เจียงซือหร่านเข้าวังได้พบกับองค์หญิงเจินเจินแล้วยังคงหัวเสีย นางพูดบ่นตลอดทาง “เจินเจิน เจ้าว่าท่านพ่อโดนคุณไสยใช่หรือไม่ ไฉนถึงให้ความสำคัญกับหลีซานนักนะ”
องค์หญิงเจินเจินเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ มาตรว่าขณะนี้จะเป็นเดือนหนึ่ง ในพระราชอุทยานกลับมีดอกไม้บานสะพรั่งไม่น้อย กระนั้นมวลบุปผาที่แข่งกันเบ่งบานอย่างสวยสดงดงามยังต้องหมดสีสันไปเมื่อเทียบกับความงามเฉิดฉายของนาง
“บางทีอาจเป็นเพราะคุณหนูหลีซานเคยช่วยเหลือท่านผู้บัญชาการใหญ่จริงๆ ก็ได้นะ” องค์หญิงเจินเจินลูบแก้มที่เนียนนุ่มทีหนึ่งโดยไม่รู้สึกตัว
ในเมื่อคุณหนูหลีซานสามารถทำให้รูปโฉมของนางกลับมาเป็นดังเดิม เช่นนั้นจะมีเรื่องที่ช่วยเหลือผู้บัญชาการกององครักษ์จินหลินได้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เจียงซือหร่านหยุดยืนหน้าพุ่มไม้กอหนึ่งด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจินเจิน ไฉนกระทั่งเจ้าก็ยังช่วยพูดแทนหลีซาน ข้ารู้แล้ว เพราะนางรักษาใบหน้าของเจ้าให้หายดี เจ้ารู้สึกซาบซึ้งใจเลยรู้สึกสนิทชิดเชื้อกับนางมากกว่าข้าใช่หรือไม่”
องค์หญิงเจินเจินไม่รู้จะหัวร่อหรือร่ำไห้ดี “ไม่ใช่นะ ข้าเพียงคาดคะเนตามเหตุและผลเท่านั้น”
เจียงซือหร่านเบะปาก “เอาเป็นว่าหากเจ้าผูกมิตรกับนาง ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว ตอนงานฉลองวันตรุษ ท่านพ่อข้าดื่มสุราไปมาก ข้าน่ะได้ยินจากปากท่านพ่อเองว่าตอนแรกเมื่อปีกลายฮ่องเต้มีพระประสงค์จะรับกวนจวินโหวเป็นราชบุตรเขย ถ้าไม่ใช่ให้เจ้าก็เป็นองค์หญิงแปด เช่นนี้หลีซานแย่งพระสวามีของเจ้าไปชัดๆ”
“หร่านรานอย่าพูดจาส่งเดช” องค์หญิงเจินเจินหน้าเปลี่ยนสีทันควัน
ตรงนี้เป็นกลางพระราชอุทยาน ถูกใครได้ยินเข้า นอกจากอับอายขายหน้าแล้วยังมีผลดีอะไร
เรื่องที่เสด็จพ่อทรงเรียกนางกับพี่หญิงแปดเข้าเฝ้านั้น ในเมื่อมิได้พูดอย่างชัดเจนก็ถือว่าผ่านไปแล้ว มีเพียงคนที่ปากไม่มีหูรูดอย่างเจียงซือหร่านถึงได้ยกขึ้นมาพูดจาส่งเดชในตอนที่กวนจวินโหวหมั้นหมายแล้ว
“ข้าพูดจาส่งเดชที่ใดกัน” ตอนเจียงซือหร่านออกจากเรือนก็คับแค้นใจอยู่ก่อน ครั้นเห็นสหายรักไม่ยืนอยู่ข้างเดียวกับตนอีก นางยิ่งขุ่นเคืองใจมากขึ้นทันใด กระทืบเท้าพลางกล่าว “ช่างเถอะ ถือว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่องเอง ข้าจะกลับล่ะ”
“หร่านราน…”
ยามเจียงซือหร่านอารมณ์เสียใครก็รั้งไว้ไม่อยู่ สุดท้ายองค์หญิงเจินเจินได้แต่ถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วกลับตำหนักไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ภายในพระราชอุทยานเงียบสงบลง องค์หญิงแปดซึ่งยืนอยู่หลังพุ่มไม้ก้าวออกมาช้าๆ บนหลังฝ่ามือขาวผ่องเห็นเส้นเลือดปูดโปน ปลายเล็บนิ้วที่ตัดแต่งอย่างประณีตฉีกขาดไปสองนิ้ว
เสียทีที่นางรู้สึกซาบซึ้งใจที่หลีซานส่งยาขี้ผึ้งมาให้ทาลบรอยแผลเป็นบนหน้าผาก ที่แท้…ที่แท้คู่ครองที่นางเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อถูกหลีซานยื้อแย่งเอาไปเช่นนี้เอง! ช่างน่าหัวร่อที่นางถึงขั้นวาดหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้รับพระราชโองการพระราชทานสมรส
และที่น่าสิ้นหวังก็คือหากไม่ได้ยินคุณหนูเจียงเอ่ยขึ้นมาในวันนี้โดยบังเอิญ นางไม่มีวันล่วงรู้ว่าเสด็จพ่อเคยตั้งพระทัยจะให้นางอภิเษกกับกวนจวินโหว
“กวนจวินโหว…” องค์หญิงแปดพูดทวนพึมพำสามคำนี้ ตรงกลางอกนางเศร้าหมองวังเวงใจมากขึ้น
ถึงตัวนางอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในของวังหลวงก็ยังเคยได้ยินถึงความเก่งกาจและบารมีของกวนจวินโหว ภายภาคหน้าคงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะได้พบกับราชบุตรเขยที่ดีเด่นยิ่งกว่าเขาอีกแล้ว!
องค์หญิงแปดลูบหน้าผากที่เนียนเกลี้ยง เพราะไม่มีแผลเป็นแล้วจึงไม่ต้องไว้ผมม้าปกปิดอีก แต่ความรู้สึกที่ดีๆ ต่อเฉียวเจากลับสลายหายวับไปจนสิ้นในชั่วขณะนี้