ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ปรปักษ์จำนน ตอนที่ 7
ดึกดื่นป่านนี้เว่ยเซ่าก็ยังไม่กลับมา
ในเมื่อเขายังไม่กลับมา เสี่ยวเฉียวย่อมไม่อาจนอนคนเดียวไปก่อนได้ นางจึงจำใจนั่งคอย
สาวน้อยหนุนแก้มภายใต้แสงไฟ ขบคิดถึงคนและเรื่องที่พบเจอมาเมื่อช่วงบ่าย
เว่ยเหยี่ยนผู้นี้ทำให้นางจดจำอย่างลึกซึ้ง ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่นเลย เพียงแค่เรื่องแซ่ของเขาก็ทำให้ผู้อื่นขบคิดไม่แตกแล้ว
ในเมื่อเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเว่ยเซ่า เป็นหลานยายของสวีฮูหยิน เหตุใดจึงใช้แซ่เว่ยเช่นกันได้ บังเอิญปานนี้เชียวหรือ
อีกเนิ่นนานต่อจากนี้กว่าที่เสี่ยวเฉียวจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว…ชาติกำเนิดของเว่ยเหยี่ยนนั้นเร้นลับซับซ้อนยิ่งนัก
เว่ยเซ่าเคยมีอาหญิงอยู่ผู้หนึ่งนามว่าชิงอวิ๋น เป็นบุตรสาวแท้ๆ ของสวีฮูหยิน เนื่องจากเหตุไม่คาดฝันครั้งหนึ่งเมื่อสามสิบปีก่อน ขณะที่นางอยู่เมืองชายแดนได้ถูกบุรุษซยงหนูที่มีฐานะสูงลักพาตัวไป จวบจนสามปีให้หลังบิดาของเว่ยเซ่าจึงชิงตัวน้องสาวคืนมาได้ ทว่ากลับมาแล้วจึงค่อยพบว่านางตั้งครรภ์ได้ห้าหกเดือน คนทางบ้านจึงบอกให้นางเอาเด็กออก แต่อาหญิงของเว่ยเซ่าไม่ยินยอม อีกทั้งยังใช้ความตายมาข่มขู่ สวีฮูหยินอับจนปัญญายิ่งนัก สุดท้ายจึงได้แต่ตามใจนาง ไม่คาดว่าตอนคลอดบุตรจะเคราะห์ร้ายเสียชีวิตจากการตกเลือด
สวีฮูหยินรักบุตรสาวคนเล็กผู้นี้อย่างยิ่ง เมื่อสูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักไปอย่างปวดร้าว เลือดเนื้อเชื้อไขซึ่งบุตรสาวที่รักยิ่งทิ้งเอาไว้จึงถูกมองด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
ผู้คนในยุคนี้แม้จะสามารถยอมรับสตรีชาวฮั่นที่เคยถูกชาวหูลักชิงตัวไปได้ก็จริง ทว่าไม่มีทางเลยที่จะปฏิบัติต่อเด็กที่มีสายเลือดชาวหูอย่างเสมอภาคเท่าเทียม แต่สวีฮูหยินกลับไม่ยินดีจะส่งเด็กไปยังซยงหนู หลังใคร่ครวญจนถ้วนถี่จึงให้เด็กคนนี้ใช้แซ่เว่ยตามมารดา ส่วนตนเองก็เป็นคนเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่มากับมือ เพียงบอกต่อภายนอกว่าบิดาของเขาเคยแต่งเข้ามาเป็นเขยสกุลเว่ย ทว่าถึงแก่กรรมไปแล้ว
คนที่รู้เรื่องในอดีตช่วงนี้นั้นมีน้อยยิ่ง และสวีฮูหยินเองก็ไม่เคยเอ่ยต่อเว่ยเหยี่ยนแม้เพียงครึ่งประโยค
เว่ยเหยี่ยนมิได้พำนักร่วมกับคนสกุลเว่ย เขาย้ายออกมาอยู่ตามลำพังนานมากแล้ว ในเมืองอวี๋หยางก็มีเรือนพักของเขาอยู่แห่งหนึ่ง
สองปีมานี้เว่ยเซ่าไม่ค่อยอยู่ในมณฑลโยวโจว การรักษาการณ์ของทั้งมณฑลล้วนมอบหมายแก่เว่ยเหยี่ยน และเขาได้ตั้งทัพอยู่ที่เมืองไต้ ในเรือนพักแห่งนี้เมื่อไร้นาย เวลาส่วนมากของที่นี่จึงแทบไม่มีคนอยู่ บัดนี้เมื่อเขากลับมาแล้ว ข้ารับใช้ย่อมตามมาด้วยจนครบ เขาเชื้อเชิญเว่ยเซ่ามายังเรือนพักของตน ครั้นเข้าสู่ประตูใหญ่ ล่วงผ่านประตูชั้นในจนมาถึงโถงแห่งหนึ่งที่ลานข้างเรือนใหญ่ เว่ยเหยี่ยนจึงสั่งการให้จุดเทียนสว่างไสว ไม่ช้าข้ารับใช้ก็จัดอาหารชั้นเลิศเต็มโต๊ะและประคองยกสุราเข้ามา เว่ยเหยี่ยนรินสุราเต็มจอกให้เว่ยเซ่าด้วยตนเองก่อนกล่าว “ยึดเมืองสืออี้ได้ มณฑลปิงโจวก็เป็นเช่นเรือนที่เปิดประตูอ้ากว้าง การรุกคืบสู่ตะวันตกกลืนกินเมืองจิ้นหยางย่อมนับวันรอได้เลย ช่างน่ายินดีน่าเฉลิมฉลอง! ข้าคารวะจ้งหลินหนึ่งจอก!”
“โยวโจวคือรากฐานของสกุลเว่ย ที่ผ่านมาแข็งแกร่งประดุจหลอมสร้างด้วยโลหะ ความชอบของพี่ชายอยู่เหนือกว่าข้าเสียอีก ข้าขอคารวะพี่ชายเช่นกัน!”
ชายหนุ่มทั้งสองนั่งประจำที่ ต่างดื่มกันคนละหนึ่งจอก เห็นญาติผู้น้องหมุนจอกสุราในมือสูดดมกลิ่น เว่ยเหยี่ยนจึงยิ้มถาม “เป็นอย่างไร รู้แล้วกระมังว่าเหตุใดข้าถึงเชิญเจ้ามาที่เรือน มีคำกล่าวว่าไว้แต่โบราณ สุราแคว้นจ้าวแรง สุราแคว้นเยียนนุ่ม สุราแคว้นฉินฝาด พักก่อนข้าได้บ่าวที่ดูแลสุรามาคนหนึ่ง บรรพชนเคยเป็นผู้บ่มสุราในวังแคว้นจ้าว สุราที่บ่มออกมาเข้มข้นหาได้ยาก มีของดีอยู่เช่นนี้ ข้าจะดื่มด่ำตามลำพังได้อย่างไร ต้องเชิญน้องรองมาร่วมดื่มเป็นธรรมดา” เขารินเติมอีกจอกก่อนยิ้มกล่าวต่อ “มียอดสุรา ไหนเลยจะขาดหญิงงามได้” เขาพูดจบก็ปรบมือ เครื่องดนตรีหลังม่านมุกเริ่มเป่าบรรเลง เสียงสูงต่ำเปลี่ยนสลับระรื่นหู หญิงงามในอาภรณ์หลากสีแถวหนึ่งเดินเรียงลำดับกันออกมา ก่อนจะหมุนกายร่ายรำตามเสียงดนตรี ทั้งหมดคือหญิงขายศิลปะที่เว่ยเหยี่ยนเลี้ยงเอาไว้ ท่วงท่าอ่อนช้อยพลิ้วไหวประดุจเซียน
เว่ยเหยี่ยนแสดงท่าทีให้สตรีที่โฉมงามกว่าใครมาดื่มสุราเป็นเพื่อนเว่ยเซ่า ทว่าเว่ยเซ่ากลับสะบัดมือสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาใกล้
เว่ยเหยี่ยนตะลึงชั่วอึดใจก่อนหัวเราะร่วนเอ่ยหยอกเย้า “จ้งหลินยังคงเป็นเช่นกาลก่อนไม่มีผิด จิตกระจ่างตัดกิเลส ละซึ่งนารีดุจละซึ่งความชั่ว! ไม่ถูกสิ บัดนี้น่าจะเป็นเพราะในเรือนมีภรรยาคนงามอยู่แล้ว บุปผาดาษดื่นเช่นนี้จะเข้าตาจ้งหลินได้อย่างไรเล่า!”
เว่ยเซ่าคลี่ยิ้มไม่เอ่ยแก้ต่าง เพียงยกป้านสุรารินใส่จอกที่อยู่เบื้องหน้าด้วยตนเอง
“แล้วกันไปเถิด มาเยือนเรือนข้าทั้งที เจ้าก็คือแขก ในเมื่อแขกไม่ชอบก็ถอยไปให้หมด จะได้ไม่มาอยู่ใกล้ๆ รบกวนพวกเราพี่น้องสนทนา!”
เว่ยเหยี่ยนโบกมือ พ่อบ้านซึ่งคอยรับใช้อยู่ข้างโต๊ะรีบแสดงท่าทีให้นักดนตรีหยุดบรรเลงเครื่องดนตรี เหล่านางรำก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็วเฉกเช่นตอนเข้ามา ทั้งสองดื่มไปสองสามจอก เว่ยเหยี่ยนก็ถามถึงเรื่องการป้องกันเมืองสืออี้ เอ่ยเตือนให้เตรียมป้องกันการโต้กลับของเฉินเสียงแห่งปิงโจว
เว่ยเซ่ากล่าว “ยามนี้มีท่านกงซุนช่วยข้ารักษาเมืองชั่วคราวอยู่ น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เรื่องเดียวที่น่าปวดหัวก็คือเฉินพังไม่ยอมสวามิภักดิ์ข้า เฉินพังปกครองเมืองสืออี้มาช้านาน ครองใจราษฎรไม่น้อย หากเขาไม่สวามิภักดิ์ เกรงว่าชาวเมืองสืออี้คงมีใจเอนเอียงไปทางปิงโจว”
เว่ยเหยี่ยนเอ่ย “เฉินพังสวามิภักดิ์ย่อมดีที่สุด แต่หากไม่สวามิภักดิ์จริงๆ ฆ่ามันทิ้งเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูสิ ทำเช่นนี้ถึงจะเป็นทางแก้ ขืนเก็บไว้นานวันเข้าก็กลับจะกลายเป็นเภทภัย หากไม่ดื่มสุราคารวะก็ต้องดื่มสุราจับกรอก! ใช้พระเดชควบคู่กับพระคุณถึงเป็นวิถีแห่งการทหาร”
เว่ยเซ่าตอบ “ข้าเองก็คิดจะทำเช่นนี้ แต่ท่านกงซุนแนะให้ข้าอดใจรออีกสักหน่อย ปล่อยไปก่อนชั่วคราว แล้วอีกสักพักข้าค่อยไปดูใหม่”
เว่ยเหยี่ยนกล่าว “รู้หรือไม่เหตุใดตอนเป็นเด็กหนุ่มเจ้าถึงได้สมญานามว่าจอมอหังการน้อย ก็เพราะเจ้ามีนิสัยแข็งกร้าว มีความคิดเห็นเป็นของตัวเองสูง ทั้งไม่สนว่าใครจะว่าอย่างไร หากเป็นเมื่อหลายปีก่อน เกรงว่าเฉินพังสิบคนก็คงศีรษะหลุดจากบ่าหมดแล้ว นี่ถ้าข้าเดาไม่ผิด คงเป็นเพราะตัวเจ้าเองก็ยังไม่อยากฆ่าเฉินพังกระมัง ถึงยังได้เก็บชีวิตเขาไว้ หากเจ้ามีใจคิดสังหารจริง ต่อให้กงซุนหยางโน้มน้าวอย่างไรก็คงไร้ผล ข้าว่าเดี๋ยวนี้นิสัยของเจ้าอ่อนลงกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย”
เว่ยเซ่าคลี่ยิ้ม “อย่าเอ่ยถึงเรื่องในอดีตอยู่เลย พวกเราพี่น้องไม่ได้พบกันตั้งนาน ดื่มสุราต่างหากถึงจะเป็นเรื่องหลัก” เขาพูดพลางรินสุราให้ญาติผู้พี่หนึ่งจอก
เว่ยเหยี่ยนแย้มยิ้มพลางยกจอกสุรามาสูดดมใกล้ปลายจมูก เบื้องหน้าสายตาก็ผุดภาพเมื่อช่วงบ่ายยามแรกพบสาวน้อยผู้นั้นในร้านเข้ากรอบ
แม้โฉมสะคราญเพียงกวาดตามองมาแค่แวบเดียว ทว่ายามนั้นกลับสะกดให้เขาตกตะลึงในความงามได้อย่างแท้จริง ความงามในรูปโฉมของนางเขาไม่เคยพบพานมาก่อนในชีวิตนี้ ทรวดทรงองค์เอวแม้ยังไม่งามเท่าสตรีเจริญวัย แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา มองปราดเดียวก็รู้ว่านางมีข้อดีในจุดอื่น ท่วงท่าอันงามตรึงใจที่ผสานทั้งความบริสุทธิ์ผุดผ่องของดรุณีน้อยกับเสน่ห์ของสาวแรกออกเรือนได้จู่โจมเข้าสู่ก้นบึ้งดวงตาของเขาอย่างถนัดถนี่
เห็นสาวน้อยที่ไม่รู้เป็นสะใภ้สกุลใดผู้นั้นราวกับรังเกียจที่ตนพิศมองนางเช่นนั้นจึงหมุนกายหันแผ่นหลังให้ ทว่านางกลับไม่รู้เลยสักนิดว่าคอเสื้อกับเรือนผมดำขลับที่มุ่นมวยต่ำล้วนไม่อาจซุกซ่อนลำคอระหงที่ยังคงกึ่งซ่อนเร้นกึ่งเปิดเผยต่อสายตาของผู้อื่น ขาวเนียนวาวประดุจหยกมันแพะ ปลุกให้จินตนาการยิ่งเตลิดไปไกล ยามนั้นชายหนุ่มใจเต้นอารมณ์หวั่นไหว อย่าว่าแต่กรอบลายไหมชาดตัดทองเลย แม้ให้เขาเก็บดวงดาวแก่นางเพื่อจะได้ยลโฉมสะคราญแย้มยิ้ม เขาก็จะคิดหาทุกวิถีทางนำมาให้นางให้จงได้
ก่อนหน้านี้เขาเคยแต่งภรรยาตามการจัดการของสวีฮูหยิน แต่ไม่ถึงสองปีภรรยาก็ล้มป่วยเสียชีวิต หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้แต่งภรรยาใหม่จวบจนบัดนี้ ทว่าเขาแตกต่างจากเว่ยเซ่า เขาไม่เคยกดข่มแรงปรารถนา ข้างกายมีสตรีไม่เคยขาด แต่ถึงแม้ไม่ขาดแคลนสตรี พวกนางก็ไม่เคยเข้ามาอยู่ในหัวใจ หญิงที่พอข้ามคืนผ่านไปแล้วเขาจดจำหน้าตาไม่ได้ใช่ว่าจะไม่มี
ผิดกับสาวน้อยท่าทางเพิ่งแต่งงานได้ไม่นานที่เขาพบพานในวันนี้ นางถึงขั้นทำให้เขาจิตใจฟุ้งซ่านได้เพียงนั้น เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยประสบมาก่อนเลยจริงๆ
ด้วยฐานะของเขา ไม่ว่าจะต้องการสตรีเช่นไรล้วนย่อมได้ทั้งสิ้น ต่อให้เป็นหญิงมีสามีในตระกูลขุนนางใหญ่ที่เมืองหลวงลั่วหยาง หากว่าเขาถูกตาต้องใจจริงก็ใช่ว่าไม่อาจคว้ามาอยู่ในมือ แต่นึกไม่ถึงว่าหลังจากสะกดรอยตามรถม้าของนางไป ประตูที่เห็นนางเข้าไปในตอนท้ายจะเป็นประตูจวนสกุลเว่ยบานนั้น
“พี่ชาย ระหว่างทางที่ข้ารับท่านย่ากลับมา ท่านย่าเอ่ยถึงท่านอยู่หลายหน บอกว่าตอนนี้ท่านตัวคนเดียว ข้างกายไม่มีกระทั่งคนดูแลความเป็นอยู่ ซ้ำไม่ยอมย้ายกลับมาอยู่ที่จวน ท่านย่าจึงไม่ค่อยวางใจ เหตุที่ท่านไม่ยอมกลับมาคงเพราะท่านแม่ของข้ากระมัง”
จูซื่อไม่ชอบเว่ยเหยี่ยน เมื่อก่อนตอนยังอยู่ร่วมกัน แม้ไม่ถึงขั้นราวีกลั่นแกล้ง แต่ก็ดูเหมือนระแวงระวังไปเสียทุกอย่าง เว่ยเหยี่ยนสัมผัสได้จึงย้ายออกมาอยู่ตามลำพังตั้งแต่อายุสิบเจ็ดสิบแปดจวบจนบัดนี้
ขณะที่เว่ยเหยี่ยนเหม่อลอยเล็กน้อยก็ได้ยินเว่ยเซ่าเอ่ยขึ้นเช่นนี้ เขาจึงดึงสติกลับมายิ้มตอบ “เกี่ยวอันใดกับท่านป้าเล่า ข้าทำตัวแปลกแยกจนเคยชินเองต่างหาก แค่ไม่อยากถูกผูกมัดอยู่ใต้สายตาท่านยายก็เท่านั้น” เขาพลันฉุกคิดอะไรได้จึงเอ่ยเสริม “คราวนี้หากท่านยายจะเอ่ยเรื่องคู่ครองอันใดนั่นกับข้าอีก เจ้ารู้เรื่องเมื่อใดก็ต้องมาบอกข้าด้วย ข้าจะได้รีบกลับเมืองไต้”
เว่ยเซ่าเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ก็ท่านย่าเป็นห่วงนี่นา”
เว่ยเหยี่ยนยิ้มเย้า “หากจัดการแต่งงานเช่นเดียวกับของน้องชายให้ข้า ข้าก็คงยอมรับไปแล้ว”
เดิมทีเว่ยเซ่ากำลังรินสุรา เมื่อได้ยินเช่นนี้มือที่ถือป้านสุราจึงชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองญาติผู้พี่
เว่ยเหยี่ยนย่อมรู้ตัวว่าพลั้งปากออกไปจึงรีบยิ้มเอ่ยกลบเกลื่อน “น้องสะใภ้เลอโฉมหายากยิ่งในแผ่นดิน จ้งหลินมีวาสนาไม่น้อยที่ได้ทั้งโฉมสะคราญได้ทั้งเหยี่ยนโจว การแต่งงานที่ท่านยายจัดให้ครั้งนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
เว่ยเซ่าคลี่ยิ้มก่อนรินสุราจนเต็มจอก เขาชูขึ้นคารวะเว่ยเหยี่ยนก่อนดื่มช้าๆ