ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 10 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 10

เมื่อเว่ยเซ่ามาถึงเรือนบูรพาก็เห็นจูซื่อมารดาของตนชะเง้อคอรออยู่ที่หน้าประตูห้อง ทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัวก็รีบตรงมาต้อนรับ กล่าวด้วยความยินดี “จ้งหลิน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา หลายวันมานี้แม่เป็นห่วงยิ่งนัก เห็นเจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว รีบเข้าห้องเร็วเข้า แม่เตรียมอาหารค่ำเองกับมือเชียวนะ”

เว่ยเซ่ากล่าวขอบคุณจูซื่อ ตามนางเข้าไปแล้วเอ่ยปาก “อันที่จริงท่านแม่ไม่ต้องลงครัวเหน็ดเหนื่อยเพื่อลูกเป็นการเฉพาะเลย ลูกรู้สึกละอายใจนัก”

“จะเป็นไปได้อย่างไร” จูซื่อยิ้มกล่าว “แม่หวังให้เจ้ามากินอาหารที่นี่ทุกวันเสียด้วยซ้ำ เหน็ดเหนื่อยที่ใดกันเล่า”

เว่ยเซ่ามองดูเบื้องหน้า บนโต๊ะอาหารเรียงรายไปด้วยอาหารเลิศรสมากมาย เฉพาะเนื้อกวางก็มีทั้งเนื้อกวางแล่บาง เนื้อกวางแห้ง และน้ำแกงข้นเนื้อกวางใส่หอยเป๋าฮื้อ นอกจากนี้ยังมีไก่ ปลา และฟักน้ำเต้า ไม่ขาดตกบกพร่องสักสิ่งเดียว บนโต๊ะยังวางสุราอีกหนึ่งป้าน เว่ยเซ่าตะลึงงันไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน

สุราอาหารบนโต๊ะนี้เพียงพอที่จะทำให้บุรุษหิวโซสามสี่คนกินอิ่มท้องได้ทีเดียว นี่ทำให้เขานึกถึงหลายวันก่อนตอนที่ตนแกล้งหยอกหญิงสกุลเฉียวเรื่องปริมาณอาหารของนาง หากเรียกนางมากินด้วย เกรงว่าหญิงสกุลเฉียวสิบคนกินสามวันก็คงกินไม่หมด

เว่ยเซ่าเหลือบมองมารดาซึ่งใบหน้าเปื้อนยิ้ม สุดท้ายยังคงนั่งลงโดยไม่ได้พูดอันใด

จูซื่อนั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง ยกป้านสุรารินให้เขาหนึ่งจอกก่อนกล่าว “จอกนี้ฉลองที่ลูกแม่สังหารข้าศึกได้ชัยกลับมา”

ขณะจูซื่อยกสุราส่งให้บุตรชาย สายตาที่นางมองเขาก็ไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ทว่าเว่ยเซ่าไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของมารดาแต่อย่างใด เขาเอ่ยขอบคุณนางแล้วรับจอกด้วยสองมือ ดื่มลงไปในอึกเดียว ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้น

เห็นเว่ยเซ่าดื่มสุราแล้ว จูซื่อก็เบาใจลงเล็กน้อย เรียกให้เขาดื่มมากหน่อยไม่ต้องกลัวเมา หากเมามาย เรือนบูรพาของตนก็มีห้องที่สามารถค้างแรมได้ เว่ยเซ่าเพียงยิ้มไม่พูดจา

จูซื่อนั่งเป็นเพื่อนต่อสักพักก็ทยอยรินสุราให้บุตรชายอีกสองจอก เห็นเขาดื่มลงไปจนหมด ในที่สุดก็อ้างเหตุลุกออกไปก่อน

หลายวันก่อนนางเคยลอบไปเยือนศาลทรงเจ้าบนเขาอวี๋ซาน ขอยาเซียนเจ้าแม่หวังหมู่ ห่อหนึ่งมาจากแม่หมอ แม่หมอบอกว่ายานี้มีฤทธิ์ปลุกกำหนัดรุนแรง ใช้ปลายนิ้วตวัดผงยาเล็กน้อย ปริมาณก็เพียงพอที่จะเห็นผลแล้ว หากผสมสุราดื่มก็จะออกฤทธิ์รุนแรงยิ่งขึ้น

เดิมจูซื่อกลัวว่าจะทำร้ายร่างกายบุตรชายเช่นกันจึงไม่กล้าใส่ยามากนัก ทว่าก็กังวลว่าจะไม่เห็นผล สุดท้ายจึงใส่ลงไปในสุรา เขย่าให้เข้ากันแล้วรินให้บุตรชายดื่ม เห็นเขาดื่มลงไปสามจอกกับตาถึงค่อยวางใจลงได้ นางอ้างเหตุหาเรื่องออกไปก่อนตามแผนที่ได้หารือไว้แต่แรก

 

อาหารค่ำที่เรือนบูรพามื้อนี้แม้มากมายหลากชนิด ทั้งปรุงได้ล้ำเลิศ ทว่าเห็นแก่ความตั้งใจของมารดาต่างหากเว่ยเซ่าถึงได้แวะมา ของที่กินเข้าไปก็แทบไม่รู้รส ยิ่งไม่มีอารมณ์จะดื่มสุรา บางทีอาจเพราะเหนื่อยเพลียอยู่บ้างก็เป็นได้ ในใจเพียงอยากรีบกลับไปเร็วหน่อย หลังดื่มสุราสามจอกที่จูซื่อรินให้เขาจึงหยุดดื่ม เลือกกินกับข้าวอีกไม่กี่คำก็อยากลาจูซื่อกลับแล้ว

เขานั่งคอยสักพักก็ไม่เห็นมารดากลับมาเสียที ทว่าในท้องกลับคล้ายมีไฟกลุ่มหนึ่งปะทุขึ้น ให้ความรู้สึกร้อนแผดเผารางๆ

ไม่นานนักความรู้สึกนี้ก็ลุกลามสู่เบื้องล่าง

ชายหนุ่มย่อมรู้ว่าอาการนี้หมายถึงอะไร แต่ไม่ได้นึกเลยสักนิดว่าเป็นมารดาที่วางยาตน เขาเพียงรู้สึกฉงนที่ตนพลันเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ขึ้นโดยไร้สาเหตุ ร่างกายอึดอัดไม่น้อย รู้สึกเพียงแค่อยากจะปลดเปลื้องโดยด่วน

เว่ยเซ่าอดทนอยู่ชั่วครู่ เห็นจูซื่อยังไม่ออกมาจึงลุกขึ้นบอกสาวใช้หน้ากลมมนที่อยู่รับใช้ด้านข้าง ให้นางกล่าวลาแทนตน พอลุกขึ้นเตรียมจากไป เจียงเอ่าก็เข้ามาแจ้งอย่างตื่นตระหนกว่าเมื่อครู่ฮูหยินกลับห้องแล้ว เดิมคิดจะออกมาอีก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ กลับปวดศีรษะขึ้นมา นางจึงมาเชิญท่านโหวไปดูสักหน่อย

หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจูซื่อมีอาการปวดศีรษะ เว่ยเซ่าตระหนกวูบ กดข่มความรู้สึกทรมานดุจถูกมดกัดหนอนไชร่างกายเอาไว้แล้วรีบรุดตามเจียงเอ่าไป เห็นทิศทางที่เจียงเอ่ามุ่งไปมิใช่ห้องนอนของจูซื่อ ในใจแม้กังขาอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้คลางแคลง นึกเพียงว่าจูซื่อเกิดอาการปวดศีรษะที่ห้องอื่น เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องนอนที่อยู่ค่อนข้างลึกห้องหนึ่ง เจียงเอ่าก็ผลักเปิดประตู เว่ยเซ่าไม่ได้คิดมากก็ย่างเท้าข้ามธรณีประตูเข้าไปทันที

เพิ่งจะเข้ามาประตูที่อยู่เบื้องหลังก็ถูกเจียงเอ่าดึงปิด เว่ยเซ่าห่วงใยอาการป่วยของมารดาจึงไม่ได้ใส่ใจ เขาเหลียวมองรอบด้าน เห็นว่าห้องลึกอย่างยิ่ง แบ่งเป็นห้องชั้นในและนอกสองชั้น เบื้องหน้าไม่พบเห็นมารดาของตน กระทั่งสาวใช้คอยปรนนิบัติสักคนก็ไม่มี เขานึกว่าทุกคนอยู่ห้องชั้นในจึงรีบสาวเท้าตรงไป แล้วแหวกม่านกั้นห้องพลางกล่าว “ท่านแม่ ท่านเป็น…”

เว่ยเซ่าพลันหยุดชะงัก

จูซื่อไม่ได้อยู่ด้านใน ตรงหน้าคือเตียงหลังหนึ่ง กลิ่นหอมละมุนที่โชยมาไม่ขาดสายกำลังพุ่งจู่โจมหัวใจคน คั่นกลางด้วยม่านแพรที่ทอจากไหมดิบโปร่งบางหนึ่งชั้น ท่ามกลางกองผ้าห่มปักดิ้นและหมอนที่หอมจรุง ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวนางหนึ่งนอนตะแคงหันแผ่นหลังให้เขาอยู่บนเตียง เรือนผมดุจเส้นไหมของหญิงสาวสยายปรกอยู่บนหมอน บนร่างสวมอาภรณ์แพรสีแดงเข้มเนื้อบางเพียงตัวเดียว อีกทั้งอาภรณ์แพรยังร่นลงมาถึงไหล่ เผยให้เห็นลำคอขาวหมดจดกับหัวไหล่อิ่มชุ่มชื้น

เว่ยเซ่าตะลึงงัน

หญิงสาวบนเตียงลุกขึ้นนั่งอย่างแช่มช้า อาภรณ์เลื่อนหล่นตามร่างที่ขยับ แม้หญิงสาวยกมือทาบทับชุดแพรแดงที่หลุดร่วงลงมาถึงใต้ทรวง ทว่าก็ได้เผยกายสาวให้เห็นแล้วเป็นส่วนใหญ่ เรือนร่างกึ่งเปิดเผยกึ่งซ่อนเร้นนี้ ขอเพียงชายใดได้เห็นล้วนเลือดลมพลุ่งพล่านด้วยกันทั้งสิ้น ความร้อนที่แผดเผาในกายเว่ยเซ่าขุมนั้นก็ยิ่งทวีความรุนแรงแล่นไปทั่วสรรพางค์กายจนแทบสะกดข่มไม่ไหวเกือบปะทุออกมา

หญิงสาวเงยศีรษะขึ้น สองตาบรรจุด้วยสายใยรัก ดวงหน้าเจือความเอียงอาย ครั้นแลเห็นเว่ยเซ่าที่อยู่ตรงหน้ายืนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว มือจึงคลายออกจงใจทอดไมตรี อาภรณ์แพรเลื่อนหล่น ร่างท่อนบนปราศจากสิ่งใดบดบังอีก เสน่ห์อันรัญจวนใจเผยออกมาปะทะใบหน้า

“พี่ชาย…” หญิงสาวเรียกเขาเสียงแผ่วหวิว

ในใจเว่ยเซ่าพลันกระจ่างแจ้งทุกสิ่ง

เขากวาดมองกายสาวปราดหนึ่งพร้อมเงาทะมึนเข้มข้นที่ฉายวาบขึ้นในดวงตา เงาทะมึนนี้ถึงขั้นกลบแววปรารถนาซึ่งฉาบดวงตาอยู่แต่เดิมไปจนสิ้น ชายหนุ่มสะบัดหน้าจากไปทันที

เจิ้งฉู่อวี้นึกไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เว่ยเซ่ากลับหมุนกายจากไป หลังความตกตะลึงผ่านพ้น นางตะลีตะลานคว้าอาภรณ์แพรขึ้นบดบังทรวงอกอย่างลวกๆ ลงจากเตียงเท้าเปล่าไล่ตามออกมาดุจเหินบิน แล้วสวมกอดต้นขาของเว่ยเซ่าจากด้านหลัง ไถลลงคุกเข่าพลางหลั่งน้ำตากล่าว “พี่ชาย ท่านป้าจะทำเช่นนี้ให้ได้ ข้าเองก็อับจนปัญญา กระนั้นฉู่อวี้ก็เต็มใจช่วยปลดเปลื้องความทรมานให้แก่ท่าน”

เว่ยเซ่าหยุดฝีเท้า ก้มหน้าเหลือบมองเจิ้งฉู่อวี้ นางคุกเข่าอยู่แทบเท้าเบื้องหลังตน สองไหล่ที่กลมกลึงสั่นระริก แหงนหน้ามองเขาพร้อมประกายน้ำพราวระยับสองตา ท่าทางเปราะบางชวนถนอม

เว่ยเซ่าฝืนข่มความรู้สึกที่กำลังขยายตัวจนคล้ายแล่นเตลิดอยู่ในเส้นเลือดทั่วร่าง ชักเท้าออกทิ้งเจิ้งฉู่อวี้ไว้ ก้าวยาวมุ่งหน้าสู่ประตู พอไปถึงก็ดึงประตูสองที เห็นเปิดไม่ออกจึงค่อยรู้ว่าประตูถูกลั่นดาลจากด้านนอกเมื่อใดก็ไม่รู้ เขาพลันเดือดดาลถึงขีดสุด ยกเท้าถีบใส่ทันใด ประตูไม้พะยูงแก่นแดงอันแสนแข็งแกร่งถึงกับถูกเขาถีบปลิวออกไปทั้งบาน บังเกิดเสียงโครมสนั่นเมื่อร่วงกระแทกพื้นนอกธรณีประตู

“พี่ชาย…”

เสียงเรียกปนสะอื้นของเจิ้งฉู่อวี้ดังมาจากเบื้องหลัง เว่ยเซ่าราวไม่ได้ยิน ก้าวออกจากธรณีประตูไปพร้อมสีหน้าอันบึ้งตึง ทั้งยังเหยียบข้ามแผ่นประตูบานนั้นเดินก้าวยาวออกไปเบื้องนอก

หลังเจียงเอ่าหลอกพาเว่ยเซ่าเข้าประตูไปก็แอบลั่นดาล จากนั้นซ่อนกายรองานเสร็จอยู่ละแวกใกล้เคียงพร้อมกับจูซื่อที่ตามมาหลังได้ข่าว มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าคราวนี้งานต้องลุล่วงเป็นแน่ นึกไม่ถึงว่าเว่ยเซ่าเพิ่งเข้าไปไม่ทันไร ประตูบานนั้นก็ถูกเขาถีบปลิวในเท้าเดียวเสียแล้ว ซ้ำเห็นเขามีสีหน้าโกรธเกรี้ยวก้าวฉับๆ มุ่งสู่เบื้องนอก เจียงเอ่าจึงมองหน้าจูซื่อเลิ่กลั่กก่อนรีบออกจากที่ซ่อนด้านหลังประตู

“นี่นายท่านกำลังจะไปที่ใดเจ้าคะ…”

เจียงเอ่าก็ช่างกระไร ยังอุตส่าห์ยื่นมือไปขวางเว่ยเซ่าอีกเสียได้

มือนางเพิ่งแตะถูกแขนของเว่ยเซ่า เขาก็ยกเท้าถีบออกไปอีกครั้ง ถูกต้นขาของเจียงเอ่าเข้าอย่างจัง พละกำลังของเขายามโกรธจัด เจียงเอ่าไหนเลยจะแบกรับได้ไหว สิ้นเสียงร้องโหยหวน ทั้งร่างก็ถูกถีบปลิวละลิ่วออกไปราวว่าวที่สายป่านขาด ร่วงตกตรงมุมกำแพง ต้นขาเจ็บปวดสาหัสเนื่องจากกระดูกหัก

เจียงเอ่าสลบแน่นิ่งไปทันที

จูซื่อเลี้ยงเว่ยเซ่าจนเติบใหญ่ หลายปีที่ผ่านมาจวบจนบัดนี้ บุตรชายยามอยู่ต่อหน้านางล้วนอ่อนโยนนอบน้อม กตัญญูอยู่ในโอวาท ต่อให้บางครั้งไม่พอใจก็ไม่เคยล่วงเกินต่อหน้า นางไม่เคยเห็นบุตรชายมีท่าทางดุร้ายน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน จูซื่อหวาดผวาจนมือเท้าเย็นเฉียบ เหลือบมองเจียงเอ่าที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงมุมกำแพง ตนเองถึงกับไม่กล้าเดินขึ้นหน้าไปอีก เพียงเอ่ยหน้าซีดเสียงสั่น “จ้งหลิน ไยเจ้าถึงทำเช่นนี้กับ…”

เว่ยเซ่าหันหน้าขวับ จูซื่อเห็นอีกฝ่ายมีสีหน้าเขียวคล้ำ สองตาแดงฉาน ในใจนางตระหนกวูบ รีบหุบปากทันที

“ท่านแม่ ท่านช่างทำได้ประเสริฐนัก! ถึงขั้นสมคบกับบ่าวต่ำช้านั่นใช้เล่ห์กับบุตรชายในไส้ได้เช่นนี้!”

เว่ยเซ่าขบกรามกรอด เอ่ยเค้นออกมาทีละคำก่อนหมุนกายสาวเท้าจากไป

จูซื่อหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นส่ำ พูดไม่ออกสักประโยคเดียว นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจวบจนเงาร่างของเขาหายไป เนิ่นนานให้หลังจูซื่อถึงได้สติคืนมาก็เห็นหญิงรับใช้ทั้งรุ่นสาวรุ่นป้าที่รุดมาตามเสียงและได้เห็นเหตุการณ์ กลุ่มคนพวกนั้นล้วนไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ เอาแต่ยืนเบียดกันอยู่บนระเบียงทางเดิน แต่ละคนมีสีหน้าฉงนระคนตื่นตกใจ ส่วนเจียงเอ่าคนสนิทของตนที่นอนอยู่บนพื้นตรงมุมกำแพงสองตายังคงปิดสนิท สีหน้าซีดเผือด ดูราวกับตายไปแล้ว ในที่สุดนางจึงตะโกนเสียงสั่น สั่งให้คนมาหามเจียงเอ่าไปรักษา

เหล่าหญิงรับใช้ได้ยินนายหญิงใหญ่ปริปากแล้ว ตอนนี้ถึงได้รีบวิ่งเข้ามาช่วยกันหามเจียงเอ่าจากไป

จูซื่อยืนอยู่กับที่ แข้งขายังคงอ่อนระทวย ทึ่มทื่ออยู่สักพักก็นึกถึงเจิ้งฉู่อวี้ที่อยู่ในห้อง นางหมุนกายเดินจับกำแพงไปตลอดทาง พอเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงฮือๆ แว่วมารางๆ นางเข้าไปเสาะหาจนพบหลานสาวที่ฟุบร่างอยู่บนเตียง อาภรณ์หลุดลุ่ย กำลังร้องห่มร้องไห้อย่างโศกเศร้า จูซื่อตรงไปประคองไหล่นาง ยังไม่ทันเอ่ยปากถามให้รู้ชัด เจิ้งฉู่อวี้ก็โผมาซบอก ร่ำไห้ต่อว่าต่อขาน “ท่านป้า ท่านได้ยาดีอันใดมากันแน่ ไม่ได้ผลเลยสักนิด ข้าทำถึงขั้นนี้แล้ว พี่ชายก็ยังคงนิ่งเฉย…ต้องโทษท่านที่ออกความคิดเช่นนี้ ต่อไปจะให้ข้าพบเจอผู้คนได้อย่างไร”

เจิ้งฉู่อวี้นึกถึงภาพเหตุการณ์อันน่าอดสูเมื่อครู่นี้ ถึงอย่างไรตนก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน น้ำตาจึงพรั่งพรูออกมา นางพลิกตัวฟุบลงกับเตียงดังเดิม ดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะแล้วร้องไห้อย่างเจ็บปวดรวดร้าว

จูซื่อหัวใจยุ่งเหยิงดุจใยปอ คิดเพียงว่ายาเซียนเจ้าแม่หวังหมู่ไม่ศักดิ์สิทธิ์จริง นางทึ่มทื่ออยู่เนิ่นนานจึงค่อยเอ่ยปลอบเจิ้งฉู่อวี้ จู่ๆ ก็ฉุกคิดได้เรื่องหนึ่งจึงรีบตั้งสติ ออกไปกำชับอย่างเข้มงวดห้ามไม่ให้หญิงรับใช้ทั้งหมดแพร่งพรายเรื่องในคืนนี้ไปเด็ดขาด

“เมื่อครู่ข้ากับนายท่านแค่ทะเลาะกันเท่านั้น นายท่านจึงไม่พอใจจากไป หากพวกเจ้ามีใครกล้าออกไปพูดส่งเดชสักครึ่งประโยค ข้ารู้จะฟาดให้ตายทุกกรณี”

หญิงรับใช้ทั้งรุ่นสาวรุ่นป้าต่างพากันขานรับโดยไม่กล้าเงยหน้า

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com