บทที่ 583
พอได้ยินเจียงหย่วนเฉาเอ่ยถึงเฉียวเจา เจียงซือหร่านขมวดคิ้วทันทีโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงเอ่ยตอบ “ใช่เจ้าค่ะ กวนจวินโหวหมั้นหมายกับคุณหนูสามสกุลหลีเป็นเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงระยะนี้เลยนะเจ้าคะ น่าเสียดายพี่สือซานเพิ่งกลับมาเลยไม่ทันเหตุการณ์ครึกครื้นนี้”
เจียงซือหร่านรู้สึกไม่วายว่าเขามีท่าทีกับหลีซานต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าได้ยินว่าหลีซานหมั้นหมายแล้วจะมีท่าทีเช่นไรนะ
คนสุขุมลุ่มลึกเฉกเจียงหย่วนเฉาย่อมไม่มีทางปล่อยให้แม่นางน้อยผู้หนึ่งจับพิรุธได้ เขาหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนกล่าวยิ้มๆ “ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ”
เจียงซือหร่านระบายลมหายใจเฮือกหนึ่งทันควัน นางแกว่งแขนชายหนุ่มไปมา “พี่สือซาน พวกเรารีบกลับเรือนกลับเถอะ”
“ได้ พวกเรากลับเรือนกัน” เจียงหย่วนเฉาทอดสายตามองเซ่าหมิงยวนที่ห่างไปไกลแล้วแวบหนึ่ง เขาลอบกำมือเป็นหมัดพลางดึงสายตากลับมาเพ่งมองพื้น
พื้นถนนศิลาเขียวกลายสภาพเป็นดินโคลนเฉอะแฉะเพราะหิมะตก น้ำโคลนกระเด็นเปื้อนรองเท้าสีดำพื้นสีขาวเป็นจุดๆ ละม้ายจิตใจของเขาในยามนี้
นางหมั้นหมายแล้ว!
ยามดึกดื่นที่เขาข่มตานอนไม่หลับมาไม่รู้กี่คืนต่อกี่คืน เฝ้าครุ่นคิดวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงถ้อยคำที่นางกล่าวในวันนั้น คาดเดาว่านางอาจจะเป็นใครบางคน แล้วก็ปฏิเสธความคิดเพ้อฝันที่พิสดารพันลึกของตนทั้งที่อยากจะเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ทว่านางกลับหมั้นหมายแล้ว
เจียงหย่วนเฉาพลันรู้สึกคล้ายโพรงอกแตกกะเทาะเป็นรู ลมหนาวหอบปุยหิมะพัดกรูเข้าไปในนั้นทำให้เขาเจ็บร้าวจนอยากงอตัวลง กระนั้นกลางถนนที่มีคนสัญจรไปมา เขาจำต้องเหยียดหลังตรงเดินหน้าต่อไป
ข้าต้องไปพบนางให้ได้!
ต้องไปพบนาง!
“มาแล้วๆ ท่านเขยสามมาแล้ว” บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่นอกจวนวิ่งทะยานเข้าไปรายงาน
ประตูใหญ่ของจวนสกุลหลีเปิดอ้าออกทันที
หลีกวงซูลุกขึ้นยืนคิดจะออกไปต้อนรับ แต่หลีกวงเหวินเอ่ยห้ามไว้ “บุตรเขยมาเยือนเพื่ออวยพรวันตรุษ มีอย่างที่ใดกันเป็นผู้อาวุโสออกไปต้อนรับที่หน้าประตู”
ริมฝีปากของหลีกวงซูสั่นระริก พี่ใหญ่เจอบุญหล่นทับอะไรกันแน่ถึงมีบุตรเขยอย่างนี้ได้!
เซ่าหมิงยวนยังไม่ทันเข้ามาก็มีบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่งวิ่งฉิวเข้ามารายงาน “ฮูหยินผู้เฒ่า ของขวัญที่ท่านเขยสามนำมาวางในลานเรือนไม่พอแล้วขอรับ”
เพิ่งสิ้นเสียงรายงานชายหนุ่มพลันย่างเท้าเข้ามาพร้อมกับผู้ดูแล
วันนี้เขาสวมเสื้อคลุมยาวพอดีตัวสีแดงเข้มกับผ้าคลุมสีดำสนิททับไว้ด้านนอก เรือนกายสูง ขาเพรียวยาว นัยน์ตาดุจดวงดาราส่องแสง เห็นแล้วชวนให้เจริญตาเจริญใจ
องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างรับผ้าคลุมสีดำที่เขาถอดออกแล้วถอยออกไป
เซ่าหมิงยวนแสดงคารวะต่อเหล่าผู้อาวุโสอย่างมีมารยาท
ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเม้มปากอย่างพึงใจ “ท่านเขยรีบนั่งลงเถอะ เจ้าเด็กผู้นี้ แค่มาก็พอแล้ว จะนำของขวัญมาตั้งมากตั้งมายอย่างนี้ไปด้วยเหตุใดกัน”
เซ่าหมิงยวนโน้มกายไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยท่าทางเคารพอ่อนน้อม เขายกยิ้มพลางกล่าวเสียงนุ่ม “เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของหลานเขย ท่านไม่รังเกียจก็ดีแล้วขอรับ”
หลีกวงซูมองดูอยู่ด้านข้าง สายตาของเขาไหววูบหนึ่ง
หลังจากกลับมาหลายวันนี้เขาสบจังหวะไปเยี่ยมเยียนสหายเก่าสืบถามเรื่องต่างๆ มาได้ไม่น้อย ยิ่งได้ฟังเรื่องหมั้นหมายของหลานสาวก็ยิ่งฉงนฉงาย
ครั้นได้เห็นในวันนี้อย่างน้อยก็ยืนยันได้จากท่าทีของกวนจวินโหวแล้วว่าให้ความสำคัญกับการแต่งงานนี้มาก
หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาคงต้องเปลี่ยนท่าทีต่อพี่ใหญ่แล้วสินะ
เซ่าหมิงยวนตวัดหางตาผ่านมือที่เคาะเท้าแขนเก้าอี้เบาๆ ของหลีกวงซูแล้วเหยียดมุมปากขึ้น
เจาเจาไม่ชมชอบท่านอารองที่พาอนุโฉมงามพร้อมบุตรชายวัยเยาว์กลับมาจากหลิ่งหนานผู้นี้ เช่นนั้นเขาก็รู้สึกไม่ชมชอบเหมือนกันเป็นธรรมดา
เมื่อคิดถึงเฉียวเจา ในใจชายหนุ่มก็ชักตื่นเต้นคึกคัก
ไม่รู้ว่าเจาเจาเย็บเสื้อตัวในของข้าเสร็จแล้วหรือยังนะ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านเขยฉลองวันตรุษในเมืองหลวงในรอบหลายปีมานี้กระมัง” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งเอ่ยถาม
“ขอรับ ปีก่อนๆ ล้วนฉลองที่แดนเหนือ ปีนี้ได้ฉลองวันตรุษในจวนตนเองยังคงไม่คุ้นเคยอยู่สักหน่อย”
“ท่านเขยมิได้ฉลองวันตรุษในจวนจิ้งอันโหวหรือ” เหอซื่อกล่าวแทรกขึ้น