ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 4 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 4

เว่ยเซ่าเคลื่อนทัพใหญ่มาถึงเบื้องล่างของกำแพงเมือง ทอดมองไกลไปยังฝั่งตรงข้าม แลเห็นเฉินรุ่ยยืนตระหง่านอยู่เบื้องบน มือกุมทวนวงเดือน สองข้างมีแม่ทัพที่เก่งกล้ายืนเรียงอยู่สี่คน เบื้องหลังตั้งธงหางนางแอ่นประดับขนหางจามรีผืนใหญ่สูงราวจั้งเศษ บนผืนธงปักอักษร ‘เฉิน’ ขนาดเท่าโต่ว ปลิวสะบัดล้อลมแผ่บารมีไปทั่วทิศ เฉินรุ่ยเปล่งเสียงยั่วยุใส่เว่ยเซ่า ท่าทีกำเริบเสิบสานเป็นที่สุด

เว่ยเซ่าคล้ายไม่ได้ยินเสียง ทำเพียงฉวยหน้าไม้พยัคฆ์เหล็กไกคู่ของตนมาจากมือบริวาร น้าวสายจนสุดแล้วยิงไปทางเฉินรุ่ยบนกำแพงเมืองสามดอกติดกัน ลูกธนูพุ่งฉิวพร้อมเสียงแผ่วเบาของคมอาวุธที่แหวกอากาศ ทั้งสามดอกหัวท้ายเรียงต่อกันกลางเวหา ประดุจงูเปรียวที่เกร็งลำตัวเหยียดตรง พุ่งฉกไปหาเฉินรุ่ยโดยไม่คลาดเคลื่อน

เฉินรุ่ยมิได้ระวังป้องกันพลันตื่นตระหนกสุดขีด มองเห็นลูกธนูพุ่งมาถึงเบื้องหน้าดุจสายฟ้าแลบในชั่วพริบตา เขาไม่ทันสะบัดทวนวงเดือนปัดลูกธนูก็หดศีรษะขวับโดยไม่พะวงว่าน่าเกลียด ถึงได้หลบพ้นคมธนูไปอย่างฉิวเฉียด กระแสลมหอบหนึ่งโฉบผ่านเหนือศีรษะ ได้ยินเพียงเสียงทุ้มดังฉึกๆๆ ติดกันสามครั้งที่เบื้องหลัง เขาหันไปเห็นลูกธนูทั้งสามดอกล้วนเสียบเข้าสู่ด้ามธงในตำแหน่งเดียวกัน แรงของลูกธนูเจาะทะลวงไม้หยางขนาดเท่าปากชามจนเศษไม้ปลิวว่อน เมื่อสายลมหอบมาอีกระลอกก็บังเกิดเสียงกร๊อบแผ่วเบา ด้ามธงถูกบั่นกลางลำจนหักเป็นสองท่อนดื้อๆ พร้อมกับพาธงผืนใหญ่นั้นร่วงสู่พื้นไปด้วย

สองทัพนิ่งเงียบชั่วขณะหนึ่ง จู่ๆ ทหารฝ่ายเว่ยเซ่าก็ประสานเสียงกู่ร้องคำว่า ‘หู่เวย’ กระแทกโล่ลงกับพื้นโดยพร้อมเพรียง เสียงนั้นสะท้านสะเทือนผืนดินราวกับเกิดฟ้าผ่าต่อเนื่องก็ไม่ปาน ผิดกับแม่ทัพและทหารหน้าแนวรบของเฉินรุ่ยที่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เงียบกริบไร้สุ้มเสียง สองทัพยังไม่ทันได้เปิดศึกก็ปราชัยด้านความฮึกเหิมไปก่อนแล้วหลายขุม

เฉินรุ่ยตื่นตระหนกจนแผ่นหลังชุ่มเหงื่อเย็น เห็นธงใหญ่หักโค่น ขวัญทหารก็พ่ายแก่ข้าศึกไปก่อนแล้ว เขารู้สึกเสียหน้าจนหัวเสียอย่างไม่อาจข่มกลั้น ตวาดสั่งเสียงก้องให้ทหารระดมยิงธนูลงไป

เว่ยเซ่ายืนอยู่ใต้ผืนธง มีบัญชาให้เปิดฉากบุกเมืองสืออี้ทันที ชั่วขณะนั้นเสียงกลองสนั่นฟ้า เสียงกู่ร้องสะเทือนดิน กำแพงเมืองทั้งในนอกกระหน่ำไปด้วยฝนก้อนหินและเกาทัณฑ์ ลูกไฟปลิวว่อนไปทั่ว สนามรบดุจฟ้าถล่มดินทลาย ขุนเขาเคลื่อนภูผาทรุด

ขณะที่สองฝ่ายปะทะกันนั้นท้องฟ้าจวนพลบค่ำแล้ว การศึกอันดุเดือดดำเนินต่อเนื่องจนกระทั่งฟ้ามืด ต่างฝ่ายต่างมีผู้บาดเจ็บล้มตาย ทว่าการโจมตีของฝ่ายเว่ยเซ่าไม่เพียงไม่อ่อนกำลังลง กลับทวีความดุดันรุนแรง เหล่าทหารเห็นเว่ยเซ่าปีนบันไดไต่ขึ้นกำแพงเมืองไปก่อนใคร แต่ละคนจึงยิ่งฮึกเหิมไม่คิดชีวิต รบพุ่งสู้ตาย บุกหนุนอย่างต่อเนื่องระลอกแล้วระลอกเล่าประหนึ่งกระแสน้ำขึ้นถาโถมไม่ขาดสาย ทันใดนั้นจู่ๆ ภายในเมืองสืออี้ก็ปรากฏแสงเพลิงขึ้นเหนือทิศทางของจวนเจ้าเมือง

ใกล้กับจวนเจ้าเมืองคือคลังเสบียง เสบียงสำรองของทั้งเมืองล้วนเก็บอยู่ที่นั่น ปริมาณของเสบียงที่เก็บสะสมไว้สามารถเลี้ยงดูคนทั้งเมืองได้นานนับปี ปกติกวดขันเรื่องฟืนไฟในระดับสูงสุด ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงเกิดเพลิงไหม้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญเช่นนี้ได้ เห็นเปลวไฟคุโชนลุกลามด้วยแรงลมหนุน ส่องสะท้อนผืนฟ้ายามราตรีจนแดงฉานไปเกือบครึ่งผืนแล้ว ในเมืองก็มีเสียงอึกทึกดังระงมขึ้นทั้งสี่ทิศ สับสนอลหม่านไปทั่ว ทหารรักษาเมืองเสียสมาธิจากเหตุเพลิงไหม้นั้น ทั้งยังตื่นผวากับการบุกอันเฉียบขาดโหดเหี้ยมหมายเอาชัยให้ได้ของเว่ยเซ่า จึงไม่อาจดูแลได้รอบด้าน พวกเขาเริ่มลนลานระส่ำระสายตามลำดับ

ไม่ช้าเสียงโครมก็ดังสนั่นมาจากประตูเมือง บานประตูถูกท่อนซุงขนาดมหึมากระทุ้งแตกแล้ว คลื่นทหารนอกกำแพงทะลักทลายเข้ามาท่ามกลางเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง

เฉินรุ่ยตะลีตะลานหลบหนีเมื่อเห็นประตูเมืองถูกตีแตก ทั้งที่เขามีสภาพกระเซอะกระเซิง ในใจก็ยังไม่อาจปล่อยวางโฉมสะคราญลงได้ เขาพุ่งตรงไปถึงจวนเจ้าเมืองในอึดใจเดียว เห็นว่าทิศทางของต้นเพลิงก็คือห้องที่กักตัวนางไว้ เขาเดินวนอยู่กับที่สองรอบ สุดท้ายยังคงกัดฟันบุกฝ่าเข้าไป ทว่าด้านในเปลวไฟลุกท่วมโชติช่วงรุนแรง ทั่วทั้งห้องจมอยู่ในกองเพลิง ขื่อคานพังถล่มอย่างต่อเนื่อง เพียงยืนอยู่ที่ลานด้านนอก ไอร้อนระอุก็ยังซัดมาแผดเผาทั่วทั้งใบหน้า คุกคามให้เขาผงะจนต้องถอยไปหลายก้าว

เฉินรุ่ยคิดว่าโฉมสะคราญคงจบชีวิตในทะเลเพลิงแล้วเป็นแน่แท้ จึงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดระคนสำนึกเสียใจ “ขยี้ดวงใจข้าชัดๆ!”

อารมณ์หุนหันพลันพลุ่งขึ้น เขาสะบัดหน้าขวับหมายไปแลกชีวิตกับเว่ยเซ่า ทว่าเขาเพิ่งออกจากจวนเจ้าเมืองได้เพียงไม่กี่ก้าวกลับได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นที่ด้านหน้า อาศัยแสงจากเปลวเพลิงที่เบื้องหลัง เขาจึงแยกแยะได้ว่าเป็นกองทัพของเว่ยเซ่าที่บุกเข้าเมืองกำลังมุ่งตรงมาหาตน เฉินรุ่ยตระหนกซ้ำสอง กระทืบเท้าหันหลังย้อนกลับเข้าจวนเจ้าเมืองไปอย่างลนลานโดยไม่เลือกเส้นทาง เขาวิ่งเตลิดเรื่อยมาจนถึงลานด้านหลัง สุดท้ายก็หนีหัวซุกหัวซุนข้ามกำแพงห้องปลดทุกข์ออกไป

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com