเดียวกัน ทั้งยังมีขนมหวานเพิ่มมาอีกหนึ่งจาน และเสื้อผ้าชุดใหม่ซึ่งวางอยู่ข้างเตียง

‘ท่านแม่…’ เขาเอ่ยเรียกอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ครั้นได้ยินเสียงเรียก อีกฝ่ายก็สะดุ้งน้อยๆ แต่ไม่ยอมหันมามอง

เขาเองก็ไม่กล้าขยับ ราวกับงูตัวนั้นยังอยู่ในร่างของเขา มิเช่นนั้นไยเขายังเจ็บอยู่เล่า เขากัดมือตัวเอง สะอื้นเสียงเบาอย่างระมัดระวังด้วยกลัวจะรบกวนถึงมารดา

เนิ่นนาน นานจนกระทั่งน้ำแกงถ้วยนั้นไม่มีไอร้อนอีก ในที่สุดมารดาก็หันมามองเขา

หวนนึกดูแล้ว เขาไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของมารดามาก่อน ช่างเงียบสงบและอ่อนโยนยิ่งนัก เขาเคยแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นในคฤหาสน์ บางครั้งก็จะเห็นห้องสะอาดสะอ้านที่วางพระพุทธรูปซึ่งมีสีหน้าเปี่ยมเมตตาอยู่ด้านในองค์หนึ่ง มารดาในยามนี้ก็เป็นเช่นนั้น ดูสว่างไสวอย่างที่ไม่เคยเป็น

‘ท่านแม่…’ เขาเรียกเสียงเบา

อีกฝ่ายขยับมาอยู่ข้างกายเขา ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน

‘ท่านแม่ ข้ากลัว…’ เขาป่วยแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้รู้สึกเจ็บปวดไม่หยุดเช่นนี้ แต่เขากลับบอกไม่ถูกว่าเจ็บที่ใดมากที่สุด

ร่างอีกฝ่ายสั่นสะท้านเบาๆ แต่ไม่นานก็คืนสู่ความเงียบสงบ เนิ่นนาน ในที่สุดก็พูดขึ้น ‘อย่ากลัว ลูกรัก’

เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นระลอกหนึ่ง หวังเพียงให้มารดาปลอบโยนเขาไปอย่างนี้เรื่อยๆ

‘ลูกรัก เจ้าคงจะหิวแล้ว กินข้าวก่อนเถิด’ มารดาประคองเขาให้กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ก่อนจะยกถ้วยกับข้าวเข้ามา เขาฝืนข่มความเจ็บปวด ค่อยๆ กลืนไปทีละคำๆ

นี่เป็นมื้อที่เขากินอย่างเอร็ดอร่อยที่สุด เพราะมารดาป้อนข้าวเขาเองกับมือ หลังจากนั้นมารดาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ที่แท้เสื้อผ้าชุดใหม่ที่วางอยู่ข้างเตียงก็สำหรับเขานี่เอง

‘ลูกรัก นอนเถิด’

เขาตะแคงตัวลงนอน มีมารดาคอยลูบหลังให้ ไม่นานก็รู้สึกง่วงงุน ก่อนหลับตาลงเขาคิดว่า หากร่างกายไม่เจ็บปวด เวลานี้คงดียิ่งนัก แต่แค่นี้เขาก็พอใจมากแล้ว ไม่นานก็จมสู่ห้วงนิทรา

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ความเย็นยะเยือกตรงหน้าอกค่อยๆ ปลุกเขาให้ตื่น

‘ลูกรัก เจ้าไม่ควรเกิดมายังโลกใบนี้ เป็นแม่ที่ใจอ่อนเอง หากตอนที่คลอดเจ้าแม่สังหารเจ้าเสีย เจ้าก็จะไม่ต้องทนทุกข์อยู่บนโลกใบนี้…’

ท่านแม่พูดอะไรน่ะ เขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าเสื้อของตนถูกเปิดออก มารดานั่งอยู่ข้างเตียง แววตานิ่งสงบ นิ่งสงบเกินไป!

‘ท่านแม่…’

นางส่ายหน้า ‘อย่าเรียกเช่นนั้น ต่อให้พบหน้ากันบนทางสู่น้ำพุเหลือง** ก็ห้ามเรียก หากข้าเป็นมารดาของเจ้า เขามิใช่ต้องกลายเป็นบิดาของเจ้าด้วยหรือ ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เหตุใดบนโลกใบนี้จึงมีเรื่องเช่นนี้ได้’

เขาฟังไม่เข้าใจ เพียงรู้สึกว่าดวงหน้าของมารดาคล้ายจะสว่างไสวขึ้นอย่างไรอย่างนั้น แววตาแจ่มใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

‘เจ้าอย่ากลัว เพียงหลับตาลงครู่เดียวเท่านั้น ทุกอย่างก็จะผ่านไป ชาติหน้าจงเกิดเป็นคนที่สง่าผ่าเผย อย่าได้…อย่าได้เกิดมาเป็นปีศาจอีกเลย’

เด็กน้อยตะลึงงัน เขาเคยถูกผู้คนด่าทอมาหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักด่าเขาว่าน่ารังเกียจ หรือไม่ก็เป็นของโสมม มีบ้างที่ด่าว่าเขาเป็นปีศาจ แต่เหตุใดมารดาเองก็พูดเช่นนั้นเล่า

‘ชาตินี้ไม่ถือโทษโกรธเคือง ชาติหน้าเจ้าจะได้สมปรารถนา ลูกรัก เจ้าหลับตาเสียเถิด’

มารดาอบอุ่นอ่อนโยนอย่างยิ่ง เขาพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังก่อนจะหลับตา แผ่นอกรู้สึกถึงสัมผัสบางอย่าง มือของท่านแม่เย็นนัก ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ปะทุขึ้น

เด็กน้อยลืมตาขึ้นด้วยความตระหนก เห็นมารดาที่อบอุ่นเปี่ยมเมตตาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ดวงหน้าบิดเบี้ยว สีหน้าหวั่นหวาด ในมือถือมีดหั่นผัก แทงใส่หน้าอกเขา!

ท่านแม่จะฆ่าเขา?! เด็กน้อยดิ้นรน ทว่ากลับถูกกดร่างไว้กับเตียง

‘เดิมทีเจ้าก็เป็นปีศาจอยู่แล้ว ไยจึงไม่ตายไปเสีย!’ นางคำรามเสียงแหบแห้ง

‘ท่าน…ท่านแม่! ข้ากลัวแล้ว! ท่านแม่ปล่อยข้าเถิด!’ เขาร้องตะโกน แต่ถูกปิดปากเอาไว้

อีกฝ่ายไม่สนใจ ราวกับไม่หลงเหลือสตินึกคิดอยู่อีกแล้ว ร่างที่อยู่ตรงนี้มีเพียงเปลือกนอก สองตาของนางเบิกถลน เพียงพริบตามีดหั่นผักก็ลากจากหน้าอกลงมาถึงสะดือ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากผิวเนื้อที่ถูกกรีด

อย่า! เขาไม่อยากตาย เขาทำอะไรผิดไปหรือ

‘ขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว คราวหน้าข้าไม่กล้าอีกแล้ว ยกโทษให้ข้า…’ เด็กน้อยร่ำไห้พลางเอ่ยขออภัยไม่หยุด ทว่ากลับเห็นแต่คมมีดพาดผ่าน เขาพยายามดิ้นรนขัดขืน ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน สองเท้าออกแรงถีบ เตะหญิงสาวให้ผละออกไป ก่อนจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียง

‘โลกใบนี้ไม่มีที่สำหรับเจ้า!’ นางกู่ร้อง เสียงสั่นจนฟังไม่เหมือนคน ‘ปีศาจสมควรตายไปให้หมด’

เด็กน้อยเห็นมีดหั่นผักพุ่งเข้ามาอีกครั้งก็ลนลานปัดป้องจนมือถูกฟันไปหนึ่งแผล เลือดกระเซ็นเปื้อนใบหน้า

‘ท่านแม่! ข้าไม่อยากตาย! ไว้ชีวิตข้าเถิด!’ เขาตะโกน ทว่าอีกฝ่ายเหมือนกับไม่ได้ยินแม้แต่น้อย นางราวกับถูกเลือดทำให้ขวัญกระเจิง ได้แต่นิ่งงันมองมือทั้งสองข้างที่แดงฉาน

เด็กน้อยกุมมือที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่กำลังคิดจะร้องเรียก ก็เห็นนางถลึงตากว้างอีกครั้ง จ้องเขม็งจนน่าพรั่นพรึง เขาไม่กล้าลังเลอีก รีบวิ่งไปทางประตู

ลมราตรีอันหนาวเหน็บตัดกับเลือดอุ่นร้อนที่ไหลออกจากหน้าอก แขนของเขาข้างหนึ่งตกลงข้างลำตัวอย่างไม่อาจควบคุม เด็กน้อยหนีออกไปทางประตูเล็กข้างห้องครัวที่ใช้ส่งผัก สองเท้าวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ตรงดิ่งเข้าไปในตรอกมืด ลมหายใจถี่กระชั้น ฝีเท้าเขาเชื่องช้าลงเรื่อยๆ ก่อนจะไม่ทันระวังสะดุดล้มลงบนพื้น เขาใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บพยายามคลานไปข้างหน้า ขณะที่ใกล้จะไปถึงถนนใหญ่ เรี่ยวแรงก็เหือดหาย ได้แต่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

เขาไม่อยากตาย เขาไม่ใช่ปีศาจ โลกใบนี้จะต้องมีใครสักคนที่ยอมรับเขา…

ก่อนจะสิ้นสติ เด็กน้อยเห็นกลุ่มหมอกสีขาว เมื่ออยากจะดูให้ชัดกลับไม่มีแรงแม้แต่จะลืมตา ในที่สุดหัวก็ร่วงลงสิ้นสติไป

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…

* อีแปะ (เหวิน) คือหน่วยเงินสำริด (เป็นเหรียญที่มีรู) ซึ่งมีค่าน้อยที่สุดในหน่วยเงินตราสมัยก่อนของจีน

** น้ำพุเหลือง ตามความเชื่อของคนจีน คือยมโลก เป็นดินแดนแห่งผู้ล่วงลับ

 

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 5 #นิยายวาย

    By

    พิศวาสรัญจวนในห้องหนังสือ คราแรกของเด็กหนุ่ม   ดูจากการที่องค์ชายสามทั้งตีทั้งตวาด แล้วแบกเขาเดินเร่งฝีเท้าด้วยท่าทางกระโชกกระชาก หรูซิ...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย

    By

      มรสุมพลันสาดซัด เด็กหนุ่มโชกไปด้วยเลือด   ราตรีล่วงผ่านไปโดยไม่อาจข่มตาหลับ วันถัดมาฟ้าเพิ่งจะสาง หรูซิ่วก็รีบวิ่งออกไปเคาะประตู...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย

    By

    เด็กหนุ่มรูปงาม อุทิศตนเป็นบ่าวรับใช้   ในห้องที่ซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือ คนทั้งสองหลับตาพักผ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ท่ามกลางความมืด...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    แสงดาราพาดผ่าน ดวงชะตาเคลื่อนคล้อย   กลางดึก รถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากเมืองอย่างช้าๆ ระหว่างที่รถม้าวิ่งไปข้างหน้า ตัวรถก็ส่ายไปซ้ายทีขวา...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.2   เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง เนื่องจากเหตุการณ์ของชายาทำให้บรรยากาศในวังยังคงอึมครึม ข้าเรียกคนให้หยิบกาสุรามาดื่มในสวนเล็กของตำหน...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.1 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.1   วันถัดมา ข้าเข้าวังเพื่อกราบทูลผลการลงโทษชายาต่อฝ่าบาทและไทเฮา เดิมทีข้าจะไปเข้าเฝ้าฉีเจ่อก่อน แต่ขันทีน้อยบอกข้าว่าฝ่าบาทก...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 2   ข้าย่างเท้าออกจากประตูตะวันออกของอุทยานหลวงภายใต้แสงสายัณห์ ยังไม่ทันเดินออกมาได้ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากทางเบื...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com