ท่านผู้บัญชาการใหญ่สูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รัก ส่งผลให้เขาโศกเศร้าเสียใจจนเกินไปถึงขั้นไม่ยอมรับว่านางตายไปแล้วใช่หรือไม่ นี่คือจะอุ้มคุณหนูเจียงไปรักษาที่สำนักแพทย์หลวงหรือ
หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งราชสำนัก โดยเฉพาะคนของกองตรวจสอบพิเศษหน่วยขวา จะยกข้ออ้างว่าท่านผู้บัญชาการใหญ่สติเลอะเลือนเพื่อฉวยโอกาสยึดอำนาจไปหรือไม่
แต่ว่าในเวลาอย่างนี้พวกองครักษ์จินหลินไม่กล้าแม้แต่หายใจเสียงดังต่อหน้าเจียงถัง นับประสาอะไรกับออกปากห้ามปราม จึงทำได้เพียงมองเจียงหย่วนเฉาอย่างคาดหวัง
เจียงหย่วนเฉายืนขวางหน้าเจียงถัง “ท่านพ่อบุญธรรม พวกเรากลับเรือนเถอะ หร่านรานเป็นอย่างนี้ ต้องหาคนมาช่วยแต่งตัวนางให้เรียบร้อย ท่านเห็นว่าอย่างไรขอรับ”
เจียงถังกลอกตาไปมา แววตาถึงเริ่มรับรู้สิ่งรอบข้างในที่สุด “กลับเรือน?”
“ใช่ขอรับ อากาศหนาวถึงเพียงนี้ พวกเราพาหร่านรานกลับเรือนเถอะ”
เจียงถังเดือดดาลอย่างหนักก่อนจะยื่นมือไปตบหน้าเขา “กลับเรือนอะไรกัน! หร่านรานล้มป่วยแล้ว ยังต้องขอให้หมอหลวงรักษาให้นะ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเชิญหมอหลวงมาได้นะขอรับ” แก้มข้างหนึ่งของเจียงหย่วนเฉาบวมเจ่อทันทีเพราะโดนเจียงถังตบหน้าสุดแรง มุมปากมีคราบเลือดติดอยู่ แต่เขาไม่แม้แต่จะเช็ด ยังพูดเกลี้ยกล่อมเสียงนุ่มต่อ
“ท่านพ่อบุญธรรม เชิญหมอหลวงมาที่จวนจะสะดวกกว่ามิใช่หรือขอรับ” เจียงอู่ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
เจียงสืออีเป็นคนไม่ช่างพูดมาตั้งแต่เกิด ชั่วขณะนี้เขาหลุบตาลงคิดอะไรอยู่ก็สุดรู้
“ไม่ได้ หมอหลวงคนเดียวจะพอได้อย่างไร พวกเจ้าไสหัวไปให้หมด!” เจียงถังตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เขาอุ้มศพของเจียงซือหร่านสาวเท้าเดินเร็วขึ้น
แขนข้างหนึ่งของเจียงซือหร่านห้อยตกลงแกว่งไปแกว่งมาตามจังหวะการเดินของเจียงถัง
เจียงหย่วนเฉาเบนสายตาออกแล้วตามไปเงียบๆ
เพลานี้พวกหมอหลวงออกจากที่ว่าการแล้ว เหลือเพียงคนที่อยู่เฝ้าเวรไม่กี่คนกำลังนั่งล้อมวงดื่มชาพูดคุยสัพเพเหระกัน พอเห็นองครักษ์จินหลินบุกเข้ามาทั้งโขยงก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เจียงถังวางตัวบุตรสาวลงแล้วขยุ้มคอเสื้อของหมอหลวงผู้หนึ่ง “หัวหน้าแพทย์หลวงอยู่ที่ใด?”
“ท่านผู้บัญชาการเจียง?” หมอหลวงงงงันไป “ก่อนใกล้หมดเวลาราชการทางวังหลวงนำความมาบอกว่าไทเฮาไม่ค่อยสบายพระวรกาย หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่จึงเข้าวังไปแล้ว”
“สืออี เจ้าไปเฝ้าอยู่ที่นอกประตูวัง พอหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่ออกมาก็พาเขามาที่นี่” เจียงถังออกคำสั่งทันที
ทั้งที่คำพูดและการกระทำของเจียงถังในเวลานี้เหลวไหลอย่างมาก เจียงสืออีกลับออกไปปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เจียงถังลากตัวหมอหลวงมาตรงหน้าศพของเจียงซือหร่าน “พวกเจ้าดูอาการให้บุตรสาวข้าก่อน”
พวกหมอหลวงมองแวบเดียวก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ยืนทื่ออยู่ด้วยเหตุใด! รีบรักษาบุตรสาวข้าสิ” เจียงถังแผดเสียงดังลั่น
หมอหลวงผู้นั้นกล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด “ท่านผู้บัญชาการใหญ่ บุตร…บุตรสาวของท่านจากไปแล้ว…อ่า…”
เสียงสุดท้ายของหมอหลวงที่เอ่ยปากขึ้นกลายเป็นเสียงร้องโหยหวน เจียงถังบีบคอเขาแน่นๆ แล้วออกแรงบีบมากขึ้นทุกทีๆ
“ท่านพ่อบุญธรรม ใจเย็นสักนิด…”
เจียงถังมองเจียงหย่วนเฉาด้วยสายตาปึ่งชา จากนั้นบีบมือแรงขึ้นก็ได้ยินเสียงดังเปาะ หมอหลวงเคราะห์ร้ายผู้นั้นก็คอหักไปแล้ว ศีรษะของเขาห้อยตกลง ไม่อาจเปล่งเสียงพูดได้อีกต่อไป
หมอหลวงคนอื่นๆ ตกใจจนปัสสาวะรดกางเกงไปแล้ว
หมู่องครักษ์จินหลินยิ่งเงียบเชียบมากขึ้น
ไม่ว่าขุนนางตำแหน่งสูงเพียงใด พวกเขาเคยเล่นงานมาแล้วทั้งนั้น อีกทั้งเคยประสบพบเจอเหตุการณ์ต่างๆ มานับไม่ถ้วน ทว่าบุกเข้าสำนักแพทย์หลวงแล้วบีบคอหมอหลวงที่ไร้ความผิดผู้หนึ่งตายกลับเป็นคราครั้งแรก
“ดูอาการให้บุตรสาวข้า!” เจียงถังมองไปทางหมอหลวงที่เหลืออยู่
หนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าเจียงซือหร่านตายแล้วอีก พวกเขาล้อมรอบศพของนางฝืนข่มความหวาดกลัวแสร้งทำท่าตรวจอาการ
“ท่านพ่อบุญธรรม หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่มาแล้วขอรับ” เจียงสืออีพาหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่เดินเข้ามา
หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่กลับมิได้ต่อว่าต่อขานอะไร ถึงอย่างไรเจียงถังมีความสำคัญในใจฮ่องเต้มิใช่สามัญ หมอหลวงเล็กๆ อย่างพวกเขาล่วงเกินไม่ได้
พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจียงถัง หัวหน้าแพทย์หลวงหลี่พูดปลอบยิ้มๆ “ท่านผู้บัญชาการใหญ่อย่าได้ร้อนใจ ข้าขอดูอาการของบุตรสาวท่านก่อนค่อยว่ากัน”
เขามองปราดเดียวก็เห็นเจียงซือหร่านนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว รอยยิ้มบนใบหน้านิ่งค้างไปฉับพลัน เขาสูดลมหายใจดังเฮือกก่อนเอ่ยขึ้น “บุตรสาวของท่านตายแล้ว”
คำว่า ‘ตาย’ ยั่วโทสะของเจียงถังทันควัน
พอเห็นหัวหน้าแพทย์หลวงหลี่โดนเจียงถังบีบคอแบบเดียวกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทุกประการ พวกหมอหลวงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทรุดฮวบลงกองกับพื้นไปตามๆ กัน
เจียงหย่วนเฉาตัดสินใจสับสันมือใส่บิดาบุญธรรมจากทางด้านหลังอย่างฉับไวเด็ดขาด เจียงถังก็ตาเหลือกหมดสติไป
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ต.ค. 65 เวลา 12.00 น.