ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 5 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 5

4 of 4หน้าถัดไป

หลังมรสุมเมื่อคืนผ่านพ้น ทุกอย่างก็ไม่มีอันใดต่างไปจากเดิม จนสองวันให้หลังจงเอ่าจึงส่งทองคำกับแพรพรรณจำนวนหนึ่งมาให้เสี่ยวเฉียว นอกจากนี้ยังมีเชียงเถา ที่ยามปกติพบเห็นได้ไม่บ่อยนักกับผลทับทิมที่เป็นบรรณาการมาจากเมืองอันสือ โดยเฉพาะอีกสองถาด จงเอ่าบอกว่าท่านโหวเป็นผู้สั่งให้นำมา

เสี่ยวเฉียวรู้สึกประหลาดใจนิดๆ นางคาดเดาว่าน่าจะเป็นการชดเชยเล็กน้อยของเว่ยเซ่าสำหรับเรื่องในคืนนั้น นางปั้นยิ้มตามเรื่องราว บอกให้อีกฝ่ายช่วยแจ้งต่อท่านโหวว่านางซาบซึ้งใจยิ่ง

ฝ่ายชุนเหนียงยินดีเป็นล้นพ้น รีบสั่งให้สาวใช้รับของกำนัล ส่วนตนเองก็กล่าวขอบคุณซ้ำอีกหลายหน

“นายหญิง ฮูหยินผู้เฒ่าสูงวัยแล้ว ข้างกายต้องการบ่าวคนนี้คอยรับใช้ พรุ่งนี้บ่าวจึงขอเดินทางกลับก่อน ไม่อาจอยู่รับใช้นายหญิงต่อได้ ส่วนนายหญิงก็วางใจพำนักอยู่ที่นี่อีกสักระยะหนึ่งแล้วค่อยกลับขึ้นเหนือพร้อมท่านโหวเถิด ถึงตอนนั้นก็จะได้คารวะฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว”

ก่อนจากจงเอ่าก็กล่าวทิ้งท้ายเช่นนี้ ท่าทียามพูดจาแทบไม่ต่างจากเมื่อก่อน ยังคงเฉยเมยไว้ตัวเช่นเดิม ทว่านี่เป็นวาจายาวที่สุดที่เสี่ยวเฉียวเคยได้ยินอีกฝ่ายพูดกับตนตลอดเวลาที่ผ่านมาแล้ว อีกทั้งนางยังสังเกตได้ว่าในคำพูดของจงเอ่าไม่ได้เอ่ยถึงสตรีอีกคนในจวนสกุลเว่ยที่เมืองอวี๋หยาง…จูซื่อมารดาของเว่ยเซ่า

จงเอ่าค้อมกายให้นางเล็กน้อยก่อนหมุนกายจากไป

“นายหญิง เว่ยโหวใส่ใจท่านแล้ว ช่างดียิ่งนัก”

ชุนเหนียงมิใช่ขาดประสบการณ์ในชีวิต ทว่านางกลับชื่นมื่นไม่หายกับข้าวของกองพะเนินที่เว่ยเซ่าส่งมา ประเดี๋ยวลูบคลำชิ้นนี้ ประเดี๋ยวหยิบจับชิ้นนั้น ซ้ำยังฉวยผ้าแพรมาทาบตัวเสี่ยวเฉียวพลางพูดว่าอีกสองวันจะตัดชุดใหม่ให้นาง

“ข้ามีเสื้อผ้ามากพอแล้ว เดิมทีก็ใส่ไม่หวาดไม่ไหว ไม่ต้องทำเพิ่มหรอก”

เสี่ยวเฉียวออกอาการไม่ยินดียินร้าย กล่าวจบก็สุ่มหยิบเชียงเถาสองลูกมากลิ้งเล่นในฝ่ามือสองที

“ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นรออีกสักพักแล้วกัน” ชุนเหนียงสั่งสาวใช้เก็บทองคำกับแพรพรรณ “บ่าวปอกเชียงเถากับทับทิมให้กินนะเจ้าคะ เว่ยโหวช่างมีน้ำใจนัก เมื่อก่อนฤดูหนาวที่เมืองตงยังยากจะได้เห็นเชียงเถากับทับทิมที่น่าชื่นใจเช่นนี้”

“ข้าไม่ชอบกินของพวกนี้!”

เสี่ยวเฉียวโยนลูกเชียงเถาในมือกลับลงถาด

เชียงเถาลูกหนึ่งกระดอนกลิ้งออกจากถาด หมุนติ้วอยู่บนโต๊ะ

“พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันกินเถิด”

นางปัดๆ ฝ่ามือ หันไปพูดกับชุนเหนียงและสาวใช้ที่กำลังมองนางอย่างตกตะลึง

 

แม้อาศัยอยู่ที่เดียวกัน ทว่าหลังจากคืนนั้นเสี่ยวเฉียวก็ไม่เคยเห็นเว่ยเซ่าเผยโฉมเบื้องหน้าตนอีกเลย

เว่ยเซ่าไม่ได้ห้ามนางออกไปข้างนอก แต่เสี่ยวเฉียวกลับไม่เคยออกไปสักครั้ง ชีวิตของนางยังคงเรียบเรื่อยยิ่ง สิ่งบันเทิงใจเพียงหนึ่งเดียวน่าจะเป็นการขึ้นไปบนหอถานไถเพื่อชมดูเมืองหรือทอดสายตามองออกไปแสนไกล

บางครั้งในยามอาทิตย์อัสดง ขณะที่เสี่ยวเฉียวยืนอยู่บนยอดหอถานไถจะบังเอิญเห็นเงาร่างของกำลังพลกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเป็นเว่ยเซ่ากำลังเข้าออกเมือง

ดูเหมือนเขาจะมีงานล้นมือจริงๆ วิ่งวุ่นราวกับสุนัขตัวหนึ่งทีเดียว

เสี่ยวเฉียวคิดในใจ

 

อากาศเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นตามลำดับ กระทั่งเช้าค่ำยังไม่อาจถอดอาภรณ์ฤดูเหมันต์อันหนาหนักบนร่างออกไปได้ ทว่าสายลมที่โชยมากลับไม่คล้ายใบมีดที่คุกคามผู้คนอีก ธารน้ำแข็งเริ่มละลาย ลานนอกเรือนเซ่อหยางซึ่งเดิมทีหม่นหมองเหี่ยวเฉาก็เริ่มผุดสีเขียวอ่อนหลายจุด

ในวันที่กิ่งแห้งของต้นไห่ถังเบื้องนอกหน้าต่างห้องของเสี่ยวเฉียวเริ่มแตกยอดอ่อน เว่ยเซ่าก็สั่งคนมาส่งข่าวบอกให้นางเก็บสัมภาระ อีกสองสามวันเตรียมออกเดินทางขึ้นเหนือ วันเกิดอายุครบหกสิบปีของสวีฮูหยินจวนจะมาถึงแล้ว เขาต้องกลับไปฉลองวันเกิดผู้เป็นย่า

สามวันให้หลัง ล้อรถม้าที่เสี่ยวเฉียวนั่งก็บดผ่านผิวถนนซึ่งปูด้วยแผ่นหินสีเทาอมเขียว ส่ายโคลงเคลงออกจากเมืองซิ่นตูมุ่งขึ้นเหนือสู่เมืองอวี๋หยาง

การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นยิ่ง ไม่มีเหตุไม่คาดฝันใดเกิดขึ้นอีก

ครึ่งเดือนต่อมาคนทั้งคณะก็มาถึงเมืองอวี๋หยางในที่สุด

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกำแพงเมืองอวี๋หยางมีเขาลูกหนึ่งนามว่าอวี๋ซาน ตัวเมืองอยู่ทางใต้ของเขาจึงได้ชื่อว่าอวี๋หยาง สมัยก่อนยังเรียกอีกชื่อว่าอู๋จง เพราะมุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือขึ้นไปร้อยลี้จะมีเมืองเก่าแก่นามว่าอู๋จงอยู่แห่งหนึ่ง แม้เมืองมีขนาดเล็ก ทว่าสามด้านล้วนโอบล้อมด้วยขุนเขา ฤดูเหมันต์ไม่หนาวจัดเพราะไม่ต้องโกรกลมแห้งผากเหมือนกับพื้นที่อื่น อาศัยอยู่ภายในเมืองนี้จึงไม่ต่างจากการอยู่ที่แดนเจียงหนานเลย สกุลเว่ยสร้างเรือนพักอีกแห่งไว้ในเมืองอู๋จง ตั้งแต่ฤดูเหมันต์ปีที่แล้วสวีฮูหยินก็พำนักอยู่ที่นั่น จนบัดนี้ยังไม่กลับมาที่เมืองอวี๋หยาง

อวี๋หยางเป็นเมืองที่มีทหารประจำการมาเนิ่นนานแต่อดีต หลายร้อยปีก่อนกำแพงหมื่นลี้สำหรับส่วนที่สร้างโดยแคว้นเยียนเพื่อป้องกันชาวซยงหนูก็พาดผ่านด้านข้างของเมืองนี้ด้วย

ตั้งแต่รุ่นปู่ของเว่ยเซ่า สกุลเว่ยหมายสยบชาวซยงหนูและเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่การป้องกันชายแดนเหนือ จึงย้ายเมืองเอกของมณฑลโยวโจวจากฟั่นหยางขึ้นมาสู่อวี๋หยางซึ่งใกล้ชายแดนทางเหนือยิ่งขึ้น การป้องกันเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องมาทุกชั่วอายุคน จนมาถึงรุ่นของเว่ยเซ่า กระทั่งฉานอวี๋ ของซยงหนูที่มีนามว่าอีเสียโม่ซึ่งขณะนี้มีขุมกำลังกล้าแข็งก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่ามปะทะกับกองทัพของเว่ยเซ่าซึ่งๆ หน้า แถบเมืองไป๋ถานและเมืองซั่งกู่ซึ่งอดีตเคยประสบกับการทำลายล้างของทหารม้าซยงหนูซ้ำแล้วซ้ำเล่า บัดนี้ล้วนปลอดศึกมาหลายปีแล้ว ราษฎรกลับมารวมกลุ่มตั้งถิ่นฐานดังเดิม จำนวนคนก็เพิ่มพูนขึ้นตามลำดับ

ในวันที่เสี่ยวเฉียวมาถึง ยามที่รถม้าเข้าใกล้ประตูเมือง นางชะโงกศีรษะออกนอกหน้าต่างรถมองดูด้วยความสนใจใคร่รู้ เห็นเบื้องหน้าที่ไกลตาปรากฏกำแพงเมืองสูงตระหง่านทะลุชั้นเมฆ ประหนึ่งมังกรดำขนาดมหึมาน่าเกรงขามสองตัวหมอบกับพื้นทอดร่างคดเคี้ยวไปทางตะวันออกและตะวันตก กระทั่งมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด รอจนใกล้เข้าไปทุกทีถึงเห็นได้ชัดถนัดตาว่าตัวกำแพงทั้งหมดล้วนก่อด้วยศิลายักษ์เต็มก้อนสีเทาดำขนาดสูงเกือบสามเชียะ ดูแข็งแกร่งดุจกำแพงหมื่นลี้ทีเดียว

หอสังเกตการณ์เหนือประตูเมืองก็มิใช่รูปแบบของหอประดับซุ้มหลังคาที่นางเห็นทั่วไปจนชินตา หากแต่เป็นหอทรงเจดีย์สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่เฉกเช่นป้อมปราการ ตามแนวกำแพงทุกหลายสิบจั้งจะมีหอทรงเจดีย์เช่นนี้หนึ่งหลัง มีขนาดย่อมกว่าหอเหนือประตูเมืองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ธงบนมุมทั้งสี่ของหอทรงเจดีย์ปลิวไสว ทหารรักษาการณ์ที่สวมชุดเกราะต่างก็แข็งขัน ภายใต้แสงตะวันส่องสะท้อน ใบดาบบนทวนวงเดือนก็เปล่งประกายของโลหะวูบวาบแยงตา

เมื่อครู่ทหารสอดแนมได้นำข่าวการกลับอวี๋หยางของท่านโหวเข้ามารายงานในเมืองแล้ว ประตูเมืองจึงเปิดอ้ากว้าง ทหารสวมชุดเกราะกองใหญ่เรียงแถวกรูออกจากเมืองมายืนแยกสองข้างทาง หลี่เตี่ยนและจางเจี่ยนพร้อมด้วยแม่ทัพอีกสิบกว่าคนซึ่งรั้งอยู่ที่อวี๋หยางต่างควบม้าออกจากเมืองมาต้อนรับ เว่ยเซ่าพูดคุยด้วยเล็กน้อยกับแม่ทัพใต้บัญชาก่อนนำคนทั้งหมดเข้าเมือง ตลอดทางที่ผ่านไพร่พลล้วนทำความเคารพแบบทหารโดยพร้อมเพรียง โห่ร้องคำว่า ‘ท่านโหวกลับมาแล้ว’ ด้วยสุ้มเสียงดุจฟ้าคำรามสะท้านแก้วหู หลังเข้ามาในเมือง ราษฎรที่ได้ยินข่าวต่างก็พากันวิ่งออกจากประตูเรือนมาต้อนรับอยู่สองข้างทางด้วยความยินดี กระทั่งขบวนเคลื่อนมาตามถนนจนถึงจวนผู้ว่าการซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางของเมืองฝั่งทิศเหนือในที่สุด

เว่ยเซ่ากลับเมืองโดยไม่ได้แจ้งข่าวกับทางบ้านล่วงหน้า ดังนั้นจูซื่อมารดาของเขาจึงไม่รู้แต่อย่างใด บังเอิญวันนี้นางไม่อยู่ในจวนพอดี พ่อบ้านรายงานว่าเมื่อสองวันก่อนจูซื่อพาเจิ้งฉู่อวี้หลานสาวไปที่ศาลทรงเจ้าบนเขาอวี๋ซาน ยามนี้ยังอยู่ในศาลทรงเจ้านั้น เขาได้ส่งคนไปแจ้งแล้ว คาดว่าคงจะกลับมาในไม่ช้า

จูซื่อศรัทธาในเรื่องคุณไสย ไม่กี่ปีมานี้ยิ่งงมงายถึงขั้นหมกมุ่น ไปมาหาสู่กับแม่หมอในศาลทรงเจ้าอยู่บ่อยครั้ง เมื่อก่อนมักเชิญอีกฝ่ายมาถึงจวน ให้การปรนนิบัติราวกับแม่หมอเป็นเซียนวิเศษ หลังถูกเว่ยเซ่าพบเข้าสองหน เห็นบุตรชายไม่ชอบใจจึงได้เชิญมาที่จวนน้อยลง เปลี่ยนไปเยือนที่ศาลทรงเจ้าด้วยตนเองแทน แม้เว่ยเซ่าจะเอือมระอาเพียงใด ทว่าเตือนเท่าใดก็ไม่เห็นมารดาฟังสักครั้ง อีกทั้งตนก็วุ่นอยู่กับงานในกองทัพ ตลอดปีไม่ค่อยอยู่ในจวน ไกลเกินกว่าจะควบคุมอีกฝ่าย จึงได้แต่หลับตาข้างหนึ่งปล่อยนางไปด้วยความจนใจเช่นนี้ ตอนนี้เพิ่งย่างเท้าเข้าประตูจวนก็ได้ยินว่ามารดาไปศาลทรงเจ้านั่นอีกแล้ว เว่ยเซ่าจึงมุ่นคิ้วนิดๆ ก่อนสั่งให้พ่อบ้านพานายหญิงไปพักที่เรือนด้านหลัง

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

    By

    บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงขนสิ่งเหล่านี้กลับกอง...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

    By

    บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่าดำออกจากหมู่บ้านมาก็...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ่า เงาดำสายหนึ่งพลัน...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6

    By

    บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม   6   บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสัน...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเร้น ภายใต้ผืนนภาราตร...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

    By

    บทที่ 2-1 สามีภรรยาปลอม   1   เมื่อลู่หย่วนเดินมาถึงหน้าประตูก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ผลักประตูเปิดออก สิ่งที่ทำให้เขาสติหลุดล...

  • จุติรัก พลิกชะตาร้าย

    ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญู เบื้องหน้าท้องพระโ...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com