ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย

สั่งสอนบ่าวดื้อรั้น แบกเข้าห้องหนังสือ

 

เขาเคยเห็นดอกสุยซือไห่ถัง* กลีบดอกบางและอ่อนนุ่ม เป็นสีชมพูอ่อนราวชาดที่เจือจาง ยามที่ดอกบานจะคว่ำหัวลง เมื่อสายลมพัดผ่านกลีบดอกก็จะสั่นไหว ราวกับหญิงงามก้มหน้าเอียงอาย ท่าทีอ่อนหวานชวนให้รักใคร่พานให้เขานึกไปถึงเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีผู้นั้น…หรูซิ่ว

องค์ชายสามมองออกไปนอกหน้าต่าง เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง

พิธีบวงสรวงสวรรค์สิ้นสุดไปเมื่อวันก่อน ฮ่องเต้ทรงพอพระทัยกับการจัดเตรียมพิธีในปีนี้อย่างยิ่ง พระราชทานของรางวัลให้เขามากมาย ทั้งยังทรงอนุญาตให้พักผ่อนเป็นเวลาสามวัน เขาควรรู้สึกอิ่มเอมใจ ทว่าในอกกลับว้าวุ่น ยามกลางคืนไม่อาจข่มตาหลับ ได้แต่นั่งขีดๆ เขียนๆ อยู่ในห้องหนังสือ

เขาเขียนอักษรไปได้ไม่กี่แถว ประตูก็ถูกเปิดออก พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเป็นหรูตง อีกฝ่ายเดินเข้ามาที่โต๊ะ จัดเรียงสิ่งของเงียบๆ จากนั้นจึงยืนฝนหมึกอยู่ด้านข้าง

หลังพิธีบวงสรวง เด็กรับใช้ในห้องหนังสือของเขาก็เปลี่ยนเป็นหรูตง

คืนนั้นหรูซิ่วที่กำลังควบคุมอารมณ์ไม่อยู่วิ่งจากไป เขาลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็แข็งใจไม่ไล่ตามไป เพียงกำชับให้หรูซย่าส่งคนออกไปตามหา จากนั้นก็รีบร้อนขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปตำหนักไจกง

วันแรกที่ตำหนักไจกง เขาแอบเรียกหรูซย่ามาพบ ถามเรื่องหรูซิ่วก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นถึงค่อยนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ จึงสอบถามเรื่องการไต่สวนมือสังหาร เขาอดตำหนิตัวเองในใจไม่ได้ที่เรียงลำดับความสำคัญของเรื่องราวผิด หรูซย่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย เพียงคิดว่าซิ่วเอ๋อร์เอาแต่ใจ จึงรายงานว่าคืนนั้นพวกเขาพบหรูซิ่วอยู่ข้างภูเขาจำลองในสวนดอกไม้ หลังตำหนิไปหลายประโยค ก็ลากตัวกลับมาพักผ่อนที่ห้อง

เดิมองค์ชายสามคิดว่าหรูซิ่วยังเด็ก นิสัยดื้อรั้น จึงใจร้อนวู่วามไปชั่ววูบ เขาไม่คิดติดใจเอาความ กลับคาดไม่ถึงว่าหลังพิธีบวงสรวงผ่านพ้นไป เขาเพิ่งกลับถึงวังได้ไม่ทันไร ตัวการก่อเรื่องวุ่นก็เป็นฝ่ายมาหาเขาเสียเอง ทั้งยังเอ่ยคำที่ชวนให้คนฟังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ…

‘ซิ่วเอ๋อร์อยากติดตามพี่หรูซย่าขอรับ เรียนหมัดมวยไปด้วยเป็นองครักษ์ไปด้วย ทั้งยังได้เรียนวิชาแพทย์เล็กๆ น้อยๆ นายท่านได้โปรดส่งเสริม’

องค์ชายสามตะลึงมองหรูซิ่ว ทว่าอีกฝ่ายเอาแต่หลุบสายตาลงต่ำ จ้องมองพื้น ไม่มองผู้เป็นนายอย่างเขาแม้แต่น้อย ชายหนุ่มอดรู้สึกโมโหไม่ได้ ขณะคิดจะระเบิดโทสะลงโทษอีกฝ่าย ก็กังวลขึ้นมาว่าบาดแผลของหรูซิ่วยังไม่หายดี จะตีก็ไม่ได้จะด่าก็ไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นตัวเขาเองที่ทนใจแข็งลงโทษเด็กหนุ่มไม่ลง พอลองคิดดู บางทีการให้หรูซิ่วไปทำงานอย่างอื่นก็นับว่าเป็นวิธีการผ่อนคลายบรรยากาศอึดอัดที่ไม่เลวนัก นอกจากนี้ตำแหน่งผู้ติดตามของหรูซย่าก็สมเหตุสมผลอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มคิดได้ดังนั้นจึงตกปากรับคำ

แต่หลังจากนั้นพอมาคิดไตร่ตรองดูแล้ว เขากลับไม่ชอบใจเอาเสียเลย ตัวเขาเองในตอนนั้นคิดแต่เรื่องมือสังหาร จากที่หรูซย่ารายงาน ไม่ว่าอย่างไรมือสังหารที่จับได้ก็ไม่ยอมปริปาก หรูจงประเดี๋ยวก็ได้สติประเดี๋ยวก็หลับไป แค่เรื่องพวกนี้ก็ทำให้เขาหงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรูซิ่วยังมาทำให้เขาหนักใจเพิ่มอีก เรียกว่าหิมะตกแล้วยังเกิดน้ำค้างแข็ง**…

‘องค์ชายสาม โจ๊กของพระองค์หากยังไม่เสวยอีกจะเย็นเอานะพ่ะย่ะค่ะ’

เสียงหนึ่งดังตัดบทความคิดขององค์ชายสาม เขาหันไปมองหรูตงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ ความหงุดหงิดผุดขึ้นในใจ หรูตงรับใช้เขามาสิบกว่าปี จึงรู้ใจเขาอย่างยิ่ง แต่ก็ทำเพียงดูแลกิจวัตรประจำวันและอาหารการกินเท่านั้น ไม่รวมถึงปรนนิบัติช่วยเขาฝนหมึก ชายหนุ่มเหลือบมองหรูตงคราหนึ่ง ความไม่ชอบใจยิ่งเพิ่มพูน

ควรรู้ไว้ว่างานฝนหมึกข้างโต๊ะไม่ใช่ใครก็ทำได้ หรูตงทำงานอย่างตั้งใจก็จริงอยู่ ทว่าหากร่างกายสูงโปร่งบอบบางกว่านี้ ใบหน้าขาวกระจ่างกว่านี้ กลิ่นอายสูงสง่ากว่านี้ ดวงตาใสกระจ่างกว่านี้ คำพูดคำจามีไหวพริบปฏิภาณมากกว่านี้ หากยามยิ้มสว่างเจิดจ้ายิ่งกว่านี้แล้วล่ะก็ ทุกครั้งที่มองก็จะยิ่งรื่นหูรื่นตากว่านี้…

ในหัวพลันผุดภาพเด็กหนุ่มผู้หนึ่งขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม หน้าตาน่ารักน่าชังยิ่ง นิสัยเก็บตัว ทว่าซุกซนนัก

จริงๆ เลย! คิดไปถึงไหนกัน องค์ชายสามขมวดคิ้ว เขาวางพู่กันลงพลางออกคำสั่ง ‘ข้าไม่กินแล้ว เจ้าไปนำ ‘ตำรารวมอักษรโอวหยาง’ ออกมา’

หรูตงรีบวิ่งไปค้นที่ชั้นหนังสือ ผ่านไปนานจนองค์ชายสามเร่งอีกครั้ง เขาถึงค่อยตอบเสียงงึมงำ ‘องค์ชายสาม ชั่วประเดี๋ยวเดียวกระหม่อมหาไม่เจอหรอกพ่ะย่ะค่ะ ไม่สู้ให้กระหม่อมไปเรียกหรูซิ่วมาช่วยหาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ’

องค์ชายสามนิ่งงันไป ในใจนึกยินดี แต่ก็พลันหงุดหงิดขึ้นมาอีก ชายหนุ่มตบโต๊ะเสียงดัง พูดด้วยความโมโห ‘แค่หนังสือเล่มเดียวเจ้ายังหาไม่เจอ เช่นนี้จะรับใช้ในห้องหนังสือได้อย่างไร!’

หรูตงสะดุ้งตกใจกลัว เขารีบร้อนคุกเข่ารับผิด แต่ไหนแต่ไรมาองค์ชายสามมักอ่อนโยนใจกว้าง น้อยครั้งที่จะตบโต๊ะบันดาลโทสะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้เป็นนายหาใช่คนเลือดร้อนไม่ หรูตงรู้ดีแก่ใจ พอถูกกระตุ้นโทสะเข้า องค์ชายสามก็จะโมโหขึ้นมาทันทีราวกับอสนีบาตฟาดลงพื้น เปลี่ยนไปจากยามปกติราวกับเป็นคนละคน

องค์ชายสามเห็นอีกฝ่ายกลัวจนหน้าซีดขาวก็รู้สึกผิดขึ้นมา จึงโบกมือให้เขาถอยออกไป

หรูตงได้รับคำสั่งก็ถอนใจเฮือกใหญ่ รีบยกโจ๊กจากไปทันที จะว่าไปแล้ว เขารู้สึกว่าตั้งแต่กลับจากพิธีบวงสรวง องค์ชายสามก็มักจะทำหน้าบึ้งตึงอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดกันที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าทำให้องค์ชายสามหงุดหงิดใจเช่นนี้

หรูตงออกไปแล้ว ในห้องหนังสือกว้างใหญ่จึงเหลือเพียงองค์ชายสามคนเดียว ชายหนุ่มฝืนเขียนอักษรได้ไม่กี่ตัวก็รู้สึกว่าน้ำหมึกเข้มกว่าวันก่อนๆ ปกติยามทำงานเขาชอบใช้หมึกจาง อักษรอ่อนจางให้ความรู้สึกล่องลอยสันโดษ ทว่ายามนี้เมื่อเห็นหมึกเข้มก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ หมดอารมณ์จะคัดอักษร ได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

ตกดึก อากาศเย็นจนเสียดกระดูก ทั้งวังตกอยู่ในความหนาวเหน็บราวกับถ้ำน้ำแข็ง

ขณะที่องค์ชายสามกอดเตาพก*** ไว้ในอ้อมแขนก็พลันนึกขึ้นได้ว่าในห้องของหรูซิ่วเรียบง่าย แทบจะไม่มีอะไรเลย อย่าว่าแต่เตาผิงไฟ กระทั่งผ้าห่มที่มีแต่รอยปะชุนบนเตียงผืนนั้นก็ยังหนาไม่พอให้ห่มด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่าเด็กคนนั้นอาจไม่มีแม้กระทั่งผ้าคลุมหรือเสื้อนอกก็เป็นได้…

มีคนโง่เช่นนั้นด้วยหรือ! ถึงขั้นไม่ต้องการข้าวของเครื่องใช้ใดๆ ต้องการเพียงแค่เงินเท่านั้น เด็กหนุ่มที่ได้รับการศึกษาคนหนึ่งไปเอานิสัยตระหนี่ถี่เหนียวเช่นนี้มาจากที่ใดกัน เสื่อมเสียยิ่งนัก เขาควรสอบถามอาจารย์ที่เชิญมาเหล่านั้นสักหน่อยแล้ว

อีกอย่าง มาบอกว่าไม่อยากทำงานในห้องหนังสือแล้วก็ไม่ทำเสียดื้อๆ ทั้งรั้นทั้งหัวแข็ง ทำให้เขาหาหนังสือเล่มเดียวก็ยังหาไม่เจอ กระทั่งอักษรตัวเดียวก็เขียนไม่ออก ช่างเป็นบ่าวไพร่ที่ไม่รู้สำนึก!

ในที่สุดความหงุดหงิดใจที่มีมาหลายวันขององค์ชายสามก็พุ่งสูงท่วมหัว เขาพลันลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดประตูห้องหนังสือออกอย่างแรง มุ่งหน้าไปยังห้องของต้นเหตุ

คาดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเดินมาถึงลานเรือนด้านนอก คนร้ายกลับส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู

‘นายท่าน’ หรูซิ่วเห็นองค์ชายสามก็นิ่งอึ้งไป ไม่ได้พบหน้าหลายวัน ยามนี้เมื่อได้เห็นคนที่เฝ้าคิดคำนึงถึง เขาก็อดกลืนน้ำลายอึกหนึ่งไม่ได้ ริมฝีปากชาหนึบ

พอเห็นตัวคน องค์ชายสามยังไม่ทันได้เอ่ยปากตำหนิ ก็เห็นอีกฝ่ายถือห่อผ้าไว้ในมือ เขาตัวสั่น ถามด้วยความโมโห ‘เจ้าจะไปที่ใด ไยไม่บอกกล่าวก่อน’

‘ซิ่วเอ๋อร์…กำลังจะมาลานายท่านขอรับ’ เขาไม่เคยเห็นองค์ชายสามถลึงตาราวกับจะมีไฟลุกท่วมเช่นนี้มาก่อน จึงอดตกใจไม่ได้

องค์ชายสามได้ยินก็บันดาลโทสะ ตวาดออกมา ‘พูดเหลวไหล! เจ้าเห็นที่นี่เป็นที่ใด บอกจะไปก็ไปได้อย่างนั้นหรือ! น่ารำคาญนัก!’

หรูซิ่วตะลึงงัน ในอกฝาดเฝื่อน คืนนั้นหลังถูกองค์ชายสามผลักออก เขาก็นั่งอยู่ข้างภูเขาจำลองตามลำพังอยู่นาน ลมหนาวพัดต้องใบหน้า ในที่สุดหัวใจที่ปั่นป่วนก็ค่อยๆ สงบลง

เขารู้ดีอยู่ในอกว่าความรักและความปรารถนาที่มีต่อองค์ชายสามเป็นสิ่งที่ตนไม่อาจควบคุม และยิ่งไม่อาจเก็บงำไว้ได้อีก หากยังรับใช้อยู่ข้างกายองค์ชายสามต่อไป เขาย่อมต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส และเพราะเหตุนี้ถึงได้หน้าไม่อายวิ่งโร่ไปร้องขอทำงานเป็นองครักษ์

 

* ดอกสุยซือไห่ถัง ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ Malus halliana Koehne ไม้ยืนต้นผลัดใบ ดอกมีสีชมพูอมแดง ออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน

** หิมะตกแล้วยังเกิดน้ำค้างแข็ง เป็นสำนวนหมายถึงปัญหาเดิมยังไม่คลี่คลาย ปัญหาใหม่ก็เข้ามาทับถม

*** เตาพก เป็นเครื่องให้ความอบอุ่นแบบพกพาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ลักษณะเป็นกล่องเล็กๆ มีหูหิ้วหรือเป็นตลับ มีลายฉลุด้านบนเพื่อให้ไอร้อนจากไฟที่จุดด้านในส่งความอบอุ่นออกมา

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 5 #นิยายวาย

    By

    พิศวาสรัญจวนในห้องหนังสือ คราแรกของเด็กหนุ่ม   ดูจากการที่องค์ชายสามทั้งตีทั้งตวาด แล้วแบกเขาเดินเร่งฝีเท้าด้วยท่าทางกระโชกกระชาก หรูซิ...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย

    By

    เด็กหนุ่มรูปงาม อุทิศตนเป็นบ่าวรับใช้   ในห้องที่ซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือ คนทั้งสองหลับตาพักผ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ท่ามกลางความมืด...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    แสงดาราพาดผ่าน ดวงชะตาเคลื่อนคล้อย   กลางดึก รถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากเมืองอย่างช้าๆ ระหว่างที่รถม้าวิ่งไปข้างหน้า ตัวรถก็ส่ายไปซ้ายทีขวา...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย

    By

    สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ฝันร้ายอันยากจะลืม   ความจริงแล้ว...เขาแตกต่างจากผู้อื่นที่ใดกันแน่ เหตุใดใครๆ จึงต่างรังเกียจเขาเช่นนี้   ส...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.2   เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง เนื่องจากเหตุการณ์ของชายาทำให้บรรยากาศในวังยังคงอึมครึม ข้าเรียกคนให้หยิบกาสุรามาดื่มในสวนเล็กของตำหน...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.1 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.1   วันถัดมา ข้าเข้าวังเพื่อกราบทูลผลการลงโทษชายาต่อฝ่าบาทและไทเฮา เดิมทีข้าจะไปเข้าเฝ้าฉีเจ่อก่อน แต่ขันทีน้อยบอกข้าว่าฝ่าบาทก...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 2   ข้าย่างเท้าออกจากประตูตะวันออกของอุทยานหลวงภายใต้แสงสายัณห์ ยังไม่ทันเดินออกมาได้ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากทางเบื...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com