ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 4 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 4

ในที่สุดการศึกอันดุเดือดก็ยุติลง ยามนี้เป็นเวลาดึกดื่นมากแล้ว แม่ทัพคนสนิทของเจ้าเมืองถูกสังหารท่ามกลางกองทัพอันปั่นป่วน ทหารเมืองสืออี้ก็บาดเจ็บล้มตายเกินกว่าครึ่ง ที่เหลือรอดล้วนยอมจำนนหมดสิ้นแล้ว เหล่าแม่ทัพและทหารใต้ปกครองของเว่ยเซ่าแม้เหนื่อยล้าเพียงใด และยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บจนถึงเลือดถึงเนื้อ ทว่าหลังจากที่บุกยึดเมืองสืออี้ได้สำเร็จแล้วก็ทำให้ขวัญทหารกล้าฮึกเหิม ทุกแห่งหนจึงมีแต่เสียงโห่ร้องยินดี

แม่ทัพหลี่ฉงรับหน้าที่ตรวจนับจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายและปรับกำลังพลหลังเสร็จศึก กงซุนหยางจัดกำลังคนไปดับไฟ ส่วนเว่ยเซ่าก้าวยาวๆ มุ่งไปยังจวนเจ้าเมือง เมื่อไปถึงครึ่งทาง กงซุนหยางกับนายกองผู้หนึ่งก็รุดมาจากทิศทางตรงข้าม พอนายกองเห็นเว่ยเซ่าก็วิ่งปราดมาถึงเบื้องหน้าเขา ก่อนคุกเข่าข้างหนึ่งรายงานว่าได้ส่งคนออกไล่ล่าเฉินรุ่ยที่หลบหนีแล้ว ทว่ายังหานายหญิงไม่พบ

จากคำให้การของข้ารับใช้ในจวนเจ้าเมือง ตอนนั้นนายหญิงถูกกักตัวอยู่ในห้องที่เตรียมใช้เป็นห้องหอ ซึ่งห้องต้นเพลิงก็คือห้องหอนั้นนั่นเอง ตอนเกิดเหตุหญิงรับใช้อาวุโสที่เฝ้าคุมนายหญิงตามคำสั่งของเฉินรุ่ยมองเห็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นในห้องจึงเปิดประตูเข้าไปตรวจตราดู ทว่าควันไฟกลับพวยพุ่งจนดวงตาพร่าลาย นางจึงรีบเรียกให้คนมาดับไฟ แต่จนใจที่ไฟโหมแรงเกินกำลัง ไม่ช้าก็ลุกลามไปทั่วทั้งห้อง

นายกองได้ส่งคนออกค้นหาทั่วละแวกใกล้เคียง ทว่ายังไม่พบร่องรอยของนายหญิง เป็นไปได้อย่างยิ่งที่นางจะสังเวยชีวิตกลางทะเลเพลิงนั้นแล้ว

นายกองรายงานจบก็เหลือบมองเว่ยเซ่าด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจอยู่บ้าง

เว่ยเซ่านิ่งอยู่กับที่พลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ทอดตามองไปยังบริเวณที่อยู่ไม่ไกลออกไป กองเพลิงเจิดจ้าซึ่งลุกไหม้อยู่ตรงนั้นยังคงพุ่งสูงเทียมฟ้า

บนใบหน้าและร่างกายของเขายังเปื้อนคราบโลหิตอยู่แถบใหญ่ ชุดเกราะส่องสะท้อนเปลวไฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลอยย้อมให้สีหน้าเจือแววพิฆาตอันน่าพรั่นพรึง

“ถ่ายทอดคำสั่งของข้า สังหารแม่ทัพรักษาเมือง ฝังทหารที่ยอมจำนนทั้งเป็น ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว”

ชั่วครู่ให้หลังเขาจึงออกคำสั่งเน้นออกมาทีละคำ ทว่าน้ำเสียงกลับราบเรียบยิ่ง ปราศจากอารมณ์ขึ้นลงโดยสิ้นเชิง

กงซุนหยางตระหนกวูบ ชำเลืองมองผู้เป็นนายแวบหนึ่ง เห็นสองตาของอีกฝ่ายผุดสีเลือดแดงฉาน แววตากรุ่นด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น เขาจึงรีบเดินขึ้นหน้าไปหมายห้ามปราม ยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกเว่ยเซ่าชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงอันเยียบเย็น “ท่านกงซุนมิต้องกล่าวมากความ ข้าตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว”

ขณะที่กงซุนหยางลังเล เบื้องหลังก็มีนายกองอีกนายวิ่งฉิวมาราวกับเหินบิน นายกองผู้นี้มีสีหน้ายินดี ตะโกนก้องมาแต่ไกล “ท่านโหวขอรับ! หานายหญิงพบแล้ว! หานายหญิงพบแล้ว! นายหญิงซ่อนตัวอยู่ในคอกม้าเปล่าที่อยู่ทางต้นลมขอรับ!”

กงซุนหยางยินดีเป็นล้นพ้น รีบสาวเท้าตรงไปซักถามให้รู้แน่ชัด นายกองผู้มาใหม่รายงานว่านายหญิงปลอดภัยดี เพียงแต่ข้อมือทั้งสองข้างถูกไฟลวกจนบาดเจ็บ ดูท่าอาการมิใช่เบา ยามนี้พาตัวนายหญิงไปยังสถานที่ปลอดภัยแล้ว

กงซุนหยางหันหน้าไปเล่าซ้ำหนึ่งรอบ มองพิจารณาสีหน้าของเว่ยเซ่าก่อนเอ่ยโน้มน้าว “นายท่าน! ในเมื่อทหารเมืองสืออี้ที่เหลือสวามิภักดิ์ต่อนายท่านแล้ว การฝังทั้งเป็นย่อมไม่เป็นมงคล หวังว่านายท่านจะไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ด้วย”

โน้มน้าวจบก็เห็นเว่ยเซ่าไม่ผงกศีรษะแต่ก็ไม่เปล่งเสียงค้าน กงซุนหยางจึงลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ขบคิดเล็กน้อยก่อนโน้มน้าวต่อ

“นายหญิงไม่เป็นไรย่อมเป็นเรื่องดี ทว่าเกิดเหตุพลิกผันเช่นนี้คงได้รับความตระหนกไม่น้อย เหตุใดนายท่านไม่ไปเยี่ยมนายหญิงสักหน่อย งานที่เหลือในเมืองมอบให้ข้าเป็นใช้ได้”

“ไม่ต้องหรอก รบกวนท่านกงซุนส่งหมอทหารไปรักษาแผลให้นางแล้วหาคนไปคุ้มกันให้ดี อย่าให้ผิดพลาดอีกเป็นพอ ข้ายังมีงานอื่น ต้องล่วงหน้าไปก่อน!”

เว่ยเซ่าทิ้งคำพูดจบประโยคก็หมุนกายจากไป

กงซุนหยางมองดูเงาหลังของเขา ส่ายหน้าก่อนเอ่ยสั่งการ

 

เพลิงไหม้จวนเจ้าเมืองยังดับไม่สนิท ชั่วขณะนี้จึงไม่อาจเข้าพำนักได้ คนเจ็บทั้งหมดต่างก็ถูกจัดให้พักอยู่ในจวนว่าการของหน่วยงานต่างๆ ทางฝั่งตะวันออกของเมือง

ทหารนำทางถือคบไฟส่องสว่าง ตลอดทางที่เว่ยเซ่ามุ่งหน้าไป นอกจากทิศทางของจวนเจ้าเมืองที่อยู่เบื้องหลังยังมีเปลวไฟโลดเต้นแล้ว บนถนนทั้งสายจากหัวจรดท้ายล้วนแต่มืดมิด บ้านเรือนสองข้างทางปิดประตูหน้าต่างแน่นสนิทราวกับเมืองร้าง ขณะเดินผ่านประตูบ้านหลังหนึ่ง จู่ๆ มีเสียงเด็กร่ำไห้ดังออกมา ทว่ายังไม่ทันร้องขาดคำ เสียงก็พลันเงียบหายไป คาดว่าคงถูกผู้ใหญ่ใช้กำลังป้องปากหรือไม่ก็คลุมไว้ใต้ผ้าห่ม

หน้าประตูจวนว่าการ ขุนนางท้องถิ่นใหญ่น้อยหลายสิบคนของเมืองสืออี้ตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าเมือง เสนาธิการ ไปจนถึงหัวหน้าจุดพักเปลี่ยนม้าหลัก ยามนี้ล้วนรวมตัวกันอยู่เบื้องหลังรั้วกั้น ถูกทหารจ้องมองด้วยแววตาอันเกรี้ยวกราด ขุนนางท้องถิ่นแต่ละคนเครื่องแต่งกายรุ่ยร่าย หวาดกลัวจนใบหน้าหมองคล้ำดุจสีดิน บ้างนั่งซึมกับพื้น บ้างกอดกันร่ำไห้ จู่ๆ ได้ยินทหารตะโกนว่า “ท่านโหวมาถึงแล้ว!” จากนั้นก็ทำความเคารพแบบทหาร ขุนนางเมืองสืออี้จึงพร้อมใจกันหันหน้าไปมอง เห็นบนบันไดทางเข้ามีบุรุษผู้หนึ่งสาวเท้าเดินขึ้นมา อีกฝ่ายสวมชุดเกราะเปื้อนเลือดไปทั้งร่าง รูปโฉมหล่อเหลามีสง่าเหนือธรรมดา ท่าทางอายุเพียงยี่สิบเศษ ยังหนุ่มแน่นยิ่งนัก พวกเขารู้ว่าคนผู้นี้ก็คือเว่ยเซ่าผู้มีนามเลื่องลือขจรขจายทางแดนเหนือ จึงไม่มีใครเห็นเขาแล้วไม่ตัวสั่นงันงก ทำเพียงลอบมองเขาโดยไม่กล้าส่งเสียงอีก

เว่ยเซ่าไม่ได้แยแสขุนนางเมืองสืออี้เหล่านี้ เข้าไปด้านในแล้วถอดชุดเกราะ เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าเสร็จก็ไปบำรุงขวัญทหารที่บาดเจ็บจากการบุกเมืองคืนนี้

ศึกตีเมืองสืออี้สาหัสสากรรจ์ยิ่งนัก ทหารเมืองสืออี้แม้พ่ายแพ้ทั้งกองทัพ ทว่าฝ่ายเว่ยเซ่าก็สูญเสียมิใช่น้อย นี่ยังไม่นับผู้ที่พลีชีพในการศึก เฉพาะที่นี่ก็มีคนเจ็บนอนกันแน่นขนัด หมอทหารสิบกว่าคนเดินสวนกันไปมา วุ่นรักษาอาการให้ทหารที่บาดเจ็บกันมือเป็นระวิง

เหล่าทหารพอเห็นผู้เป็นนายยังไม่ฉลองชัยชนะ เพิ่งยึดเมืองได้ก็มาเยี่ยมเยียนคนเจ็บเช่นพวกตนก่อนเช่นนี้ ทุกคนจึงซาบซึ้งตื้นตันอย่างยิ่ง

เว่ยเซ่าบำรุงขวัญทหารเสร็จก็ไปเยี่ยมเว่ยเหลียงต่อตามลำพัง

เนื่องจากเก็บความรู้สึกผิดไว้ในใจ เว่ยเหลียงจึงรบพุ่งบุกเมืองอย่างสู้ตายถวายชีวิต ร่างกายพลาดถูกลูกธนูไฟไปหลายดอก เคราะห์ดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ หมอทหารเยียวยาอาการให้เขาเสร็จแล้ว ยามนี้เขาจึงเอนกายหลับตาพักฟื้นอยู่บนเตียง พอได้ยินว่าเว่ยเซ่ามาเยี่ยมก็กระเสือกกระสนลุกขึ้นหมายจะลงมาที่พื้น แต่เว่ยเซ่ากลับกดร่างเขาไว้ในคราเดียว

แผลจากพิษไฟบนร่างเว่ยเหลียงนั้นไม่เบาเลยจริงๆ สีหน้าของเขาเหลืองซีดดุจกระดาษทอง ทว่ายังสนทนาแย้มยิ้มได้ดุจเดิม ดูกระปรี้กระเปร่าไม่เลวทีเดียว

เว่ยเซ่าสอบถามรายละเอียดของเหตุการณ์ที่ชิวจี๋ในวันนั้น เว่ยเหลียงจึงเล่าทวนอีกครั้งตั้งแต่ต้นจนจบ สุดท้ายก็เอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าลูกโจรเฉินรุ่ยช่างน่าแค้นใจนัก ใช้เล่ห์กลสกปรกจนเป็นสันดาน ถึงกับฉวยจังหวะที่ข้าไม่ทันตั้งตัวใช้อุบายลักพาตัวนายหญิงไป เจ้านั่นสมควรตายจริงๆ! รอคราวหน้าข้าหามันพบเมื่อไร ต้องชำแหละมันเป็นแปดส่วนถึงจะระบายแค้นในใจของข้าได้!”

เว่ยเซ่าซักถาม “เจ้าบอกว่าตอนแรกนายหญิงถูกลักพาตัวไปจากจุดพักเปลี่ยนม้า? จากนั้นมีคนไหว้วานคนเดินทางให้มาแจ้งข่าวแก่เจ้าว่านางตกอยู่ในกำมือของเฉินรุ่ย เช่นนั้นรู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นมีที่มาอย่างไร”

เว่ยเหลียงสั่นศีรษะอย่างงุนงง “ข้อนี้ไม่รู้เลยขอรับ น่าจะมีคนเห็นพอดีถึงได้มาแจ้งข่าว”

ขณะที่เว่ยเซ่าจมอยู่ในห้วงความคิด นายกองคนเมื่อครู่ก็รีบรุดมารายงาน บอกว่ามีทหารพบเฉินรุ่ยอยู่นอกประตูเมืองทิศตะวันตกห่างออกไปหลายลี้ ถูกอีกฝ่ายชิงม้าศึกหนึ่งตัว ดูท่าจะมุ่งไปยังทิศทางของตำบลเล่อผิง ตอนนี้ทุ่มกำลังตามจับอยู่

เว่ยเหลียงเดือดดาลเป็นการใหญ่ ลุกพรวดขึ้นนั่งหมายพลิกกายลงจากเตียง ทว่ากระเทือนถูกบาดแผลบนร่าง ใบหน้าจึงเผยแววเจ็บปวด

เว่ยเซ่ามีสีหน้าเป็นปกติ ทว่าในดวงตากลับมีเงาทะมึนวาบผ่าน เขากดบ่าเว่ยเหลียงบอกให้อีกฝ่ายวางใจพักฟื้น หลังสั่งให้หมอทหารตั้งใจรักษาอาการ ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ตนเองถึงลุกจากมา พลิกกายขึ้นม้าตรงออกไปทางประตูเมืองทิศตะวันตก

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com