บทที่ 590
“อะไรนะ! ท่านอ๋องมีพระประสงค์จะรับตัวคุณหนูใหญ่ของเราเข้าวังอ๋อง?” ฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งฟังคนที่มาจากวังรุ่ยอ๋องจบแล้วงุนงงไปทันใด
เรื่องราวเป็นไปในทิศทางที่เหนือความคาดหมายเกินไป หญิงชราทำหน้าสีตะลึงงัน ในหัวมีเพียงคำว่า ‘เพราะอะไร’ นับไม่ถ้วน
ผู้ดูแลวังอ๋องคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรก เขามีสีหน้ายิ้มละไมขณะรอคำตอบของฮูหยินผู้เฒ่าเติ้ง
“ข้าไม่ตอบตกลง” หลีกวงเหวินสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา
ในเรือนหยาเหอหลีเจี่ยวปราศจากความง่วงงุนใดๆ นางล้างหน้าบ้วนปากอย่างขอไปทีแล้วรุดไปที่เรือนชิงซง
ไม่รู้ว่าหลีซานบอกเรื่องเมื่อคืนนี้กับท่านย่าอย่างไร คงเหยียบย่ำนางให้จมดินเป็นแน่ หากนางไม่รีบไปอธิบาย วันข้างหน้าจะอยู่อย่างยากลำบากมากขึ้น
จิตใจของหลีเจี่ยวหนักอึ้งไปหมด ทว่าขณะที่เดินไปเรือนชิงซง นางก็รับรู้ได้ทีละน้อยว่าไม่ค่อยชอบมาพากลแล้ว
สาวใช้กับหญิงคนงานที่พบเจอระหว่างทางล้วนแอบมองนางอย่างสำรวจตรวจตรา
หรือว่าทุกคนรู้กันหมดแล้วว่าข้าทำเรื่องน่าอายไว้เมื่อราตรีก่อน
เมื่อคิดไปเช่นนี้นางรู้สึกคล้ายหัวใจถูกบีบรัดอย่างรุนแรง ทั้งปวดร้าวทั้งชอกช้ำ
ไฉนท่านย่าปล่อยให้เรื่องน่าอายพรรค์นี้แพร่ออกมานะ หรือเห็นว่านางไร้อนาคตแล้วเลยไม่สนใจไยดีนางโดยสิ้นเชิง
ไม่ใช่ๆ ถึงแม้ตอนนี้ท่านย่าจะมีใจลำเอียงไปทางหลีซาน แต่น่าจะยังรักใคร่เอ็นดูนางอยู่หลายส่วน ไม่มีทางเป็นท่านย่าไปได้
เช่นนั้นก็ต้องเป็นหลีซานแล้ว!
หลีเจี่ยวกัดริมฝีปากสุดแรงพร้อมกับเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ในใจนางชิงชังเฉียวเจาถึงขีดสุด
หลีซานอยากให้นางอับอายสูญสิ้นชื่อเสียง จะเหยียบย่ำนางให้โงศีรษะไม่ขึ้นไปตลอดชาติ ตนเองก็ได้เป็นว่าที่ฮูหยินท่านโหวแล้ว เหตุใดยังจะเป็นปรปักษ์กับนางอีก
“คุณหนู ระวังเจ้าค่ะ…” ซิ่งเอ๋อร์ดึงหลีเจี่ยวไว้ได้ทัน นางถึงไม่ชนเข้ากับสาวใช้ที่เดินสวนมาข้างหน้า
หลีเจี่ยวดึงสติคืนมาฝืนส่งยิ้มให้สาวใช้เพื่อแสดงความใจกว้างแล้วออกเดินต่อไป
ใครจะรู้ว่าสาวใช้ผู้นั้นจะกล่าวแสดงความยินดีอย่างเหนือคาด “ข้าขอแสดงความยินดีกับคุณหนูใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ”
หลีเจี่ยวหยุดฝีเท้า ขมวดคิ้วมองสาวใช้ที่มีรอยยิ้มระบายเต็มหน้า “ยินดีเรื่องอะไรหรือ”
ไม่ว่านางจะมีสถานะใดในจวน สาวใช้ผู้หนึ่งต้องไม่กล้าพูดจาสัพยอกนาง แต่ตอนนี้นางมีเรื่องน่ายินดีอะไรที่ใดกัน
สาวใช้เห็นนางถามด้วยสีหน้าจริงจังก็หัวเราะ “คุณหนูใหญ่ยังไม่รู้กระมังว่าวังรุ่ยอ๋องส่งคนมาบอกว่ารุ่ยอ๋องต้องพระทัยท่าน ตอนนี้กำลังพูดคุยหารือกับฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านใหญ่อยู่เจ้าค่ะ…”
“เป็นความจริง?” หลีเจี่ยวเบิกตากว้างกะทันหันพลางโพล่งถามออกมา
สาวใช้ยิ้มกว้างขึ้น “ข้าจะกล้าหลอกคุณหนูเล่นได้อย่างไรกันเจ้าคะ วังอ๋องส่งคนมาไม่น้อย ของขวัญที่หาบมาวางกองอยู่เต็มลานเรือนเลย โอ๊ย ข้าน่ะดูจากหน้าตาคุณหนูใหญ่บ่งบอกว่าเป็นผู้มีบารมีสูงแต่แรก ตอนนี้ถึงรู้ว่าแม่นยำอย่างนี้นี่เอง”
หลีเจี่ยวหมดแก่ใจจะพูดอะไรมากอีก รีบยกชายกระโปรงเดินไปที่เรือนชิงซงอย่างเร่งร้อน ในอกพลุ่งพล่านราวกับคลื่นถั่งโถม
รุ่ยอ๋องถูกตาต้องใจนาง? เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ผุดขึ้นในห้วงความคิดของนาง
ริมทะเลสาบปี้ปอประดับด้วยแสงโคมไฟสว่างไสวดุจกลางวัน นางคว้าสายรัดเอวหยกขาวแฝงไออุ่นกายน้อยๆ ไว้ด้วยความแตกตื่นลนลานตอนตกลงไปในทะเลสาบ ก่อให้เกิดคลื่นน้ำซัดโคมดอกบัวมาหานาง ก่อนภาพเบื้องหน้าสายตาจะดับวูบลง ใบหน้าผอมเรียวฉายแววตื่นตะลึงของรุ่ยอ๋องสะท้อนเข้าคลองจักษุ
รุ่ยอ๋องถูกตาต้องใจนางดูเหมือนมิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
เทศกาลหยวนเซียวนับเป็นวันมงคลสำหรับการหาคู่ของชายหนุ่มหญิงสาวชาวเมืองหลวงมาแต่เดิม รุ่ยอ๋องออกมาเดินเที่ยวงานโคมไฟในวันนี้ บางทีอาจคาดหวังว่าจะได้พานพบสตรีโฉมงามสักคนก็เป็นได้
ฝีเท้าของหลีเจี่ยวคล่องแคล่วฉับไวขึ้น ทว่าตอนวิ่งไปถึงหน้าประตูเรือนชิงซงแล้วได้ยินเสียงหลีกวงเหวินกล่าวว่า ‘ข้าไม่ตอบตกลง’ นางก็อดหน้ามืดไปวูบหนึ่งไม่ได้
“คุณหนู…” ซิ่งเอ๋อร์เรียกขานอย่างกังวลใจ
หลีเจี่ยวยกมือห้ามนางพูด
ส่วนสาวใช้ของเรือนชิงซงเห็นนางมาถึงก็มิได้ส่งเสียงรายงานเพราะคนของวังรุ่ยอ๋องกำลังพูดคุยหารือกับฮูหยินผู้เฒ่าเติ้งอยู่ในโถง
หลีเจี่ยวยืนหอบหายใจน้อยๆ อยู่หน้าประตู ได้ยินเสียงพูดของบิดาดังลอยออกมา
“รีบๆ กลับไปเสีย บุตรสาวข้าไม่เป็นอนุของใคร”
นางฟังแล้วเข่าอ่อนไปหมด ไม่เป็นอนุของใครหรือ บิดาของนางเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่ นั่นเป็นถึงรุ่ยอ๋องนะ!