หลังจบศึกตัดสินผู้แพ้ชนะของใต้หล้า จู่ๆ ไหวอินอ๋องก็หายสาบสูญไปท่ามกลางทหารที่กำลังสับสนอลหม่าน บางคนบอกว่าเขาตายแล้ว บางคนบอกว่าเขาทำลายโฉมตนเองแล้วหลบหนีไป เว่ยเซ่าเคียดแค้นคนผู้นี้เข้ากระดูก มีบัญชาว่าอยู่ต้องพบตัว ตายต้องพบศพ โดยตั้งรางวัลเป็นทองคำพันตำลึงพร้อมบรรดาศักดิ์ว่านฮู่โหว ทว่าจนแล้วจนรอดก็ยังไร้ผล จนกระทั่งครึ่งปีให้หลังค่อยมีข่าวแพร่มาถึงเบื้องหน้าเว่ยเซ่า บอกว่ามีคนเคยเห็นผู้ที่มีหน้าตาคล้ายไหวอินอ๋องปรากฏตัวขึ้นละแวกสุสานบรรพชนสกุลเว่ย เว่ยเซ่ารีบรุดไปทันทีทว่ากลับไม่พบความผิดปกติใด ต่อมาจึงพบว่าหลุมฝังศพรกร้างที่อยู่นอกสุสานถูกคนขุดทำลาย ในหลุมดินเหลือแต่ความว่างเปล่า โลงศพหายไปอย่างไร้ร่องรอย
บุตรีสกุลเฉียว ภรรยาเอกที่ไม่ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาของเว่ยเซ่า หลังจากที่เสียชีวิตแล้วก็ไม่อาจฝังร่างอยู่ในสุสานสกุลเว่ยได้ ร่างของนางจึงถูกฝังอยู่ในหลุมศพอันโดดเดี่ยวนอกสุสานแห่งนี้
ในชาตินี้…เสี่ยวเฉียวเชื่อว่าพวกเขาจะไม่พบเจอกับบทสรุปเช่นนี้อีก
“…เคยท่องชมในฝันชั้นดุสิต ได้พิชิตหอเอกอุเหนือแผ่นดิน…”
ขณะที่เสี่ยวเฉียวเดินมุ่งหน้ากลับวัดฉางเซิงอย่างเนิบช้า หูก็แว่วเสียงคนตัดฟืนขับร้องสองประโยคมาจากในส่วนลึกของป่า สุ้มเสียงนั้นหนักแน่นกังวานไกล ฟังคล้ายเจือกลิ่นอายของเซียนวิเศษผู้ตัดขาดจากโลกภายนอก
ติงฮูหยินที่พาต้าเฉียวกับเสี่ยวเฉียวไปจุดธูปขอพรที่วัดฉางเซิงไม่คิดเลยว่าพอตื่นจากนอนพักแค่ช่วงสั้นๆ ต้าเฉียวกลับหายตัวไปเสียแล้ว ทั้งไม่มีผู้ใดรู้ร่องรอย แรกเริ่มยังนึกว่าถูกโจรชั่วบุกเข้าวัดมาลักพาตัวไป จวบจนตกค่ำพบจดหมายที่บุตรสาวทิ้งไว้ในห้อง ถึงได้รู้ว่านางจากไปกับบ่าวเลี้ยงม้านัยน์ตาสีมรกตผู้นั้น
ติงฮูหยินแม้จะเศร้าเสียใจเพียงใด แต่เมื่อรู้ว่าบุตรสาวไม่มีอันตรายถึงชีวิตก็วางใจลงได้บ้าง ผิดกับเฉียวเยวี่ยที่โมโหยกใหญ่ ทว่าเนื่องจากกลัวว่าข่าวแพร่ออกไปแล้วจะส่งผลกระทบต่องานมงคลกับสกุลเว่ย เขาจึงไม่กล้าทำอะไรกระโตกกระตาก เพียงแค่เรียกที่ปรึกษาจางผู่มาแล้วบอกเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายเท่านั้น
เดิมทีแผนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็มาจากจางผู่ผู้นี้เอง จางผู่ย่อมตื่นตระหนกทันทีที่ได้ฟังเรื่องราว เขาไม่กล้าเพิกเฉยรีบสั่งการลงไปในทันที ทางหนึ่งมีคำสั่งห้ามผู้ติดตามแพร่งพรายข่าวที่ต้าเฉียวหายตัวไปต่อภายนอกอย่างเด็ดขาด อีกทางหนึ่งก็ส่งคนจำนวนมากลอบค้นหาทุกทิศทางที่คนทั้งสองอาจมุ่งหนีไป ทว่าค้นหาอยู่หลายวันก็ยังไร้ร่องรอย เฉกเช่นวัวที่ปั้นจากดิน เมื่อตกลงสู่ทะเลก็ล้วนละลายหายไปจนสิ้น ตอนนี้เองที่มีข่าวมาจากสกุลเว่ยว่าพวกเขาตอบรับงานมงคลนี้
แม้ทูตที่ส่งไปจะไม่ได้พบหน้าเว่ยเซ่า แต่ก็ได้พบกับสวีฮูหยินผู้เป็นย่า สวีฮูหยินเป็นผู้ตอบรับงานมงคลนี้ และยังบอกว่าหลังจากเลือกวันที่ฤกษ์งามยามดีได้แล้วจะส่งคนมารับเจ้าสาวที่มณฑลเหยี่ยนโจว
สวีฮูหยิน ท่านย่าของเว่ยเซ่านั้นคือธิดาของท่านหญิงเกาหยางราชนิกุลผู้ครองแคว้นจงซาน ครั้งนั้นท่านปู่ของเว่ยเซ่าต้านศึกซยงหนู จนมีความชอบ สวีฮูหยินจึงลดเกียรติเพื่อแต่งเข้าสกุลเว่ย นางเป็นสตรีที่เฉียบแหลมและเก่งกาจ ในศึกปราบหลี่ซู่กบฏเมืองเฉินเมื่อสิบปีก่อน นางต้องสูญเสียบุตรชายคนโตและหลานชายคนโตไปพร้อมๆ กัน ยามนั้นเว่ยเซ่าหลานชายคนรองก็เพิ่งอายุได้แค่สิบสองปี ขณะที่ศัตรูกล้าแข็งรายล้อมจ้องตะครุบหลานชายของนางอยู่นั้น และรากฐานของดินแดนเยียนโยวกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ก็ได้สวีฮูหยินเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ถึงได้ผ่านพ้นห้วงวิกฤตนั้นมาได้ กล่าวกันว่าเว่ยเซ่าเคารพยกย่องท่านย่าอย่างยิ่ง ฉะนั้นแม้งานมงคลนี้เว่ยเซ่าจะไม่ได้ตอบตกลงเองกับปาก แต่ในเมื่อสวีฮูหยินเป็นผู้ตอบรับแล้ว เรื่องนี้ก็เท่ากับจบลงเป็นที่แน่นอนแล้ว
บัดนี้ทูตที่จะมาหารือเรื่องแต่งงานกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทาง ไม่ช้าก็จะมาถึง ทว่าต้าเฉียวกลับหายตัวไปเสียนี่
ทันทีที่เฉียวผิงได้ข่าวก็รีบไปหาพี่ชายหมายเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง ในเมื่อแผนแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นี้ไม่อาจทำได้แล้ว เช่นนั้นก็ทำตามความเห็นของตนด้วยการจับมือผู้อื่นต่อกรกับโจวฉวินที่มารุกรานให้ถึงที่สุด คิดไม่ถึงเลยว่าเพิ่งจะได้พบหน้าพี่ชายก็ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยปากขอร้องเสียแล้ว เขาถึงขั้นจะให้เสี่ยวเฉียวบุตรสาวของตนแต่งไปสกุลเว่ยแทนต้าเฉียว
เฉียวผิงตกตะลึง รีบสั่นศีรษะปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะหยุดคิด “เช่นนี้ไม่เหมาะเป็นอันขาด! หรือพี่ชายลืมไปแล้วว่าหมานหมานกับหลางหยาซื่อจื่อหมั้นหมายกันอยู่ก่อน กำหนดการแต่งงานก็คือปีหน้านี้แล้ว นางจะแต่งให้เว่ยเซ่าอีกได้อย่างไร!”
เฉียวเยวี่ยกล่าว “ทางด้านหลางหยาซื่อจื่อ ข้าเห็นว่าไม่เป็นปัญหาใหญ่อันใดเลย ข้าจะส่งทูตที่มีวาทศิลป์ดีๆ ไปขอถอนหมั้นให้เรียบร้อย พร้อมมอบของกำนัลล้ำค่า เชื่อว่าทางแคว้นหลางหยาคงไม่ถึงกับตำหนิรุนแรงนักหรอก”
เฉียวผิงโบกมือไม่หยุด “พี่ชาย เช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด! หมานหมานกับซื่อจื่อหมั้นหมายกันอยู่ก่อน อีกทั้งหนุ่มสาวต่างมีใจให้แก่กัน การหมั้นไหนเลยจะบอกถอนเป็นถอนได้ ขออภัยที่ผู้น้องโง่เขลาไม่อาจรับปาก…”
“จื่อลู่!”
เฉียวเยวี่ยเอ่ยเรียกชื่อรอง ของน้องชายเสียงก้อง ลุกพรวดขึ้นจากตั่งที่อยู่เบื้องหน้าโต๊ะในทันที