ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
“หมานหมาน! หมานหมาน! ตื่นเร็วเข้า!”
สุ้มเสียงอันอ่อนโยนและเจือความห่วงกังวลดังขึ้นที่ข้างหู จากนั้นนางก็ถูกผลักร่างจนรู้สึกตัวตื่น
เสี่ยวเฉียวพลันเบิกตาขึ้นและพบว่าตนยังคงนอนอยู่บนเตียงซึ่งใช้นอนมาได้สองปีแล้ว เพียงแต่ทั้งเนื้อทั้งตัวกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
ผู้ที่นอนอยู่ข้างกายและผลักปลุกนางเมื่อครู่นี้ก็คือญาติผู้พี่นามว่า ‘ต้าเฉียว’ เป็นบุตรสาวของท่านลุงเฉียวเยวี่ยผู้ว่าการมณฑลเหยี่ยนโจว มีชื่อเล่นว่าอาฟั่น ปีนี้อายุสิบเจ็ด โตกว่านางสามปี สองพี่น้องโตมาด้วยกันแต่เล็ก รักใคร่สนิทสนมกันอย่างยิ่ง จึงนอนร่วมผ้าห่มผืนเดียวกันอยู่บ่อยครั้ง
เห็นญาติผู้น้องตื่นเสียที ต้าเฉียวลูบหน้าผากของอีกฝ่ายก็พบว่ามีแต่เหงื่อเย็น นางจึงรีบคลุมเสื้อลงจากเตียง เดินไปจุดตะเกียงน้ำมันเองโดยไม่กวนสาวใช้ซึ่งนอนหลับอยู่ที่ห้องชั้นนอก แล้วหยิบผ้ามาบรรจงซับเหงื่อให้ญาติผู้น้องซึ่งยังเอนกายอยู่บนเตียง ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะถูกความเย็นเล่นงานจึงหยิบเสื้อชั้นในที่สะอาดสะอ้านของตนมาช่วยผลัดเปลี่ยนให้ สุดท้ายยังรินน้ำส่งให้หนึ่งถ้วย
เสี่ยวเฉียวกระหายน้ำอยู่พอดีจึงรับมาด้วยความซาบซึ้ง
ต้าเฉียวนั่งบนขอบเตียง มองนางดื่มน้ำพลางถอนหายใจ “ฝันร้ายอีกแล้วหรือ หมานหมาน ข้าจำได้ว่าแต่ก่อนเจ้าหลับสนิทดียิ่ง สองปีมานี้เป็นอะไรไป เห็นเจ้าฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง เผลอไปถูกสิ่งอัปมงคลที่ข้างนอกมาใช่หรือไม่ พรุ่งนี้ข้าบอกท่านแม่ให้เชิญแม่หมอมาดูที่บ้านสักหน่อยเป็นอย่างไร”
มารดาของเสี่ยวเฉียวถึงแก่กรรมด้วยโรคภัยตั้งแต่หลายปีก่อน ติงฮูหยินผู้เป็นป้าสะใภ้จึงรักใคร่เอ็นดูเสี่ยวเฉียวอย่างยิ่ง คอยไถ่ถามชีวิตความเป็นอยู่ของนางเสมอ
เสี่ยวเฉียวรีบสั่นศีรษะ “ไม่ต้องหรอกพี่สาว ข้าไม่เป็นไรจริงๆ”
ต้าเฉียวรับถ้วยมาวางคืนบนโต๊ะ นางยังรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง “เมื่อครู่เจ้าฝันเห็นสิ่งใดกันแน่ ทั้งร่างถึงได้เย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็งเช่นนี้”
เมื่อสองปีก่อนนางข้ามมิติมาอยู่ที่นี่โดยไร้สาเหตุ ไม่เพียงกลายมาเป็นเสี่ยวเฉียวบุตรสาววัยสิบสองของเฉียวผิงเจ้าเมืองตงแห่งเหยี่ยนโจวเท่านั้น ยังมีความฝันนี้ที่คอยปรากฏให้นางเห็นอยู่เสมอด้วย
แรกเริ่มนางนึกว่าเป็นเพียงฝันร้าย ทว่าเมื่อความฝันปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ค่อยๆ บังเกิดความรู้สึกชนิดหนึ่งขึ้น คล้ายกับตนคือสตรีที่ถูกแทงตายเป็นคนสุดท้ายในห้วงฝัน ฉากเหตุการณ์อันน่าพรั่นพรึงในฝันนั้นอาจเป็นภาพเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่ตนจะตายก็เป็นได้
เพราะทุกสิ่งในห้วงฝันราวกับคลุ้งไปด้วยคาวเลือดจริงๆ และดูสมจริงอย่างมาก
ยามที่เด็กสาววัยเพียงสิบสามจบชีวิตลงภายใต้คมดาบของขันที แววตาแปลกใจซึ่งฉายออกมาจากดวงตาข้างนั้นที่จ้องมองตน กระทั่งขณะนี้ที่ตื่นขึ้นจากฝันแล้ว นางก็ยังคงรู้สึกขนพองสยองเกล้า
อีกทั้งหน้าอกของตนจวบจนบัดนี้ยังคล้ายหลงเหลือไอหนาวและความรวดร้าวยามที่กระบี่คมกริบเล่มนั้นแทงทะลุหัวใจเข้ามา
เสี่ยวเฉียวไม่อยากระลึกถึงมันอีก นางจึงแสร้งขดร่างเข้าไปใกล้ต้าเฉียวแล้วพึมพำเบาๆ “แค่ฝันเห็นเสือร้ายตัวหนึ่งไล่ล่าเท่านั้น…”
ต้าเฉียวจึงยิ้มออก นางลูบเรือนผมของญาติผู้น้องด้วยความรักใคร่เอ็นดู ก่อนจะโน้มกายไปเป่าไฟตะเกียงให้ดับ คลำหาผ้าห่มเจอแล้วก็มุดร่างกลับเข้ามาโอบกอดเสี่ยวเฉียวไว้ ลูบหลังให้อีกฝ่ายเบาๆ พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ไม่ต้องกลัวนะ พี่สาวจะนอนอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
เสี่ยวเฉียวขานรับอืมพลางซบร่างอันอบอุ่นนิ่มนุ่มของต้าเฉียวแล้วค่อยๆ หลับตาลง
แสงจันทร์ของวันเสี่ยวหาน เดือนสิบเอ็ดในรัชศกติ้งคังที่เจ็ดของต้าฮั่นที่ทอเข้ามาในห้องถูกกรองอย่างละเอียดผ่านกระดาษกรุหน้าต่าง แล้วฉายส่องลงบนพื้นหน้าเตียงอย่างเงียบเชียบ
ขณะที่หลับตา จิตใจของเสี่ยวเฉียวก็สงบมั่นคงขึ้นตามลำดับ ทว่านางกลับไม่อาจหลับใหลได้อีก
ดูเหมือนต้าเฉียวที่อยู่ข้างกายก็เป็นเช่นเดียวกัน นางนึกว่าเสี่ยวเฉียวหลับไปแล้ว หลังช่วยเหน็บมุมผ้าห่มให้ญาติผู้น้องเสร็จอย่างเบามือ นางก็พลิกร่างไปมา เนิ่นนานก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้
เสี่ยวเฉียวฟังเสียงลมหายใจของญาติผู้พี่ก็ล่วงรู้ความในใจของนาง
สองเฉียวแห่งเหยี่ยนโจวมีรูปโฉมงดงามจนเป็นที่เลื่องลือ กระทั่งผู้คนยุคนี้กล่าวขานว่า ‘เทพธิดาแห่งแม่น้ำลั่วสุ่ยงามสิบส่วน สองเฉียวงามแปดส่วน’
ก่อนหน้านี้ต้าเฉียวเคยมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่คนหนึ่ง ทว่าฝ่ายชายเคราะห์ร้ายตายจากไปก่อน งานมงคลจึงเป็นอันเลิกล้ม บัดนี้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว มีผู้มาทาบทามสู่ขอนางจากทั่วสารทิศ ย่ำธรณีประตูจนแทบสึก ในขณะที่ป้าสะใภ้หวังจะหมั้นหมายคู่ครองที่ดีให้บุตรสาวในเร็ววันอีกครั้ง ท่านลุงกลับดูเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้สักนิด จวบจนเมื่อครึ่งเดือนก่อน ท่านลุงพลันประกาศจะตบแต่งต้าเฉียวแก่เว่ยเซ่าซึ่งเพิ่งชิงมณฑลจี้โจวได้เมื่อช่วงต้นปี หมายใช้การแต่งงานนี้และชัยภูมิที่ตั้งของมณฑลเหยี่ยนโจวเป็นเครื่องมือผูกไมตรีกับเว่ยเซ่า เพื่อจะได้คลี่คลายวิกฤตให้เหยี่ยนโจวซึ่งยามนี้กำลังเผชิญกับการโจมตีจากศัตรูที่กล้าแข็ง
สำหรับการตัดสินใจนี้ แรกเริ่มเฉียวผิงบิดาของเสี่ยวเฉียวไม่เห็นพ้องแต่อย่างใด
เป็นเพราะสกุลเฉียวกับสกุลเว่ยยังมีความแค้นเก่าคั่นกลางระหว่างกันอยู่ หากจะเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีตช่วงนี้เป็นต้องนับย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน
ยามนั้นบิดาของเว่ยเซ่าเป็นผู้ว่าการมณฑลโยวโจว รับคำสั่งจากราชสำนักให้ไปปราบกบฏเมืองเฉินร่วมกับผู้ว่าการมณฑลเหยี่ยนโจว ซึ่งก็คือท่านปู่ของเสี่ยวเฉียว ทัพกบฏมีแสนยานุภาพเกรียงไกร กองกำลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทัพจากทั้งสองฝ่ายนัดหมายกันว่าจะส่งกองทัพกระหนาบตีเมืองเฉินพร้อมกันจากสองด้านทั้งตะวันออกและตะวันตก คิดไม่ถึงว่าพอเปิดศึกท่านปู่ของเสี่ยวเฉียวที่ประเมินการศึกดูแล้วเลือกจะถอยทัพกลับไปรอดูท่าทีก่อน บิดาของเว่ยเซ่ากลับไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด ท้ายที่สุดน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เขากับบุตรชายคนโตจึงตกอยู่ในวงล้อมข้าศึก ต้องพลีชีพไปกลางสนามรบ