ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 10 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 10

3 of 3หน้าถัดไป

หลังออกจากเรือนบูรพา เว่ยเซ่ารีบค้อมหลังเร่งอาเจียนใส่ไม้ดอกพุ่มหนึ่ง จวบจนอาเจียนสิ่งที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะออกมาจนสิ้น สุดท้ายเหลือเพียงน้ำรสเปรี้ยว เขาจึงค่อยตั้งสติเดินมุ่งสู่เรือนประจิมต่อ

ยาที่จูซื่อได้มาจากแม่หมอมีฤทธิ์ปลุกกำหนัดรุนแรงอย่างยิ่งจริงๆ เมื่อแรกแม้เขาดื่มสุราไปเพียงสามจอก อีกทั้งเร่งอาเจียนจนในท้องว่างเปล่าแล้ว ทว่ายามนี้ทั่วร่างกลับยังคงร้อนผ่าวจนยากทานทน ใต้ผิวหนังคล้ายมีคมเข็มถี่ยิบนับจำนวนไม่ถ้วนทิ่มแทง ช่วงล่างแข็งขึงดุจเหล็กกล้า เปรียบกับเมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องของเจิ้งซูยังขยายตัวและร้อนลวกกว่าเดิมถึงสามส่วน

เว่ยเซ่าทะนงตนมาทั้งชีวิต ซ้ำมีอุปนิสัยเย่อหยิ่ง มาถูกมารดาของตนวางยาโดยไม่ทันได้ป้องกันเช่นนี้ ในใจจะขุ่นแค้นเพียงใด แค่คิดก็รู้ได้ ยามนี้ชายหนุ่มกลัวแต่จะพบเจอข้ารับใช้แล้วต้องตกอยู่ในสายตาของผู้อื่น เขาจึงไม่กล้าหยุดระหว่างทางนานนัก ทางหนึ่งปรับลมหายใจอย่างสุดกำลัง พยายามข่มไฟอันชั่วร้ายที่เผาผลาญอยู่ในกาย อีกทางหนึ่งก็เร่งรุดไปยังเรือนประจิมโดยเร็ว เห็นแต่ไกลว่าหน้าต่างของห้องนั้นมีแสงไฟลอดออกมา เขารีบพุ่งตรงไปผลักเปิดประตูในคราวเดียว

ในห้องมีเพียงเสี่ยวเฉียว นางกำลังเขียนหนังสืออยู่ใต้ตะเกียงเงิน

เมื่อครู่เว่ยเซ่าถูกจูซื่อเรียกตัวไป นางจึงกินมื้อค่ำแล้วเดินเล่นย่อยอาหารชั่วครู่อยู่ในลานซึ่งมีทิวทัศน์ของฤดูวสันต์เข้มข้นขึ้นทุกที ยามนี้กลับเข้ามาในห้องก็ตัดไส้ตะเกียงให้แสงไฟสว่าง กำลังคัดอักษรบนผ้าไหมม้วนใหม่ ขณะที่สมาธิจดจ่อ นางก็พลันได้ยินเสียงประตูถูกกระแทกเปิดดังปึงโดยไม่ให้ตั้งตัว มือของนางสั่นวูบ น้ำหมึกที่เพิ่งจุ่มชุ่มยังไม่ทันได้จรดลงจึงร่วงหยดจากปลายพู่กัน กระเซ็นบนผืนผ้าไหมที่จวนคัดลอกเสร็จ รอยน้ำหมึกขยายออกอย่างรวดเร็ว หนังสือผ้าไหมทั้งผืนเสียหายในพริบตา

เสี่ยวเฉียวร้องเสียดายไม่หยุด สะบัดหน้าไปก็เห็นเงาร่างของเว่ยเซ่าส่ายไหวอยู่เบื้องหลังฉากบังลม

เขากลับมาเร็วเพียงนี้เชียว เสี่ยวเฉียวประหลาดใจอยู่บ้าง วางพู่กันหมายลุกขึ้นไปต้อนรับ ทว่าเพิ่งลงจากตั่งก็เห็นอีกฝ่ายเดินตรงมาแล้ว ใบหน้าของเขาแดงก่ำ สองตาย้อมสีแดงฉานราวกับท่วมท้นด้วยโลหิตสดๆ สีหน้าก็แข็งเกร็งสุดประมาณ

ไม่เคยเห็นเขาในสภาพเช่นนี้มาก่อน เสี่ยวเฉียวตระหนกเล็กน้อย ลังเลชั่วอึดใจก่อนจะเดินไปหาเขาอยู่ดี นางประดับยิ้มบนใบหน้า เอ่ยทักทายเช่นยามปกติ “ท่านพี่กลับมาแล้ว…”

ยังไม่ทันพูดจบเสี่ยวเฉียวก็ถูกเว่ยเซ่าผลักออกห่าง นางเซถอยไปหลายก้าวกว่าจะยืนได้มั่นคง พอช้อนตาขึ้นก็เห็นเขาพุ่งตัวเข้าห้องอาบน้ำไปแล้ว ตามด้วยเสียงน้ำดังซ่าๆ คล้ายเขาสาดน้ำราดศีรษะตนเองอยู่ข้างใน

เสี่ยวเฉียวทั้งตกตะลึงทั้งนึกฉงน อดไม่ได้ที่จะตามไปยืนอยู่นอกประตูห้องอาบน้ำ ขณะสองจิตสองใจก็ได้ยินเสียงเขาดังออกมาจากข้างใน “ให้บ่าวส่งน้ำแข็งมาที่นี่ ยิ่งเยอะยิ่งดี!”

เสียงของเขาฟังดูเพี้ยนแปร่งหู ราวกับทุ่มเทจนสุดกำลังเพื่อข่มกลั้นบางอย่างอยู่ ไม่เหมือนเขาในยามปกติโดยสิ้นเชิง

เสี่ยวเฉียวกังขาจนไม่อาจยับยั้งความสงสัยใคร่รู้ได้แล้วจริงๆ นางจึงงอนิ้วก้อยไปเกี่ยวเปิดม่านเป็นช่องเล็กๆ แล้วยื่นหน้ามองดู เห็นเขาเปลื้องอาภรณ์ออกหมดจนทั้งร่างเปลือยเปล่า หันหลังให้ประตู ยืนแยกขาอยู่ในถังอาบน้ำที่เตรียมน้ำอาบเติมไว้ให้เขาจนเต็ม

ถังอาบน้ำมีความสูงเท่าครึ่งตัวนาง แต่เมื่อเขายืนอยู่เช่นนี้ ขอบถังกลับถึงแค่บริเวณสะโพกใต้บั้นเอวของเขาเท่านั้น แสงเทียนที่สั่นไหวฉายส่องให้แผ่นหลังที่เปียกน้ำของเขาเงาวาวดุจชโลมน้ำมันไว้ชั้นหนึ่ง ยิ่งทำให้เรือนกายดูประเปรียว ลายเส้นขึ้นลงของมัดกล้ามจากไหล่หลังเรื่อยมาถึงใต้ช่วงเอวประหนึ่งสายน้ำไหล

เสี่ยวเฉียวอดไม่ได้ที่จะเบิกตาโต

“มองอะไร ยังไม่รีบไปอีก!” ดูเหมือนว่าชายหนุ่มในถังอาบน้ำจะสัมผัสได้ถึงสายตาที่แอบมองมาจากเบื้องหลัง เขาหันขวับมาตวาดเสียงกร้าว แววโทสะเกลื่อนใบหน้า

เสี่ยวเฉียวสะดุ้งโหยง ผงะถอยอย่างลนลาน ไม่ทันได้คิดอะไรมากก็รีบหมุนกายออกไปเรียกคนเข้ามา สั่งการให้รีบไปที่ห้องเก็บน้ำแข็ง นำน้ำแข็งจำนวนมากมาที่นี่ทันที

 

จวนสกุลเว่ยสร้างห้องใต้ดินเพื่อเก็บน้ำแข็งไว้ใช้คลายร้อนในช่วงฤดูคิมหันต์โดยเฉพาะ ยามนี้เพิ่งผ่านพ้นฤดูเหมันต์มาไม่นาน ในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดินจึงเต็มไปด้วยน้ำแข็ง

หญิงรับใช้อาวุโสเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบไปขอน้ำแข็งกับจางเอ่าหัวหน้าผู้ดูแลเรือนชั้นใน จางเอ่าได้ยินว่าเรือนประจิมต้องการน้ำแข็ง ดูเหมือนจะต้องรีบใช้ด่วน อีกทั้งปริมาณยิ่งมากยิ่งดี แม้ชั่วครู่จะไม่เข้าใจเหตุผล แต่นางก็รีบหยิบกุญแจเปิดประตูลงไปเอาน้ำแข็งที่ห้องใต้ดินสองถังใหญ่ สั่งคนยกออกไปแล้วตามมาส่งถึงเรือนประจิมด้วยตนเอง

เสี่ยวเฉียวสั่งการให้วางไว้หน้าประตูห้องอาบน้ำ รอจนบรรดาหญิงรับใช้อาวุโสถอยออกไปหมดแล้ว เสี่ยวเฉียวก็ตามไปปิดประตู ตอนนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่เบื้องหลัง รู้ว่าเป็นเว่ยเซ่าเดินมาเอาน้ำแข็ง นางฉุกคิดได้ว่าเขาเปลือยร่างอยู่ ชั่วขณะจึงไม่กล้าหันไปมองอีก

ผ่านไปสักพักนางก็ได้ยินเสียงของแข็งหล่นลงน้ำดังตูมๆ มาจากห้องอาบน้ำ รู้ว่าน้ำแข็งน่าจะถูกเทลงน้ำไปแล้ว ถัดจากนั้นเสียงด้านในก็เงียบลง เมื่อครู่ตอนที่รอน้ำแข็ง เสี่ยวเฉียวก็ลองคาดเดาเหตุผลที่เขาต้องการของสิ่งนี้

แรกเริ่มนางนึกว่าเขาต้องการอาบน้ำเย็นเพื่อฝึกฝนร่างกาย แต่มาคิดอีกทีก็รู้สึกว่าไม่น่าใช่เช่นนั้น มิหนำซ้ำออกจะไร้เหตุผลเกินไป เหตุใดอยู่ดีๆ เพียงไปกินอาหารที่เรือนบูรพากลับมาจึงได้นึกอยากอาบน้ำเย็นฝึกร่างกายเล่า ขณะยังขบไม่แตก สาวน้อยก็จำได้ว่าครู่ก่อนแม้เขาเข้าห้องมาด้วยฝีเท้าอันรีบร้อน ทว่านางยังคงเหลือบเห็นคลับคล้ายว่าร่างกายท่อนล่างของเขาเหมือนมีสิ่งผิดแปลกดันตัวออกมา เพียงแต่ตอนนั้นนางถูกเขาผลักออกห่างจนมือเท้าปั่นป่วนเล็กน้อย จึงไม่ได้คิดไปถึงเรื่องอื่น

ยามนี้มาใคร่ครวญดูอย่างละเอียด เชื่อมโยงกับท่าทางผิดปกติของเขา เสี่ยวเฉียวก็พลันตระหนักได้ ทั้งร่างจึงทำตัวไม่ถูกในทันที…

ทว่าข้อสงสัยใหม่ก็ผุดขึ้นมาอีก ไยอยู่ดีๆ เขาจึงเป็นเช่นนี้ได้เล่า

ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ที่ลึกซึ้งเท่าใดนักก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่อาการปกติของบุรุษเด็ดขาด

เมื่อคิดกระจ่างในข้อนี้ เดิมทีเสี่ยวเฉียวคิดจะออกไปหลบข้างนอกก่อน รอให้ตัวเขาดับความร้อนลงได้แล้วค่อยกลับมา

นี่ไม่เพียงคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองเท่านั้น หากแต่เสี่ยวเฉียวยังคาดเดาได้ว่าเขาคงไม่ยินดีให้นางรั้งอยู่ใกล้ๆ

ทว่าเขาเข้าไปไม่ใช่เวลาสั้นๆ แล้ว นอกจากเสียงเทน้ำแข็งไม่กี่ครั้งในตอนแรกเริ่ม ตลอดมาก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นใด นางจึงรู้สึกไม่ค่อยวางใจขึ้นมา ครั้นกลั้นหายใจเงี่ยหูเพื่อฟังอีกครั้งก็ไม่มีเสียงอื่นใดเลย

ท้ายที่สุดเสี่ยวเฉียวจึงขยับเข้าไปใกล้ แล้วเอ่ยถามผ่านม่านกั้น “ท่าน…เป็นอย่างไรบ้าง”

ข้างในไม่มีความเคลื่อนไหวเช่นเดิม

เสี่ยวเฉียวเริ่มไม่สบายใจขึ้นมา ลังเลเพียงชั่วครู่ก็แหวกม่านมองเข้าไป

เว่ยเซ่าแช่ทั้งร่างอยู่ในน้ำ โผล่ขึ้นมาเพียงศีรษะ ก้อนน้ำแข็งชั้นหนาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำละลายเล็กลงไปอย่างช้าๆ ศีรษะของเขาหงายไปด้านหลังเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดแน่น สองตาปิดสนิท สีหน้ายังคงเครียดเกร็งดูเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนางเดินเข้ามา

เห็นเว่ยเซ่ายังมีชีวิตอยู่ เสี่ยวเฉียวค่อยเบาใจลงได้ นางไม่กล้ามองสภาพของเขามากนักจึงหลุบเปลือกตาลง เพียงเพ่งสายตาไปที่เบื้องหน้าเท้าของตน มองกองเสื้อผ้าซึ่งเขากระชากทิ้งไว้บนพื้นก่อนหน้านี้ พยายามเอ่ยด้วยเสียงที่ฟังดูเป็นปกติให้มากที่สุด “เช่นนั้นข้าออกไปก่อนจะดีกว่า ข้าอยู่นอกประตูห้องนี่เอง หากท่านสบายดีแล้ว หรือมีเรื่องอื่น เรียกข้าสักคำเป็นใช้ได้”

นางพูดจบก็รีบหันหลังออกเดิน ทว่ายังเดินไม่ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงเขาดังมาจากด้านหลัง

“ข้าคอแห้ง…ช่วยรินน้ำให้ที…” สุ้มเสียงของเขาฟังดูแหบพร่าและขาดเป็นห้วง

เสี่ยวเฉียวชะงักกึกก่อนจะขานรับดังอ้อ รีบไปรินน้ำกลับมา

“น้ำมาแล้ว” นางยื่นน้ำออกไป มองเขาพลางเอ่ยเสียงค่อย

ขนตาของเว่ยเซ่าขยับไหวเบาๆ ประดุจปีกผีเสื้อบางๆ คู่หนึ่ง ซึ่งทำให้เสี่ยวเฉียวสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอ่อนแรงคล้ายได้รับความเจ็บปวดทรมาน เขาช้อนตาขึ้นช้าๆ นั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย ยกแขนที่เปียกโชกข้างหนึ่งขึ้นจากน้ำ รับถ้วยชาในมือของนาง

เขาเผลอแตะถูกมือของนางทีหนึ่ง แม้เป็นการแตะเพียงผิวเผินในเวลาที่สั้นอย่างยิ่ง ทว่าเสี่ยวเฉียวยังคงสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความร้อนลวกจากผิวของเขา กระทั่งน้ำที่เติมน้ำแข็งก็ดูเหมือนไม่อาจช่วยลดทอนความร้อนในร่างกายเขาสักเท่าใด

เว่ยเซ่าแหงนหน้าดื่มน้ำ เสี่ยวเฉียวได้ยินเสียงเขากลืนน้ำดังอึกๆ อย่างชัดเจน ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงรุนแรงตามอาการกลืนน้ำ น้ำแข็งที่ลอยอยู่หลายก้อนกระทบกับแผงอกของเขาแล้วถูกกระแทกออก หมุนวนไปบนผิวน้ำช้าๆ

เพียงไม่กี่อึกเขาก็ดื่มน้ำจนหมด เสี่ยวเฉียวรับถ้วยชากลับมา นางลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าว “หากท่านไม่สบายจริงๆ อย่างไร…ข้าจะไปแจ้งที่เรือนอุดร บอกท่านย่าว่า…”

“อย่าให้ท่านย่ารู้!” เขาตัดบทนางทันที

เสี่ยวเฉียวตะลึงงัน จากนั้นจึงผงกศีรษะรับ “ข้ารู้แล้ว ยังมีสิ่งใดจะให้ข้าช่วยทำให้ท่านอีกหรือไม่ หากไม่มี ข้าจะออกไปแล้ว”

สายตาของเว่ยเซ่าจรดลงบนร่างเสี่ยวเฉียว จับนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ลูกกระเดือกจะขยับอีกครั้ง

“รินน้ำมาอีกถ้วย ขอมากหน่อย…” สุดท้ายเขาจึงเอ่ยพึมพำด้วยเสียงที่แหบต่ำดั่งเสียงกระซิบ จบคำก็หลับตาลง เอนศีรษะไปด้านหลังพิงกับขอบถัง

เสี่ยวเฉียวขานรับดังอ้อ “ท่านรอประเดี๋ยว”

นางตำหนิตนเองอยู่บ้างที่เมื่อครู่เลอะเลือน ไม่ได้ยกป้านชาทั้งใบเข้ามาให้เขาดื่ม นางจึงรีบหมุนกายออกเดิน พอจวนจะถึงประตูห้องอาบน้ำ ยกมือเตรียมแหวกผ้าม่าน นางพลันได้ยินเสียงน้ำสาดกระทบพื้นดังซ่ามาจากทางเบื้องหลัง ผสานกับเสียงแผ่วเบาของก้อนน้ำแข็งที่ตกกระทบพื้น

จู่ๆ เว่ยเซ่าก็ลืมตายืนพรวดขึ้นจากน้ำ ก้าวออกจากถังและเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่า เขาสาวเท้าก้าวใหญ่ไล่ตามเสี่ยวเฉียวไป หยดน้ำที่เกาะอยู่บนบ่าและแผ่นหลังรวมตัวเป็นสายเล็กสายน้อยตามการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเขา ไหลเรื่อยลงมาตามลายเส้นขึ้นลงของมัดกล้าม ทิ้งรอยเปียกโชกสายหนึ่งไว้บนพื้นเบื้องหลังเขา

เสี่ยวเฉียวตะลึงงัน ยังไม่ทันได้หันหน้ากลับไป แผ่นหลังของตนก็ร้อนวาบ นางถูกเรือนกายอันสูงใหญ่กล้ามเนื้อแข็งกระชับของชายหนุ่มที่แนบมาจากเบื้องหลังโอบล้อมไว้แล้ว

เว่ยเซ่าสวมกอดนางจากด้านหลัง สอดแขนลอดใต้รักแร้ของนางมารัดร่างอ้อนแอ้นเข้าสู่อ้อมอก บังคับให้นางแนบชิดกับผิวกายตนอย่างสนิทแนบแน่นมากขึ้น

เรือนร่างของสาวน้อยห่อหุ้มด้วยอาภรณ์ฤดูวสันต์ที่ทอจากผ้าไหมเนื้อบางเบา เมื่อรวบตัวนางมาแนบอก เว่ยเซ่าก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างจากน้ำแข็งโดยสิ้นเชิง ผิวกายของนางทั้งเย็นสบายประดุจหยก ทั้งนิ่มนุ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ ราวกับขอเพียงเขาเพิ่มแรงอีกเล็กน้อยก็จะสามารถทำให้สัมผัสอันเย็นสบายและนิ่มนุ่มของนางแนบผสานเข้าสู่ผิวกายของตนทีละนิดโดยสมบูรณ์

ในที่สุดร่างกายที่ทนทรมานถึงขีดสุดของเขาก็รู้สึกสบายขึ้น บริเวณซึ่งเดิมทีด้านชาจนชายหนุ่มไม่อาจปลดปล่อยได้เสียทีคล้ายฟื้นคืนชีวิต เลือดลมเริ่มไหลเวียนดังเดิม

เสียงครางถูกเปล่งออกจากลำคอ เขาก้มหน้าลงอย่างไม่อาจหักห้าม อ้าปากอมติ่งหูจิ้มลิ้มที่เย็นชื่นใจ กระหวัดรัดด้วยลิ้นร้อนดุจไฟสลับกับขบเม้มไปมา

เสี่ยวเฉียวถูกเว่ยเซ่ารุกรานกะทันหันโดยไม่ทันได้ตั้งตัวสักนิด ติ่งหูน้อยๆ ราวกับจะถูกเขากัดกลืน นางรู้สึกเจ็บจี๊ด ตื่นตระหนกจนใบหน้าถอดสี สิ้นเสียงร้องอุทาน ถ้วยชาก็หลุดมือโดยไม่อาจควบคุม ร่วงสู่พื้นแตกเป็นสองส่วนดังเพล้ง นางรีบดิ้นรนทันทีหมายจะหลุดรอดจากวงแขนของเขา

ทว่าเว่ยเซ่าไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เขารวบเสี่ยวเฉียวขึ้นด้วยมือเดียวอย่างเอาแต่ใจ ไม่สนอาการดิ้นรนทุบตีของนาง ส่งร่างอ้อนแอ้นตรงขึ้นเตียงแล้วโถมกายตามลงมา

เว่ยเซ่าไม่รู้ว่ายาที่มารดาใส่ให้ตนดื่มที่แท้เป็นยาปลุกกำหนัดใดจึงได้ชั่วร้ายถึงเพียงนี้ หลังจากฤทธิ์ยาที่ถาโถมมาระลอกแรกนั้นถูกเขาต่อต้านกดข่มลงไป ทว่ากลับไม่มีหนทางที่จะสลายให้หมดสิ้นได้ แม้ไม่ปะทุรุนแรงเช่นแรกเริ่มอีก แต่กลับเปลี่ยนเป็นอาการทื่อด้านทำให้เขาต้องทรมานอย่างต่อเนื่อง แม้แต่เขาก็ไม่อาจปลดปล่อยด้วยตนเองได้

เมื่อครู่เขารู้สึกเหมือนตนเองตายไปแล้วรอบหนึ่ง ยามนี้ฟื้นคืนมาอีกครั้งจึงมีแต่ความคิดที่จะปลดปล่อยให้หมดสิ้นไปบนร่างนางเท่านั้น ชายหนุ่มไม่แยแสการดิ้นรนขัดขืนของนาง เพียงกระตุกมือไม่กี่ครั้ง นางก็ถูกเปลื้องอาภรณ์จนสิ้นเช่นเดียวกับตัวเขาแล้ว ผิวกายทุกสัดส่วนที่ปรากฏสู่สายตานวลเนียนดุจเคลือบไข เผาผลาญดวงตาของเขาให้ยิ่งแดงฉาน ยามที่เขาขบกรามกำลังจะครอบครองนาง หัวไหล่พลันเจ็บปวดรุนแรง เสี่ยวเฉียวอ้าปากกัดเขาอย่างไร้ปรานี แนวฟันอันแหลมคมกัดเขาไม่ปล่อยเฉกเช่นตะขอเบ็ดที่เจาะเกี่ยวปากปลา ฝังลึกเข้าสู่เนื้อหนังจนกระทั่งเลือดออก

จากนั้นสาวน้อยก็ร้องไห้ น้ำตาหยดใหญ่ร่วงเผาะจากหางตาทั้งสองข้างหยดแล้วหยดเล่า เสียงร่ำไห้ฟังไม่ได้ศัพท์ ทั้งโศกเศร้าระคนขมขื่นใจ

เว่ยเซ่าหยุดชะงักพลางหายใจหอบหนัก เขาฟุบบนร่างนางชั่วครู่ก็พลิกกายกลิ้งตัวไปนอนหงายที่ด้านนอกของเตียง ก่อนจะยกมือทาบกดบนเปลือกตา รอยฟันอันลึกล้ำสองแถวฝากอยู่บนมัดกล้ามไหล่ซ้าย พร้อมริ้วเลือดสีแดงสดที่ค่อยๆ ซึมออกจากใต้ผิวหนัง รูปทรงประหนึ่งจันทร์เสี้ยว ให้ความรู้สึกงามอย่างน่าประหลาด

อันที่จริงเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ทว่าเสี่ยวเฉียวกลับเจ็บจนทนไม่ไหว ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหากเขาหักหาญล่วงล้ำเข้ามาจะเป็นเช่นไร ความเจ็บร้าวรวมเข้ากับความตื่นกลัว กอปรกับถูกเขาทาบทับไว้จนไม่อาจขยับเขยื้อน นางจึงกัดหัวไหล่ของเขาคำหนึ่งเต็มแรง ในที่สุดยามนี้ก็หลุดพ้น ราวกับได้รับการอภัยโทษ นางคว้าเสื้อผ้าของตนในคราวเดียว กึ่งกลิ้งกึ่งคลานข้ามต้นขาของเขาไป พอเหยียบลงพื้นก็ออกวิ่งเท้าเปล่าโดยไม่ทันกระทั่งจะสวมรองเท้า

“เจ้าจะไปไหน” เสียงของเว่ยเซ่าที่ดังมาจากเบื้องหลังเจืออารมณ์ห่อเหี่ยว

เสี่ยวเฉียวไม่ไยดี นางวิ่งรวดเดียวไปถึงข้างฉากบังลมที่อยู่ใกล้ประตู แล้วสวมเสื้อผ้าปิดคลุมร่างมือไม้ปั่นป่วน

เว่ยเซ่าลืมตาดึงผ้าห่มที่อยู่อีกด้านมาปิดบริเวณใต้ท้องน้อย กดผ้าห่มไว้แล้วลุกขึ้นนั่งช้าๆ

เสี่ยวเฉียวเพ่งมองเขาอย่างระแวดระวัง

“เมื่อครู่อยู่ที่เรือนท่านแม่ ข้าพลั้งกินยาปลุกกำหนัดเข้าไป” เขามองเสี่ยวเฉียวพลางเอ่ยเนิบๆ สีหน้าหดหู่จนถึงขั้นท้อแท้

เสี่ยวเฉียวตะลึงงัน

“ตอนแรกเจ้าก็เห็นแล้ว ข้านึกว่าตนเองสามารถคลี่คลายได้ แต่…” เขาชะงักคำพูด สายตาเคลื่อนลงมาบนร่างของนาง

เสี่ยวเฉียวพลันได้สติ นางรีบขยุ้มสาบเสื้อตรงหน้าอกไว้แน่น ผงะถอยไปอีกก้าวขณะที่ปากตะโกนเหลวไหล “ท่านต้องการให้เรียกใครเข้ามาหรือไม่ ข้าจะไปเรียกให้ท่านเดี๋ยวนี้ หากคนเดียวยังไม่พอ เรียกสองคนเลยก็ได้!”

พูดจบก็ยังเห็นสองตาของเขาจับจ้องตนไม่เลิกรา แววตาของสาวน้อยจึงหลุกหลิกลนลานยิ่งกว่าเดิม

“หรือไม่ท่านก็รอก่อน อดทนอีกสักหน่อย ข้าสวมเสื้อผ้าเสร็จจะรีบไปบอกท่านย่าให้เชิญหมอมารักษาท่าน…”

เห็นเสี่ยวเฉียวหมุนกายเตรียมออกเดิน เว่ยเซ่าจึงรีบลงจากเตียงก้าวพรวดตามมา หลังจากยื่นมืออุ้มนางกลับขึ้นเตียงแล้วก็กระตุกม่านมุ้งลงทันที

แสงสว่างบนเตียงพลันครึ้มลง แปรเปลี่ยนเป็นสลัวมัว

ตรงนั้นของเขา…แม้เมื่อครู่ไม่กล้ามองอย่างละเอียด ทว่าเสี่ยวเฉียวยังคงเหลือบเห็นเข้าจนได้ มิหนำซ้ำเขายังกินยาจำพวกนั้นมา ในสถานการณ์เช่นนี้ขืนนางถูกเขา…ต่อไปจะต้องกลายเป็นเงามืดในใจนางไปจนชั่วชีวิตแน่

เสี่ยวเฉียวดิ้นรนอีกรอบหนึ่ง ทว่ากลับถูกเขากดลงบนหมอนในคราวเดียว นางเบิกตาโต มองเขายื่นมือมาหานางด้วยความหวาดหวั่น น้ำตาพลันรื้นออกมาอีก

เว่ยเซ่ายึดกุมมือข้างหนึ่งของนางไว้

เขาเอนกายลงนอน หันหน้ามามองตานางพลางเอ่ยเสียงเบา “ข้าทรมานยิ่งนัก เจ้าช่วยข้าเถิดนะ”

เสี่ยวเฉียวทึ่มทื่ออยู่ชั่วอึดใจก็เข้าใจความหมายของเขา ดวงหน้าร้อนผ่าวในทันที

“ท่านทำเองไม่เป็นหรือ” หางตาของนางยังคงประดับหยาดน้ำขณะถามปนสะอื้น

“ด้านชาไปหมดแล้ว อย่างไรก็ขับไม่ออก หากเจ้าไม่อยากให้ข้าทำอย่างอื่นกับเจ้า เจ้าก็ช่วยข้าเถอะนะ” เขาเอ่ยช้าๆ

เสี่ยวเฉียวหยุดหลั่งน้ำตามองไปทางเขา

หน้าผากของหนุ่มสาวทั้งสองแทบจะชิดติดกัน

หน้าผากของเขาร้อนลวกราวกับเป็นไข้ ใบหน้าคล้ายดั่งคนดื่มสุรา สีหน้าหนักอึ้งอย่างยิ่ง

เขาพิศมองเสี่ยวเฉียวพลางนำพามือนุ่มข้างนั้นมาหาตนเองช้าๆ ก่อนจะสอดเข้าไปใต้ผ้าห่มในที่สุด

ดวงหน้าของสาวน้อยพลันแดงก่ำ หลับสองตาแน่นสนิท แพขนตาสั่นสะท้านจนไม่อาจหยุดยั้ง

เว่ยเซ่าเปล่งเสียงระบายลมหายใจยาวราวกับรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

3 of 3หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com