ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย

4 of 4หน้าถัดไป

แต่สามวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่คิดว่าตนกำลังอยู่ร่วมชายคาเดียวกับองค์ชายสาม ในอกก็จะร้อนรุ่มไปหมด ไม่อาจข่มตาหลับ ทรมานจนไม่อาจบรรยาย หลายครั้งที่อยากไปแอบมองอยู่ห่างๆ ทว่าก็ต้องตัดใจข่มกลั้นเอาไว้ เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา จนเขาแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

‘ซิ่วเอ๋อร์รู้ดีว่าตัวเองไม่รู้จักดีชั่ว แต่ซิ่วเอ๋อร์ก็ไม่ได้ลงนามในสัญญาขายตัวมาตั้งแต่ต้น’ เขากัดฟัน แสร้งทำเป็นลืมบุญคุณ หมายให้องค์ชายสามบันดาลโทสะจนไล่เขาออกจากวัง หรือหากโมโหจนฆ่าเขาให้ตายได้ก็ยิ่งดี และก็ไม่ผิดจากที่คาด พอพูดจบเขาพลันรู้สึกถึงไฟพิโรธที่ลุกท่วมของอีกฝ่าย ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยโทสะจนแทบจะสังหารคนได้

‘เจ้าจงรู้ไว้ว่าบ่าวไพร่ที่ไม่มีสัญญาขายตัว หากข้าไม่พยักหน้า ชั่วชีวิตก็อย่าหวังจะได้จากไปไหน’ สีหน้าองค์ชายสามเคร่งขรึมจริงจังถึงที่สุด ทว่าน้ำเสียงกลับค่อยๆ คืนสู่ความราบเรียบ หากจะรับมือกับเด็กหนุ่มเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ อันดับแรกต้องทำใจให้เยือกเย็น เขาจะได้ไม่ตัดสินใจผิดพลาด

หรูซิ่วตีสีหน้าเย็นชา ตรงหว่างคิ้วปรากฏแววดื้อรั้น เขารีบโต้กลับ ‘นายท่านเป็นผู้มีปัญญา กระทำเรื่องต่างๆ ด้วยความชอบธรรม ซิ่วเอ๋อร์เชื่อว่านายท่านไม่มีทางบังคับ…’

‘แน่นอนว่าถ้าเจ้าอยากไปก็ใช่จะไม่ได้ แต่ต้องทำตามเงื่อนไขของข้าให้สำเร็จเสียก่อน’ องค์ชายสามไม่ถูกคำพูดของหรูซิ่วทำให้รวนเร ครั้นเห็นหรูซิ่วทำท่าจะโต้แย้งก็รีบชิงเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์ จริงอยู่ที่หรูซิ่วเป็นเด็กเฉลียวฉลาด แต่อย่างไรก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีที่ยังขาดประสบการณ์ หากตนถูกเขาทำให้พูดไม่ออก คงเสียแรงที่เลี้ยงอีกฝ่ายมาเกือบสิบปี

หรูซิ่วมองเขา จู่ๆ ก็รู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย เห็นอยู่เต็มตาว่าเมื่อครู่องค์ชายสามโมโหมาก เหตุใดตอนนี้กลับเยือกเย็นลงได้เล่า แต่ในเมื่อไม่มีทางอื่น เขาก็ได้แต่กลั้นใจแทงลงไปที่จุดอ่อน ‘เหตุใดนายท่านต้องทำเช่นนี้ นายท่านก็รู้ว่าซิ่วเอ๋อร์ต้องการสิ่งใด ซิ่วเอ๋อร์…หาใช่เด็กดีไม่’

‘ข้าจะไม่คุยเรื่องนี้กับเจ้าตอนนี้’ องค์ชายสามส่ายหน้า ตอนนี้ทั่วร่างของชายหนุ่มไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโทสะเลยแม้แต่น้อย แววตาก็สงบราบเรียบ ราวกับเสือร้ายที่กำลังซุ่มรอโอกาส ‘อยากไปก็ย่อมได้ แต่ในเมื่อออกไปจากวังของข้า ก็ไม่อาจทำให้ชื่อของข้ามัวหมอง’

หมายความว่าอย่างไร หรูซิ่วจับต้นชนปลายไม่ถูก ทว่าเมื่อได้ยินประโยคถัดมา ร่างของเด็กหนุ่มก็พลันตัวแข็งทื่อ

‘หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ไม่เพียงจากไปได้ทันที ของชิ้นไหนก็ตามที่เจ้าอยากได้ก็เชิญหยิบไปตามสบาย’ องค์ชายสามกล่าว สีหน้ายังคงอบอุ่นอ่อนโยนดังวันวาน ทว่าทุกคำที่เอ่ยออกมาช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

‘นายท่านก็รู้ว่าซิ่วเอ๋อร์บาดเจ็บ ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่’ เขาสับสนยิ่งนัก จึงได้แต่คิดหาทางบ่ายเบี่ยง ‘เอาชนะคนป่วยผู้หนึ่ง มิใช่เอารัดเอาเปรียบหรอกหรือขอรับ’

‘ในเมื่อเจ้าคิดว่าตนปีกกล้าขาแข็ง ย่อมต้องรู้ดีว่าในยุทธภพ การรังแกคนที่อ่อนแอกว่ามีให้เห็นอยู่ทั่วไป’ องค์ชายสามจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่ง เห็นดวงหน้าเล็กขาวกระจ่างฉายรอยตกตะลึง ชายหนุ่มพลันตัดสินใจ ‘ห้ากระบวนท่า ข้าจะโจมตีเจ้าห้ากระบวนท่า หากสามารถรับได้หนึ่งกระบวนท่า ข้าจะเปิดประตูใหญ่ส่งเจ้าออกไปทันที ว่าอย่างไร’

ชั่วขณะนั้นหรูซิ่วไม่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เขาคิดมาตลอดว่าตนเข้าใจองค์ชายสามมากที่สุด แต่เขากลับไม่เคยเห็นท่าทางมีลับลมคมในเช่นนี้ของผู้เป็นนายมาก่อน เด็กหนุ่มพลันรู้สึกว่าตนกำลังถูกล่อหลอก ขณะเดียวกันก็รู้สึกคาดไม่ถึง

‘นายท่านอย่าได้แกล้งซิ่วเอ๋อร์เลยขอรับ เพียงบอกมาให้ชัดเจนว่าจะให้ซิ่วเอ๋อร์ไปหรือไม่ หากไม่ให้ไปก็จับตัวไว้เสีย แล้วขังไว้ในคุกจนแก่ตาย…’

องค์ชายสามไม่สนใจเขา หันซ้ายหันขวาก่อนจะหักกิ่งไม้ส่งให้เขากิ่งหนึ่ง

เมื่อหรูซิ่วเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะประลองยุทธ์จริงๆ ก็ขมวดคิ้ว ไม่ยอมคล้อยตาม ปล่อยให้กิ่งไม้ร่วงลงข้างเท้า องค์ชายสามเห็นดังนั้นก็หักกิ่งไม้อีกกิ่งมาถือไว้ในมืออย่างไม่รีบร้อน มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาลึกล้ำ ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชา ‘ไม่กล้าหรือ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะขี้ขลาดปานนี้ แล้วยังกล้าพูดว่าจะออกไปจากใต้ปีกของข้า’

‘ไม่กล้าแล้วอย่างไรขอรับ ขี้ขลาดแล้วอย่างไรขอรับ…นายท่าน!’ ยังพูดไม่ทันจบ หรูซิ่วก็ต้องอุทานด้วยความตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่าองค์ชายสามจะเผยแววตาคมกล้า พุ่งเข้ามาโจมตีจริงๆ เมื่อเห็นกิ่งไม้ทำท่าจะตีลงมาที่หัว เขาก็ได้แต่ยกมือขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ เดิมคิดว่าอีกฝ่ายจะยั้งมือกลับไป แต่องค์ชายสามกลับฟาดลงมาที่ข้อมือเขาจริงๆ อีกทั้งยังไม่มีการออมแรงใดๆ เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น ข้อมือปวดชา เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมบริเวณนั้นอย่างตกใจ ตะลึงมององค์ชายสาม

‘ยังไม่รีบหยิบอาวุธของเจ้าขึ้นมาอีก’ องค์ชายสามเตือน สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังอย่างยิ่ง เขาประกาศกร้าว ‘เจ้าเหลือโอกาสอีกเพียงสี่กระบวนท่าเท่านั้น’

หรูซิ่วสัมผัสได้ถึงความพึงพอใจสายหนึ่งที่วูบผ่านแววตาของอีกฝ่าย ในที่สุดก็มั่นใจว่าองค์ชายสามตั้งใจปั่นหัวเขาเล่น แต่ว่า…เพื่ออะไรกัน พอเห็นอีกฝ่ายออกกระบวนท่าอีกครั้ง หรูซิ่วก็ไม่มีเวลาคิดให้ถี่ถ้วน รีบคว้ากิ่งไม้ขึ้นมาตั้งรับอย่างรวดเร็ว

เขาฝึกวิชากระบี่อย่างยากลำบากมาหลายปี ฝีมือไม่นับว่าต่ำต้อย…แย่ล่ะ!

เห็นชัดว่าองค์ชายสามจู่โจมเข้ามาทางด้านขวา แต่กลับไม่รู้ว่ากิ่งไม้ถูกสับเปลี่ยนโยกย้ายตั้งแต่เมื่อใด จู่ๆ ก็พุ่งโจมตีเข้ามาจากทางด้านซ้าย เสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น ต้นขาถูกตีไปอีกหนึ่งกระบวนท่า

หรูซิ่วฝืนจนหน้าแดงก่ำ เข่าทรุดลงข้างหนึ่ง ทันใดนั้นก็เห็นกิ่งไม้ตวัดขวางเข้ามาที่ลำแข้ง ขณะคิดจะกระโดดหลบกลับพบว่ากิ่งไม้ถูกตวัดขึ้นด้านบน เกิดเสียง ‘เพียะ’ ขึ้นอีกครั้ง ฟาดใส่น่องอย่างแม่นยำ นับเป็นกระบวนท่าที่สาม

‘ข้าเสียเงินเชิญอาจารย์มีชื่อเสียงมาสั่งสอน แต่กลับได้คนไม่เอาถ่านเช่นนี้!’ องค์ชายสามตวาดเสียงเย็น

หรูซิ่วพลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ ในอกมีแต่ความหงุดหงิดคับข้อง เขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บมา เพียงออกแรงเล็กน้อยก็ปวดแปลบขึ้นมาแล้ว ไหนเลยจะมีกำลังประลองยุทธ์ แต่ถึงต่อให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าจะรับมือองค์ชายสามได้ แต่อย่างน้อยก็คงไม่ถึงกับแพ้ไม่เป็นท่า ทว่าคราวนี้เห็นทีเขาคงต้องแพ้หมดรูปเสียแล้ว

ขณะที่กำลังโอดครวญในใจ หรูซิ่วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าองค์ชายสามโจมตีเข้ามาอีกครั้ง อีกทั้งกิ่งไม้ในมือยังเคลื่อนไหวราวกับงูตัวหนึ่ง ฉวัดเฉวียนเหมือนมีชีวิต เป็นกระบวนท่าที่ไม่อาจไล่ตามได้เลย ได้ยินเพียงเสียง ‘เพียะ’ หลังมือของเขาเจ็บจนเผลอปล่อยกิ่งไม้ หรูซิ่วพลันหน้าซีด ร้องในใจว่าแย่แล้ว ตอนนี้กระทั่งอาวุธเขาก็ไม่มีเสียแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายสามจะไล่ต้อนผู้อื่นเช่นนี้ ตอนนี้เขาแพ้ไปแล้วสี่กระบวนท่า เหลือโอกาสอีกเพียงครั้งเดียว เขาจะต้องสู้สุดความสามารถ แต่น่าชังนัก คู่ต่อสู้มีฝีมือสูงส่งเกินไป กิ่งไม้นั่นตวัดฟาดใส่ร่างเขาครั้งแล้วครั้งเล่า หมายเล่นงานหัวไหล่ บังคับให้เขาต้องหมุนตัวหลบเป็นวงกลม เห็นชัดว่าอีกฝ่ายกำลังหยอกล้อเขาเล่น

‘บุรุษฆ่าได้หยามไม่ได้ เหตุใดนายท่าน…โอ๊ย!’

หรูซิ่วร้อง สะดุ้งโหยง พริบตาใบหน้ารวมถึงใบหูก็แดงก่ำ น่าอับอายยิ่ง! นี่เป็นการดูหมิ่น! องค์ชายสามพลิกมือฟาดกิ่งไม้ เล็งใส่บั้นท้ายเขาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

ว่ากันตามจริง การฟาดนี้จะว่าเจ็บก็ไม่เจ็บ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่รู้สึกอะไรเลย เจ็บนิดๆ ชาๆ มากกว่า ทั้งยังก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดอันน่าอับอาย เขายืนอยู่กับที่ ไม่กล้าขยับไปไหน กลัวว่าหากทำอะไรไม่คิด องค์ชายสามอาจจะฟาดกิ่งไม้ลงมาอีก

ในที่สุดก็สงบลงได้เสียที คิ้วที่ขมวดมุ่นขององค์ชายสามคลายออก เขาโยนกิ่งไม้ในมือทิ้ง พอเห็นเด็กหนุ่มถูกเขาปั่นหัวจนหน้าแดงก่ำ ไม่กล้าพูดคำน่าโมโหออกมาอีก ชายหนุ่มก็พลันอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา ดียิ่งนัก สมควรเป็นเช่นนี้แล้ว! เขามีชีวิตอยู่มายี่สิบเจ็ดปี นี่เป็นครั้งแรกที่วางแผนกลั่นแกล้งผู้อื่น จะเรียกว่าบรรลุเป้าหมายในขั้นตอนเดียวก็ไม่เกินไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อดูจากสีหน้าของหรูซิ่ว แผนการนี้ของเขานับว่าประสบความสำเร็จ

‘เจ้าแพ้แล้ว’ องค์ชายสามเหลือบมองเขา สีหน้าเยือกเย็นแฝงรอยโทสะ ราวกับคิดจะเผด็จศึก เพิ่งพูดจบชายหนุ่มก็ก้าวเข้าไปประชิด

‘นายท่าน?’ นายท่านคิดจะทำอะไรกัน หรูซิ่วเห็นองค์ชายสามเข้ามาใกล้ก็ลนลานทำอะไรไม่ถูก ทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงมาก่อนว่าองค์ชายสามผู้สุภาพอ่อนโยนจะทำอะไรหยาบคายเช่นนี้ เขาไม่ได้รู้สึกกลัวแต่กลับเขินอาย

องค์ชายสามเห็นอีกฝ่ายคิดจะถอยหลังก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมือออกไปรวบเอวเขาแบกขึ้นบ่า ทำราวกับอยู่ในเทศกาลล่าสัตว์ เห็นเหยื่อตัวไหนเหมาะที่สุดมีค่าที่สุดก็แบกกลับไป

เขามีใจใฝ่ศึกษามาตั้งแต่ยังเยาว์ เป็นปัญญาชนอย่างแท้จริง แต่ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเหมือนบัณฑิตคงแก่เรียนอย่างไร แต่ในกระดูกยังคงมีความกล้าหาญและองอาจเช่นบุรุษในทุ่งหญ้า หากคิดว่าเขาเอาแต่ดมกลิ่นน้ำหมึกจนสูญเสียสัญชาตญาณในการล่าสัตว์ไป นั่นเป็นความคิดที่ผิดมหันต์!

‘รีบปล่อยข้าลงเถอะขอรับ!’ หรูซิ่วตื่นตกใจ เตะขาพลางร้องโวยวาย ‘หากยังไม่ปล่อย ข้าจะตะโกนเสียงดังแล้วนะขอรับ! ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะวิ่งมาดูพร้อมกับหัวเราะเยาะ ข้าเสียหน้าเป็นเรื่องเล็ก แต่ฐานะอย่างนายท่าน หากถูกเห็นว่าทะเลาะกับบ่าวไพร่ จะต้องเสียหน้า เสื่อมเสียเกียรติอย่างยิ่งแน่นอน!’

‘หุบปาก!’ องค์ชายสามยกมือตีบั้นท้ายเขาอย่างแรงพลางเอ็ด ‘แพ้เดิมพันแล้วยังกล้ากวนโทสะอีกหรือ! หากโวยวายอีกข้าจะไม่ยกโทษให้แล้ว!’ องค์ชายสามสาวเท้าก้าวยาวตรงไปที่ห้องหนังสือโดยไม่สนเสียงร้องของคนบนบ่าเลยสักนิด

‘ข้า…ข้าเจ็บแผลขอรับ แผลต้องปริแล้วแน่ๆ!’ เด็กหนุ่มรีบตะโกนบอก กลัวอย่างยิ่งว่าจะมีคนมาเห็นเข้า องค์ชายสามทำเรื่องน่าตระหนกเช่นนี้โดยที่ยังคงสีหน้าสุภาพอ่อนโยนเอาไว้ได้อย่างไรกัน! จู่ๆ บั้นท้ายเขาก็พลันถูกตีอีกทีหนึ่ง เด็กหนุ่มอดหน้าแดงไม่ได้ ตีจนหนำใจแล้วหรือยังขอรับ เหตุใดนายท่านถึงได้ทำตัวเช่นนี้!

‘ลูกผู้ชายเอาแต่ร้องว่าเจ็บ เจ้ารู้สึกอายบ้างหรือไม่…อดทนไว้ อีกเดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าใส่ยา’ องค์ชายสามคิดว่าตนโชคดีที่กังวลว่าบ่าวไพร่จะหนาว จึงไล่ทุกคนกลับไปพักผ่อนจนหมด ยามนี้ถึงได้กระทำได้ตามใจชอบ เขาถูกขนบธรรมเนียมผูกมัดเอาไว้นานเหลือเกิน นานจนสมองใช้งานได้ไม่ดีเสียแล้ว โชคดีที่ท่าทางยามถือห่อผ้าของหรูซิ่วทำให้ตาสว่าง ชั่วขณะนั้นพลันเข้าใจทุกสิ่ง

หรูซิ่วดิ้นรนต่อต้านสุดกำลัง ทว่าสองขากลับถูกรัดเอาไว้แน่น หน้าท้องถูกกดทับจนไม่สบายตัว คิดจะเหวี่ยงหมัดก็ดูน่าขันเกินไป ขณะที่ทำอะไรไม่ถูก เขาเผลอร้องเสียงหลงออกไปโดยไม่ตั้งใจ

องค์ชายสามทำใจแข็งไม่ยอมอ่อนข้อ เขาแบกหรูซิ่วเดินมาถึงห้องหนังสือ ยกเท้าถีบประตูให้เปิดออก ก่อนจะอุ้มคนเดินเข้าไปในห้องหนังสืออันมืดสลัว…

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 5 #นิยายวาย

    By

    พิศวาสรัญจวนในห้องหนังสือ คราแรกของเด็กหนุ่ม   ดูจากการที่องค์ชายสามทั้งตีทั้งตวาด แล้วแบกเขาเดินเร่งฝีเท้าด้วยท่าทางกระโชกกระชาก หรูซิ...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย

    By

    เด็กหนุ่มรูปงาม อุทิศตนเป็นบ่าวรับใช้   ในห้องที่ซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือ คนทั้งสองหลับตาพักผ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ท่ามกลางความมืด...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    แสงดาราพาดผ่าน ดวงชะตาเคลื่อนคล้อย   กลางดึก รถม้าคันหนึ่งแล่นออกจากเมืองอย่างช้าๆ ระหว่างที่รถม้าวิ่งไปข้างหน้า ตัวรถก็ส่ายไปซ้ายทีขวา...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย

    By

    สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ฝันร้ายอันยากจะลืม   ความจริงแล้ว...เขาแตกต่างจากผู้อื่นที่ใดกันแน่ เหตุใดใครๆ จึงต่างรังเกียจเขาเช่นนี้   ส...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.2   เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง เนื่องจากเหตุการณ์ของชายาทำให้บรรยากาศในวังยังคงอึมครึม ข้าเรียกคนให้หยิบกาสุรามาดื่มในสวนเล็กของตำหน...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.1 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.1   วันถัดมา ข้าเข้าวังเพื่อกราบทูลผลการลงโทษชายาต่อฝ่าบาทและไทเฮา เดิมทีข้าจะไปเข้าเฝ้าฉีเจ่อก่อน แต่ขันทีน้อยบอกข้าว่าฝ่าบาทก...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 2   ข้าย่างเท้าออกจากประตูตะวันออกของอุทยานหลวงภายใต้แสงสายัณห์ ยังไม่ทันเดินออกมาได้ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากทางเบื...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com