“พวกนั้นถึงไหนแล้ว” ‘มาร์ค โบนส์’ ซีอีโอของค่ายเพลง IN หันไปถามเลขาฯ ชายวัยกลางคนของเขาที่นั่งอยู่ทางขวามืออย่างหงุดหงิด
‘พวกนั้น’ ที่มาร์คหมายถึงก็คือพวกสตาร์ส แทรป บอยแบนด์บ่อเงินบ่อทองของค่ายเพลงนั่นเอง เขานัดพวกนั้นมาฟังการประชุมครั้งนี้ด้วย เนื่องจากต้องการให้สมาชิกทั้งหมดมารับฟังการตัดสินบทลงโทษของเอ็มมานูเอลซึ่งจะมีผลกระทบต่อกิจกรรมและตารางงานทั้งหมดของวง
“รถตู้เข้ามาในบริษัทแล้วล่ะครับ”
ไม่ทันที่มาร์คจะตอบอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เนื่องจากห้องทุกห้องในตึกนี้ถูกสร้างและออกแบบให้เป็นห้องกระจกทั้งสี่ด้านอยู่แล้ว เลยทำให้สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้จากทั้งข้างนอกและข้างใน และสมาชิกทั้งสี่ของสตาร์ส แทรปก็มาถึงด้านหน้าห้องประชุมเล็กแล้ว
ซึ่งไอ้ตัวปัญหาที่ยืนรั้งท้ายก็มาประชุมในสภาพที่โทรมสุดขีดตามคาด
ธีโอ ฟรานซิส แบรดลีย์ และเอ็มมานูเอลเดินเข้ามาและจับจองที่นั่งอีกฝั่งของโต๊ะประชุมตัวยาวที่ยังว่างอยู่ทั้งแถบอย่างรวดเร็ว
“ไงโคลม สภาพอย่างกับซอมบี้เลยนะ” มาร์คทักปนเหน็บแนมชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผู้มีผมยาวรุงรังสีดำหยักศกเป็นลอนที่ดูเปียกและมันเพราะไม่ได้สระมาหลายวันเป็นคนแรก
เอ็มมานูเอลเหลือบตามอง ‘บอส’ หรือก็คือคนที่ปลุกปั้นเขาและเพื่อนๆ มาจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้อย่างเฉื่อยชา ดวงตาคมสีน้ำตาลช็อกโกแลตดูโทรมและแดงช้ำ เบ้าตาก็ดำคล้ำไม่ต่างจากหมีแพนด้า ทั้งยังลึกโหลนิดๆ จากการอดนอนเพราะปาร์ตี้และสูบบุหรี่จัด
“เข้าใจไหมว่าวันนี้ฉันเรียกพวกนายมาทำไม” มาร์คทำเป็นไม่สนใจสายตาประหนึ่งฆาตกรโรคจิตของเอ็มมานูเอลแล้วเริ่มพูดเรื่องที่นัดกันมาคุยในวันนี้ทันที
“เรื่องที่เอ็มไปก่อเอาไว้ครับ” ‘ธีโอ พาร์สัน’ ที่เปรียบเสมือนหัวหน้าวงตอบ
“หึ…เดี๋ยวนะ” เอ็มมานูเอลแทรกขึ้นมาด้วยเสียงเนิบนาบกวนประสาท “ก่อเรื่อง? ฉันก่อเรื่องอะไร ไอ้พวกเด็กเวรนั่นต่างหากที่ก่อเรื่อง ฉันไม่มีเอี่ยวด้วย ผลตรวจฉี่ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าฉันไม่ได้เล่นยากับพวกมัน”
“ฉันกับบอร์ดบริหารปรึกษากันแล้วเรื่องบทลงโทษ ฉันจะให้เอ็มมานูเอลพักงานเจ็ดเดือน พวกนายที่เหลือยังทำงานต่อไปได้ ฉันไม่มีปัญหาเรื่องนั้น” มาร์คชี้แจงอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ไม่ได้สนใจว่าหนุ่มลูกเสี้ยวจะว่ายังไง
แต่ลึกๆ มาร์คก็ต้องยอมรับว่าไอ้ตัวปัญหานี่ยังมีดีอยู่บ้าง ถึงมันจะขยันฉาวแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีความคิดที่จะเล่นยาแบบที่คนอื่นๆ ทำกัน ทว่าอย่างไรเสียครั้งนี้เขาจะปล่อยปัญหาไปตามเรื่องเหมือนทุกครั้งไม่ได้
“เจ็ดเดือนเหรอครับ?” ‘ฟรานซิส รอย’ ผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์และอายุน้อยที่สุดถามพลางหันไปมองเพื่อนร่วมวงที่ต้องรับบทลงโทษนี้อย่างเป็นห่วง
เจ็ดเดือนไม่ใช่เวลาน้อยๆ เลย
“เจ็ดเดือนไม่นานขนาดนั้นหรอกฟราน” ‘แบรดลีย์ บริงตัน’ ว่าก่อนจะหันไปหามาร์ค “แต่แฟนคลับคงไม่ชอบนักถ้าเราสามคนยังทำงานต่อขณะที่เอ็มถูกพักงานแบบนี้”
“พวกนายก็คิดหาคำตอบโลกสวยที่แสดงถึงมิตรภาพของพวกนายไปสิ วัยรุ่นน่ะลืมง่ายจะตาย” มาร์คว่าอย่างไม่อินังขังขอบใดๆ
“เหอะ…”
มาร์คตวัดตาไปทางเอ็มมานูเอล “อย่ามาทำเสียงแบบนั้นนะโคลม! นี่ถือเป็นบทลงโทษที่นายสมควรจะได้รับมาตั้งนานแล้ว!”
ชายหนุ่มหน้าโทรมยิ้มหยันพลางหัวเราะในลำคอ “เพราะกลัวโดนนักข่าวประณามมากกว่าล่ะมั้ง เพิ่งจะอยากสร้างภาพหรือไง เมื่อก่อนเห็นเห็นแก่เงินลูกเดียว”
“เอ็ม!” ธีโอปรามเพื่อนเสียงเข้ม
“เอาเป็นว่าตามนี้แล้วกัน ฉันเองก็มีงานเยอะแยะต้องทำ ไม่อยากมานั่งเสียเวลากับปัญหาเดิมๆ ซ้ำซาก” ผู้ที่มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดกล่าวตัดจบห้วนๆ แล้วตั้งใจจะเดินออกไปจากห้องประชุมให้เร็วที่สุดถ้าหากเสียงแหบพร่าของตัวต้นเรื่องจะไม่ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“เออ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“หมายความว่าไง” มาร์คหยุดเดินพร้อมกับย้อนถามด้วยสีหน้าไม่วางใจ ด้วยเพราะน้ำเสียงกวนประสาทแบบนั้นพร้อมกับหน้าตาอ้อนหมัดอ้อนเท้าของเอ็มมานูเอลนั้นทำให้หนุ่มใหญ่รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ แต่เอ็มมานูเอลไม่คิดจะตอบคำถามนั้น สิ่งที่ประธานค่ายเพลงได้รับกลับมามีแค่รอยยิ้มเนือยๆ อย่างไม่อินังขังขอบใดๆ ทั้งสิ้น