ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 112 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 112

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 112

สองวันภายหลังชวีหลิงจวินจากไป ในที่สุดชายาองค์ชายรองก็กลับจากเยี่ยมไข้บิดา ขณะเดียวกันเรื่องปราบโจรกบฏที่เมืองโซ่วชุนก็เริ่มเดินหน้าอย่างเป็นทางการแล้ว เสบียง อาวุธยุทโธปกรณ์ และกำลังพลล้วนเตรียมพร้อมล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน ทันทีที่ฮ่องเต้มีคำสั่งลงมา ฟันเฟืองแห่งสงครามซึ่งตระเตรียมไว้แต่แรกก็ขับเคลื่อนไปตามลำดับขั้นตอนดุจมีชีวิต

องค์ชายรองชมดูจนดวงตาร้อนผ่าว ยื่นหน้ายื่นตาอยากจะเข้าไปผสมโรงในกองทัพ ทว่าถูกฮ่องเต้ยึดกุมความผิดเล็กๆ หนึ่งข้อแล้วสั่งลงโทษอย่างหนักไปหนึ่งยก วันรุ่งขึ้นชายาองค์ชายรองก็ขออำลาฮองเฮา บอกว่านางกับสามีต้องการไปจากเมืองหลวงชั่วเวลาหนึ่งเพื่อไปร่วมพิธีแต่งงานของชวีหลิงจวินสหายสนิท ฮองเฮาย่อมอนุญาต หลิงปู้อี๋ฟังข่าวนี้จบก็แสดงความเห็นว่าองค์ชายรองแต่งชายาผู้นี้ได้ไม่เลว

เฉิงเซ่าซางเอ่ยทายทันใด “ความหมายของท่านคือ…ชายาองค์ชายรองได้ยินเรื่องของชวีฮูหยินแต่แรกแล้ว ทว่าหลบอยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับเมืองหลวง?”

“นางอวดตนเป็นสหายสนิทของชวีหลิงจวิน ในเมื่อสหายสนิทกระทำผิดอุกฉกรรจ์ฐานฆ่าสามี นางจะไยดีหรือไม่ไยดีเล่า ไม่ไยดี…ไม่แคล้วดูแล้งน้ำใจ ไยดี…นางก็ไม่อาจแน่ใจว่าชวีหลิงจวินฆ่าคนจริงๆ หรือไม่ เพื่อไม่ให้พลอยเดือดร้อนโดยใช่เหตุ นางมิสู้วางตัวอยู่นอกเรื่องราวเสียดีกว่า”

เฉิงเซ่าซางมีสีหน้าผิดหวัง “คนในวังนี่นะ…ไม่มีเรียบง่ายเลยสักคน ชายาองค์ชายรองดูเปิดเผยตรงไปตรงมายิ่ง นึกไม่ถึงว่านางก็มีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้”

หลิงปู้อี๋กล่าว “เอ่ยเฉพาะเล่ห์เหลี่ยม ซุนซื่อหิ้วรองเท้าให้ชายาองค์ชายรองยังไม่คู่ควรด้วยซ้ำ หลายปีมานี้หากไม่ใช่ฮองเฮากับข้าปกป้องหลายหน ไม่รู้จุดอ่อนของซุนซื่อจะถูกชายาองค์ชายรองยึดกุมไปเท่าไร”

“ชายาองค์ชายรองทำเยี่ยงนี้ ฮองเฮาไม่ทรงตำหนิเลยสักครั้ง?”

“ตำหนิอันใดเล่า นางไม่ได้ปรักปรำให้ร้ายเสียหน่อย บริวารของซุนซื่อกระทำไม่ถูกควรจริงๆ ชายาองค์ชายรองเพียงลอบสืบสาว แล้วนำมาเปิดโปงก็เท่านั้น”

เฉิงเซ่าซางถอนหายใจ จากนั้นก็ฉุกคิดได้เรื่องหนึ่ง จึงดึงแขนเสื้อของหลิงปู้อี๋อย่างเคร่งเครียด “ชะ…เช่นนั้นหลายวันก่อน ท่านแอบออกจากค่ายใหญ่ผานชิ่งไปเที่ยวเล่นบนภูเขาถูเกากับข้า กงกงผู้ดูแลคฤหาสน์น้ำพุร้อนต้องทูลฝ่าบาทแล้วแน่ๆ! ตอนนี้ผู้ใหญ่ผู้น้อยในราชสำนักล้วนวุ่นอยู่กับการเตรียมไปศึกโซ่วชุน ท่านเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในทัพใหญ่ปราบกบฏ แต่กลับ…แต่กลับ…เช่นนี้จะทำอย่างไรกันดีเล่า!”

หลิงปู้อี๋คลี่ยิ้มสดใส ลูบไล้ดวงหน้าเล็กของเด็กสาว “เจ้าเพิ่งจะฉุกคิดได้หรือ!” เขาเอ่ยต่อหลังจากถูกนางตีมือออก “เช้าวันนี้ข้าถูกฝ่าบาทตำหนิไปแล้ว”

เฉิงเซ่าซางโล่งใจลูบอก “ฝ่าบาททรงตำหนิท่าน ก็จะไม่มีเรื่องใหญ่โตแล้วล่ะ”

ท่าทีของหลิงปู้อี๋แสนผ่อนคลาย “ศึกหนนี้เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด”

มิผิด ศึกโซ่วชุนเป็นเพียงสมรภูมิขนาดเล็ก ใช้กำลังพลของหนึ่งแคว้นสยบเหตุวุ่นวายในหนึ่งพื้นที่ ไม่ต่างกับใช้ค้อนที่หนักพันชั่งบดขยี้ขนมเปี๊ยะกรอบ เหล่าขุนนางในราชสำนักล้วนรู้ว่าโจรกบฏเผิงเจินจะต้องแหลกเป็นผุยผง ดังนั้น…ต่างคนจึงต่างออกลวดลายให้เห็น

บรรดาแม่ทัพเก่าแก่ขุนนางสำคัญที่เคยติดตามฮ่องเต้บุกตะลุยใต้หล้า หนนี้ล้วนวางตัวดียิ่ง ที่ปฏิเสธก็ปฏิเสธ ที่เสนอชื่อผู้มีความสามารถก็เสนอชื่อผู้มีความสามารถ ต่างไม่มีความประสงค์จะชิงผลงานแย่งอำนาจแม้แต่น้อย ซ้ำพากันบอกว่าพวกตนแก่ชราแล้ว ควรยกโอกาสให้คนหนุ่มได้ทอแสงฉายประกาย

ถ้าเช่นนั้นจะเป็นคนหนุ่มคนใดบ้างเล่า บนใบหน้าเหล่าขุนนางฉาบยิ้มละไม ในใจต่างแจ่มแจ้งดี…ย่อมจะเป็นบุตรหลานรุ่นหลังของแต่ละตระกูลน่ะสิ!

ดังนั้น…หนนี้แม้แต่แม่ทัพใหญ่อู๋ผู้ขึ้นชื่อว่าโผงผางห้าวหาญก็ยังซุกตัวอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกมาบัญชาทัพใหญ่ นี่เป็นเพราะเขารู้ดี หนนี้เรื่องยุ่งยากไม่ใช่รบทัพจับศึก แต่เป็นการควบคุมบรรดาบุตรหลานชนชั้นสูงเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อกลุ่มนี้อย่างไรต่างหาก! ไม่เพียงต้องคุมให้ดีคุมให้เข้ม ภายใต้เงื่อนไขว่าการศึกจะต้องราบรื่น ผู้นำทัพยังต้องให้บุตรหลานชนชั้นสูงกลุ่มนี้มีโอกาสได้เผยหน้าเผยตาสร้างผลงาน พร้อมกันนั้นยิ่งต้องคุมขอบเขตให้พอเหมาะ ชนกระแทกถลอกร้องไห้นั้นไม่เป็นไร มือด้วนเท้ากุดหัวหลุดนั้นไม่ได้

รูปการณ์เยี่ยงนี้ฮ่องเต้รู้แก่ใจดี ทว่าไม่สะดวกใจจะตำหนิ เพราะพระองค์เองก็คือคนแรกที่ทำตัวเช่นนี้

ช่วยไม่ได้นี่ เจ้าบุตรบุญธรรมสู้รบทีไรจะกล้าหาญชาญชัยแบบไม่ถนอมตัวเลยสักนิด คลาดสายตาเพียงแวบเดียว สถานที่อันตรายใดๆ ก็ล้วนกล้าพุ่งเข้าใส่ ก่อนหน้านี้พระองค์ถูกเขย่าขวัญมาหลายหนแล้ว บนใบหน้าผุดรอยย่นเพิ่มมาตั้งหลายเส้น ศึกใหญ่พายุโลหิตที่แท้จริงพระองค์หักใจส่งหลิงปู้อี๋เข้าไปไม่ได้หรอก ศึกเล็กระดับความยากอย่างแค่โซ่วชุนนี้เป็นโอกาสอันดีที่สุด

คาดว่าพี่น้องเก่าแก่กลุ่มนั้นก็มีความคิดเดียวกับพระองค์ พระองค์ย่อมพูดไม่ได้กระมังว่า ‘เราคือมังกรแท้ ทำเช่นนี้ได้ พวกเจ้าคือกุ้งฝอย ฉะนั้นห้ามทำนะ’

ต่อให้เข้าอกเข้าใจผู้อื่นสักเพียงใด อย่างไรเสียพระองค์ก็เป็นปฐมกษัตริย์ที่ตีชิงแผ่นดินมาด้วยสองมือเปล่า รู้ซึ้งถึงเหตุผลที่ว่าการศึกห้ามเลินเล่อ การเตรียมตัวที่พึงกระทำยังคงต้องกระทำ บุตรหลานชนชั้นสูงเหล่านี้ร่วมทัพได้ ทว่าสัดส่วนห้ามเกินสามส่วน ทั้งจะต้องควบคุมอย่างเข้มงวด หลังจากตรึกตรองชั้นแล้วชั้นเล่า ชุยโย่วซึ่งเดิมพระองค์เพียงหมายใจจะส่งไปช่วยหลิงปู้อี๋คุมสถานการณ์จึงถูกเลื่อนขึ้นเป็นจอมทัพไปโดยตรง

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 124

บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบสี่ เพราะเป็นภาคเรียนสุดท้ายนักเรียนปีสี่จะจบการศึกษาในฤดูร้อนของปีนี้ การเรียนการสอนในห้องเรียนแทบจ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี บทที่ 27-1

บทที่ 27-1 หวงปอรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้มานาน แม้จะเทียบไม่ได้กับพวกไป๋ตันหย่งที่ยืนอยู่ข้างกายซ้ายขวาของฮ่องเต้มาตั้งแต...

community.jamsai.com