ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 4 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 4

6 of 6หน้าถัดไป

หลังข้ามกำแพงห้องปลดทุกข์ของจวนเจ้าเมือง เฉินรุ่ยก็ฉวยจังหวะชุลมุนแฝงตัวหลบหนีออกจากประตูเมืองทิศตะวันตกในทันที ยังคงมองเห็นเบื้องหลังปรากฏคบไฟเป็นแต้มๆ เห็นเป็นเงาร่างของทหารฝ่ายเว่ยเซ่าส่ายไหว รู้ว่าคนเหล่านั้นยังค้นหาตนอยู่ เฉินรุ่ยตระหนกลนลานดุจสุนัขไร้บ้าน หนีหัวซุกหัวซุนมาได้ระยะหนึ่งก็เห็นทุ่งร้างที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาม เขาไม่พะวงหนามแหลมทิ่มแทงแต่อย่างใด มุดเข้าไปซ่อนกายโดยไม่รีรอ คิดว่าหลบพ้นการตามล่าระลอกนี้แล้วค่อยหาทางหนีตอนฟ้าสางอีกที ไม่คาดว่าจะดวงตกถึงขีดสุด ดันไปรบกวนแมวป่าที่สร้างรังอยู่ในพุ่มไม้หนามเข้าเสียได้ ครอบครัวแมวป่าแตกฮือไปทั่วทิศ ส่งเสียงชักนำให้กลุ่มทหารใช้ทวนยาวแทงสุ่มใส่พุ่มไม้หนาม แรกเริ่มเฉินรุ่ยยังอดกลั้นได้ นึกไม่ถึงว่าทหารนายหนึ่งกลับแทงทวนถูกก้นของเขาเข้าอย่างจัง เขาร้องโอ๊ยพร้อมพุ่งปราดออกมาซัดทหารผู้นั้นล้มคว่ำ ชิงม้าตัวหนึ่งขึ้นขี่เตลิดหนีไปทางทิศตะวันตก

เขาควบตะบึงม้าอย่างไม่คิดชีวิตอยู่พักใหญ่ ในที่สุดพวกทหารที่ไล่หลังมาก็ค่อยๆ ถูกสลัดห่างจนไกลลิบ เขาระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เห็นม้าที่อยู่ใต้ร่างเริ่มหอบหนัก ฝีเท้าก็ผ่อนช้าลง คาดว่าคงเหนื่อยล้าแล้ว เขาเกรงว่าม้าจะวิ่งจนขาดใจ หากเป็นเช่นนั้นตนก็เท่ากับเสียขา อีกทั้งตนก็อ่อนเพลียแล้วจริงๆ จึงลงมานั่งหอบอยู่บนพื้น ทว่ายังหอบไม่ถึงสองทีด้วยซ้ำก็รู้สึกได้ว่าเส้นทางขามาคล้ายมีคนไล่หลังมาอีกแล้ว

ราตรีนี้จันทร์สกาวดาวบางตา ท้องทุ่งสี่ทิศโล่งกว้าง ดังนั้นจึงสามารถแยกแยะได้เลาๆ ว่าคนกลุ่มนี้มีกันอย่างน้อยสิบกว่าคน เหงื่อเย็นพลันแตกพลั่กโซมกายอีกหน เฉินรุ่ยลุกพรวดขึ้นจากพื้น พลิกกายกระโจนขึ้นหลังม้า ควบตะบึงอย่างเอาเป็นเอาตายอีกคำรบ ไม่คาดว่าสุดท้ายกลับหนีเตลิดเปิดเปิงเข้ามาในป่าช้ารกร้างผืนใหญ่ เห็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังตนไล่กระชั้นชิดเข้ามาทุกที กระทั่งสามารถได้ยินเสียงเกือกม้าย่ำไปบนพื้นแล้ว

เฉินรุ่ยรู้ว่ายามนี้เว่ยเซ่าต้องแค้นตนเข้ากระดูก หากตกสู่เงื้อมมืออีกฝ่าย ตนจะต้องตายตกทั้งเป็นแน่ ขืนหนีเช่นนี้ต่อไปคงไม่มีทางรอดพ้นไปได้ เขาจึงแข็งใจลองเดิมพันดูสักตั้ง พลิกกายกลิ้งลงจากหลังม้าพร้อมถีบหนึ่งเท้าใส่สะโพกของมันแรงๆ กระตุ้นให้มันวิ่งต่อไปเบื้องหน้า ส่วนตนเองก็ล้มลุกคลุกคลานแยกเข้ามาในดงสุสาน ปะทะเข้ากับหลุมศพรกร้างหลุมหนึ่ง บริเวณอับแสงเผยให้เห็นโพรงที่มืดสนิทน่าจะพอซ่อนกายได้ เฉินรุ่ยไม่มัวมาถือสามุดเข้าไปทันใด พยายามขดร่างให้เล็กลีบอย่างสุดชีวิต จนซ่อนตัวได้เรียบร้อยก็คว้าหินก้อนหนึ่งมาอุดปากโพรงไว้

 

เว่ยเซ่านำกำลังคนไล่ล่าออกจากกำแพงเมืองมาหลายสิบลี้ จนกระทั่งผ่านป่าช้าไปได้สักพักก็ไล่ตามม้าตัวนั้นทัน เห็นว่าบนหลังม้านั้นว่างเปล่า เฉินรุ่ยหายไปอย่างไม่รู้ร่องรอย เขาจึงหยุดม้า สั่งการให้ทหารตรวจค้นละแวกใกล้เคียงทว่ากลับไม่พบตัว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่มีป่าช้ารกร้างอยู่ข้างทางเขาจึงสั่งให้ทหารไปค้นหาต่อ

ทหารทยอยกลับมารายงานว่าตรวจค้นรอบด้านจนทั่วแล้ว แต่ไม่พบเฉินรุ่ยแต่อย่างใด

เว่ยเซ่าตรึกตรองครู่หนึ่ง นึกถึงเหล่าทหารที่เร่งเดินทัพต่อเนื่องกันข้ามวัน ซ้ำต้องบุกเมืองต่อจวบจนกลางดึก ย่อมอ่อนเพลียกันนานแล้ว อีกทั้งเมืองสืออี้ก็เพิ่งยึดมาได้ ในเมืองยังมีงานล้นมือ แม้มีกงซุนหยางนั่งบัญชาการแทน แต่ก็ไม่เหมาะที่ตนจะจากมานานเกินควร เว่ยเซ่าลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงทอดสายตาไปยังพื้นที่ด้านข้างไม่ไกลนัก มองป่าช้ารกร้างไม่เห็นจุดสิ้นสุดนั้นปราดหนึ่งก่อนออกคำสั่งถอนกำลังกลับเมือง

 

เฉินรุ่ยซุกตัวอยู่ในโพรงหลุมศพอันมืดมิด กระทั่งเบิกตาเพ่งมองก็ยังไม่เห็นนิ้วมือทั้งห้า เขาไม่กล้ากระดุกกระดิกแม้แต่น้อย ทำเพียงเงี่ยหูสดับฟังความเคลื่อนไหวเบื้องนอก แรกเริ่มเหมือนมีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เคราะห์ดีที่อีกฝ่ายผ่านเลยไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในบริเวณจุดอับแสงนี้ เนิ่นนานให้หลังเบื้องนอกไม่มีเสียงอื่นใดอีก เฉินรุ่ยคาดการณ์ว่าพวกเว่ยเซ่าน่าจะจากไปแล้วจึงระบายลมหายใจยาวเหยียดออกมาในที่สุด ตอนนี้จึงค่อยพบว่าอากาศที่สูดเข้ามาในจมูกมีแต่กลิ่นเหม็นเน่า เขาแทบอาเจียนก่อนบ่นงึมงำว่าอัปมงคล ทันทีที่ผลักก้อนหินหมายคลานออกไป ชายเสื้อด้านหลังก็เหมือนถูกคนยื้อยุดไว้แน่น ไม่อาจสลัดได้หลุด

ภาพผีตายอนาถพลันผุดวาบขึ้นเบื้องหน้าสายตาของเฉินรุ่ย แม้ยามปกติเขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ไม่เคยหวั่นเกรงผีสางเทวดาใด ทว่าในสถานการณ์ยามนี้ ดึกดื่นค่อนคืนซุกร่างอยู่ในโพรงหลุมศพ รอบด้านมืดสนิท ไม่เห็นกระทั่งนิ้วมือทั้งห้าที่ยื่นออกไป ชายเสื้อด้านหลังยังคงถูกยุดไว้แน่น อีกทั้งคล้ายมีสายลมเย็นเฉียบไล้ผ่านหลังคอในฉับพลัน ต่อให้ปกติเขาเป็นคนขวัญกล้าเพียงใด ยามนี้ก็ยังขนลุกซู่ไปทั้งร่าง หมอบอยู่กับพื้นแล้วก็ไม่กล้าขยับตัวอีก สองตาหลับปี๋ขณะที่ปากวิงวอนไม่หยุด

ผ่านไปครู่หนึ่งเห็นเบื้องหลังคล้ายไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นใดแล้ว ในที่สุดจึงปลุกปลอบความกล้าค่อยๆ ยื่นมือคลำไปด้านหลัง ตอนนี้เองถึงคลำพบว่าชายเสื้อถูกไม้หนามที่ขึ้นอยู่ด้านหลังเกี่ยวเอาไว้เท่านั้น เขาออกแรงกระตุกทีเดียวก็หลุดพ้น เฉินรุ่ยรีบใช้ทั้งมือและเท้าตะกายออกจากโพรงมานั่งหอบแฮกอยู่บนพื้น รอจนสติอารมณ์สงบลงเล็กน้อยก็ไม่กล้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อ เขาคืบคลานออกมาเหลียวมองรอบทุ่งร้างอันกว้างใหญ่ ในที่สุดก็กล้อมแกล้มจำแนกทิศทางได้ รีบรุดไปสู่ทิศทางของมณฑลปิงโจวทันที

6 of 6หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com