บทที่ 136
ไหวหยางอ๋องมองจานที่ว่างเปล่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมก้าวฉับไวเข้าไปแย่งจานนางมา “ยังจะกินสิ่งนี้อีก อยากถูกตีใช่หรือไม่”
หลิ่วเหมียนถังเลียมุมปากพลางเอ่ยอย่างน้อยใจ “เพิ่งกินไปสามชิ้นเอง หลี่มามากลัวว่าข้าจะกินเยอะ แป้งทอดแต่ละชิ้นล้วนทำออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ใหญ่ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของแป้งทอดที่ขายตามท้องถนนด้วยซ้ำ ข้ากินแล้วไม่สาแก่ใจสักนิด…”
สีหน้าชุยสิงโจวยังคงเคร่งเครียด “ยังมีหน้ามาพูดว่ากินไม่พออีก? ความเห็นแก่กินของเจ้ากลายเป็นจุดอ่อนให้ผู้อื่นเล่นงานไปแล้ว! ถ้าสือฮองเฮาไม่ได้มาเตือนเจ้าล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับเจ้าขึ้นมาจริงๆ หรอกหรือ”
หลิ่วเหมียนถังยิ้มแย้มขณะจับมือเขา ให้เขาลูบหน้าท้องขนาดเท่าฝาหม้อของตนเอง “ท่านดูสิ ขนาดไม่ใช่กำลังพอดีหรอกหรือ”
ช่วงก่อนหน้านี้เพื่อหลอกหูตาของสุยอ๋อง หลิ่วเหมียนถังจึงต้องเพิ่มเบาะปุยฝ้ายชั้นหนึ่งบนหน้าท้องตนเองทุกวัน ดังนั้นหน้าท้องจึงดูใหญ่มาก
ของกินเล่นนอกจวนก็ยังซื้อตามเดิม แต่หลิ่วเหมียนถังไม่เคยแตะต้อง อาหารที่กินเป็นประจำล้วนมีหลี่มามาจับตาดูและทำออกมาเอง
เมื่อมีหลี่มามาคอยจับตาดู ถึงหลิ่วเหมียนถังคิดอยากกินมากสักคำหนึ่งก็ยังไม่ได้ คืนนี้หลังจากนางแกล้งทำเป็นน้ำคร่ำเดินจะคลอดก็ใช้ทางใต้ดินของจวนอ๋องมุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กที่อยู่อีกถนน ก่อนออกมายังไม่ลืมให้ปี้เฉ่าหยิบของกินมาด้วยสองกล่อง อาศัยโอกาสที่หลี่มามาอยู่ดูแลฉู่ไท่เฟยที่จวนอ๋อง ตนเองตะกละตะกลามกินไปหลายคำให้หายอยาก
หลิ่วเหมียนถังกะพริบตาปริบๆ มองดูสีหน้าเคร่งเครียดของชุยสิงโจว ก่อนรีบเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อ “เป็นอย่างไรบ้าง สำเร็จหรือไม่”
ไหวหยางอ๋องผงกศีรษะตอบ “ควบคุมสถานการณ์ภายในวังได้แล้ว สุยอ๋องเองก็ถูกจับตัวเรียบร้อย แต่ว่าบรรดาขุนนางเก่าแก่ยังไม่ถูกปล่อยตัวออกจากวัง ไม่ว่าอย่างไรสุยอ๋องกับสกุลกงก็มีผลประโยชน์เชื่อมโยงกัน ตอนนี้พรรคพวกของสุยอ๋องในวังหลวงยังไม่ถูกเก็บกวาด ส่วนไทฮองไทเฮาย่อมมีฝ่าบาทคอย ‘ดูแล’ ชีวิตบั้นปลายของพระนาง ไม่จำเป็นต้องให้ขุนนางอย่างพวกเราเป็นห่วง”
เขาพูดเรื่องพวกนี้จบก็ยังไม่ลืมหัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้ แย่งแป้งทอดครึ่งชิ้นในมือนางพร้อมเอ่ย “แม้วันคลอดที่บอกต่อภายนอกจะโกหก แต่เจ้าก็ใกล้จะคลอดแล้วจริงๆ หากยังกินต่อไป ไม่ต้องรอให้ผู้อื่นวางยา เจ้าก็จะขุนบุตรจนตัวโตเองแล้ว! ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปให้กินผักใบเขียวกับข้าวฟ่างเท่านั้น หากใครกล้าเอาของมันแผล็บให้เจ้ากินอีก ข้าจะหาพ่อค้าทาสมาจับขายทิ้งเสีย!”
เห็นได้ชัดว่าประโยคสุดท้ายพูดให้พวกปี้เฉ่าที่อยู่ด้านนอกห้องฟัง
ปี้เฉ่าอาการตอบสนองฉับไว ได้ยินท่านอ๋องประกาศเด็ดขาดก็ก้มหน้าเดินเข้ามา หยิบกล่องขนมยกออกไปอย่างรวดเร็ว
หลิ่วเหมียนถังเบ้ปาก ช่วงหลังของการตั้งครรภ์ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงกินเก่งมากขึ้นเรื่อยๆ พอได้ยินชุยสิงโจวเอ่ยอย่างเผด็จการเช่นนี้ก็รู้สึกน้อยอกน้อยใจขึ้นมา “ตั้งครรภ์ลำบากเพียงนี้! ไม่ว่าอะไรก็ไม่ให้กิน ไม่ว่าที่ใดก็ไปไม่ได้ ได้ยินว่าตอนคลอดจะเจ็บจนร้องหาบิดามารดา มิสู้วันหน้าท่านหาผู้อื่นคลอดให้เถอะ…”
พูดมาถึงตอนท้ายนางกลับเริ่มสะอึกสะอื้น ชุยสิงโจวเอียงหน้า เห็นนางร้องไห้จริงๆ น้ำเสียงก็โอนอ่อนลงมากทันควัน “ผู้อื่นคลอดไฉนเลยจะให้บุตรที่หล่อเหลาเท่าเจ้าคลอด อีกแค่ไม่กี่วันเอง เจ้าอดทนอีกสักหน่อย ข้าจะเชิญตัวพ่อครัวหลายๆ คนมาเตรียมตัวไว้ที่จวน พอเจ้าอยู่เดือนครบเมื่อไร สามารถกินได้เลยเต็มที่ กินจนหัวโตหูใหญ่ข้าก็ไม่รังเกียจ”
หลิ่วเหมียนถังได้ยินก็เลิกร้องไห้ทันที คลำหาคันฉ่องสำริดบานเล็กออกมาจากข้างกาย ก่อนถามอย่างกังวล “เหตุใดกัน ช่วงนี้ข้าอ้วนขึ้นหรือ”
ชุยสิงโจวหอมแก้มนางเอ่ย “อ้วนสักหน่อยก็ดี เวลาหอมมีรสชาติมากกว่าเดิม!”
ประโยคนี้ของเขาไม่ได้โกหก ถึงแม้หลิ่วเหมียนถังจะเปลี่ยนไปอวบขึ้นเล็กน้อย แต่เวลากอดยิ่งเต็มมือกว่าเดิม ทั้งหอมทั้งนุ่มนิ่ม ดึงดูดใจกว่าแป้งทอดมากนัก!
นางเพียงอดกินไม่กี่คำก็ร้องไห้โวยวาย พูดไปแล้วเขายัง ‘อดกิน’ มากกว่านางมากนัก เคยร้องไห้ร้องขอดื่มนมกับนางหรือไม่
รอนางคลอดบุตรเมื่อไร…ชุยสิงโจวคิดอย่างอดกลั้นไม่ไหว
หลิ่วเหมียนถังเงยหน้าก็มองเห็นสันกรามคมของเขา หลายวันมานี้ตอนกลางคืนชุยสิงโจวพลิกตัวกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ ลุกไปฝึกวิชาท่าคว้าจับน้อยใหญ่ตลอดทั้งคืน หลิ่วเหมียนถังย่อมคาดเดาได้ถึงความกระหายของท่านอ๋อง
ตอนนี้นางอดใจไม่ไหวลูบคางเขาพลางหัวเราะคิกคัก “มีรสชาติทว่ากินไม่ได้ ท่านอ๋องน่าสงสารยิ่งนัก!”
ชุยสิงโจวมองท่าทีซุกซนของนางแล้ว พลันก้มหน้ากินแก้มอ่อนนุ่มไปอีกคำใหญ่ๆ
ความเปลี่ยนแปลงภายในวังที่เกิดขึ้นในค่ำคืนเดียว กำหนดให้เมืองหลวงในวันรุ่งขึ้นจะต้องมีสภาพอกสั่นขวัญแขวนกันไปทั่ว ทว่าภายในเรือนของตรอกเล็กๆ ในค่ำคืนนี้ กลับเป็นค่ำคืนอบอุ่นสงบสุขชั่วคราว