บทที่ 593
ความรู้สึกที่ตู้เฟยเสวี่ยมีต่อจูเยี่ยนเห็นได้อย่างโจ่งแจ้งเหลือเกิน หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวปลอบหลานสาวให้สงบลงได้แล้ว นางเรียกให้ไท่หนิงโหวกับเวินซื่อรั้งอยู่ต่อโดยเฉพาะ
“เจ้ากล่าวไม่ผิด เยี่ยนเอ๋อร์อายุอานามไม่น้อยแล้วจริงๆ เรื่องแต่งงานจะชักช้าไม่ได้อีก ไม่รู้ว่าในใจเจ้าหมายตาสตรีชาติตระกูลดีที่ถึงวัยออกเรือนแล้วของเมืองหลวงคนใดไว้หรือไม่”
ถึงแม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะรักเอ็นดูหลานสาวต่างสกุล แต่รู้ซึ้งดีว่านิสัยของหลานสาวผู้นี้เป็นฮูหยินของซื่อจื่อไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังต้องไว้ทุกข์ให้มารดาอีกสามปี
หลานชายของนางคงรอไม่ไหวแล้ว หากไม่รีบเร่งกำหนดเรื่องการแต่งงานของหลานชายอีก หลานสาวผู้นี้ก่อเรื่องอะไรขึ้นในระหว่างไว้ทุกข์ก็จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้
“หลายปีมานี้ข้าคอยสังเกตอยู่ เห็นว่าคุณหนูซูของจวนเสนาบดีกรมพิธีการเหมาะสมดีเจ้าค่ะ”
“แม่เด็กน้อยสกุลซู?” ฮูหยินผู้เฒ่าเลิกคิ้วขึ้น ในหัวจดจำได้คลับคล้ายคลับคลาแล้ว “ใช่คนที่สนิทสนมกับเหยียนเอ๋อร์หรือไม่”
เวินซื่ออมยิ้มพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ”
“แม่เด็กน้อยสกุลซูเหมาะสมจริงๆ สายตาเจ้าไม่เลวเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอย่างพอใจแล้วทำน้ำเสียงเปลี่ยนไป “แต่เสนาบดีซูจวนจะได้เข้าสู่สภาขุนนางรอมร่อ เกรงว่าคงมีแม่สื่อไปทาบทามสู่ขอที่สกุลซูจนหัวกระไดไม่แห้ง เจ้าต้องเร่งมือหน่อยนะ”
“ฮูหยินผู้เฒ่าสบายได้ พอผ่านเดือนหนึ่งไปข้าจะไหว้วานคนไปเลียบๆ เคียงๆ ถามทางจวนเสนาบดีดูเจ้าค่ะ”
หญิงชราพยักหน้าเนิบๆ
ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงวันเกิดของเฉียวเจา
ในจวนท่านผู้บัญชาการเจียง เจียงซือหร่านกำลังบันดาลโทสะใส่บิดา
“ข้าไม่สนิทกับหลีซานสักหน่อย นางจะจัดงานฉลองวันเกิด เหตุใดต้องให้ข้าไปอวยพรนางด้วย”
“หร่านราน อย่าดื้อสิ ก่อนหน้านี้คุณหนูหลีเคยช่วยเหลือพ่อ เจ้าก็ถือเสียว่าไปขอบคุณแทนพ่อ” ยามเผชิญหน้ากับบุตรสาวที่เดือดดาลอยู่ เจียงถังไม่หลงเหลือความน่ายำเกรงของผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินให้เห็นแม้สักเศษเสี้ยว
ตั้งแต่กินยาแก้พิษโอสถทิพย์ที่คุณหนูหลีปรุงขึ้น เขารู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากอย่างชัดเจน อาการนอนไม่หลับ เป็นตะคริว และผมร่วงเหล่านั้นก็ไม่มีแล้ว
ทว่าเขาเป็นถึงผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลิน ส่วนคุณหนูหลีเป็นเด็กสาวที่หมั้นหมายกับกวนจวินโหว เขากับนางจะพบปะกันบ่อยๆ เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรอย่างเห็นได้ชัด แต่ให้บุตรสาวออกหน้าแทนจะสะดวกกว่ามาก
น่าเสียดายว่าสิ่งที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้เจียงถังคือบุตรสาวของเขากับคุณหนูหลีดูเหมือนจะไม่ถูกโฉลกกันมาแต่เกิด นอกจากจะเข้ากันไม่ได้ ยังเกิดเรื่องบาดหมางกันไม่น้อย
“ท่านพ่อโกหก นางไม่ได้มีสามเศียรหกกร จะช่วยอะไรท่านได้” เจียงซือหร่านกัดริมฝีปากแค่นเสียงเยาะ “ข้ายังนึกว่าท่านพ่อกลับเป็นปกติแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่ายังโดนหลีซานวางยาเสน่ห์ใส่จนไม่มีสติ!”
เจียงถังชักมีน้ำโหบ้างแล้ว “เจ้าลูกผู้นี้ พูดจาเหลวไหลอะไรกัน”
เขาอายุปูนนี้แล้ว นับแต่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากล่วงลับไปก็ปราศจากความคิดจะแต่งงานใหม่ ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงดูฟูมฟักบุตรสาวจนเติบใหญ่ บัดนี้โดนนางว่ากล่าวอย่างนี้ย่อมจะโกรธเคืองแกมกระอักกระอ่วนเหลือหลาย
“ท่านพ่อดุข้า!” เจียงซือหร่านกระทืบเท้า น้ำตาไหลพรากลงมาทันใด “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไป ท่านเต็มอกเต็มใจนักก็ไปเองสิ!”
พอเห็นเจียงซือหร่านหันหลังจะออกวิ่งไป เจียงถังรีบถามขึ้น “หร่านราน เจ้าจะไปที่ใด”
นางไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง “ข้าจะเข้าวังไปหาเจินเจิน!”
เจียงถังเห็นบุตรสาววิ่งไปไกลแล้ว จึงถอนใจอย่างหมดปัญญา “เจ้าลูกผู้นี้…”
จวนผู้บัญชาการมีอาณาบริเวณกว้างขวาง เจียงซือหร่านกำลังมีไฟโทสะสุมอก นางวิ่งสุดฝีเท้าราวกับพายุบุแคมจนหวุดหวิดจะชนเข้ากับคนผู้หนึ่งตอนลอดผ่านซุ้มประตูวงเดือน
“ระวังหน่อย…” คนที่สวนมายื่นมือพยุงนางไว้
เจียงซือหร่านเห็นคนผู้นั้นถนัดตาก็ขมวดคิ้ว “พี่ห้า ท่านมาได้อย่างไร”
ท่านพ่อส่งตัวเจียงอู่ไปไกลถึงจยาเฟิงแล้วมิใช่หรือ ไฉนเขายังกลับมาเมืองหลวงเร็วกว่าพี่สือซานนะ อีกทั้งที่น่ารำคาญคือหลังจากเขากลับมาแล้วไม่ว่าฝนตกแดดออกก็ต้องมารายงานตัวที่เรือนนางไม่เคยขาด หรือยังคิดจะเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย
“ข้ามาหารืองานกับท่านพ่อบุญธรรม นี่หร่านรานจะไปที่ใดหรือ” เจียงอู่นั้นหล่อเหลาไม่แพ้เจียงสืออีและเจียงหย่วนเฉา จนใจที่เขามีจมูกคล้ายจะงอยปากเหยี่ยว ทำให้ดูเป็นคนเหี้ยมเกรียมอำมหิต แม้ว่ายามนี้ได้พบกับเจียงซือหร่าน มุมปากเขาจะประดับรอยยิ้มไว้ แต่ยังคงทำให้แม่นางน้อยเห็นแล้วไม่ชมชอบ
“ข้าจะไปที่ใดยังต้องรายงานพี่ห้าด้วยหรือ”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้…”
เจียงอู่ยังกล่าวไม่จบความ นางก็ผลักเขาออกแล้ววิ่งจากไป
ดวงตาที่จับจ้องมองตามแผ่นหลังนางของเจียงอู่ทอประกายวูบหนึ่ง ก่อนเขาจะหมุนกายเดินไปทางด้านใน