เครื่องบินแลนดิ้งที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่อย่างปลอดภัย ฝนยังคงโปรยปรายอยู่ และเพราะไม่มีสะพานเทียบเครื่องบินทอดเชื่อมระหว่างเครื่องบินกับอาคารผู้โดยสาร ดังนั้นแม้ฝนไม่หนาเม็ดแต่ก็ทำให้ผู้โดยสารทุกคนต่างรีบเดินเข้าอาคารรวมถึงผู้ชายใจดีที่นั่งข้างฟองจันทร์ด้วย เขาเดินเร็วมาก เธอเห็นเขาสาวเท้ายาวๆ แป๊บเดียวก็หายไปจากสายตาแล้ว
ครั้นเข้าไปในอาคารก็เจอสายพานลำเลียงกระเป๋า ร่างเล็กในชุดเสื้อผ้าฝ้ายกระโปรงยาวสไตล์โบฮีเมียนหยุดยืนรอกระเป๋าเดินทาง เธอไม่เห็นชายหนุ่มคนนั้นแล้ว บางทีเขาอาจจะไม่มีสัมภาระมากมาย ส่วนใหญ่ถ้าเดินทางแค่คืนสองคืนก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระเป๋าเดินทางแบบต้องโหลดใต้เครื่อง แต่สำหรับครั้งนี้เธอมีกระเป๋าเดินทางเพราะคิดว่าน่าจะมาอยู่นาน ดังนั้นเลยคิดว่าขนของมาเผื่อไว้ก่อนไม่เสียหาย
กระเป๋าเดินทางของเธอเคลื่อนมาตามสายพานอย่างรวดเร็ว แต่แค่เธอเอื้อมไปหยิบมันมาตั้งบนพื้นก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงสายฟ้าฟาดเปรี้ยง ดวงหน้ารูปหัวใจที่ล้อมกรอบด้วยเรือนผมหนาสีน้ำตาลคาราเมลถักเป็นเปียหันขวับออกไปทางด้านนอกอาคาร คนอื่นๆ ในบริเวณนั้นก็ล้วนทำแบบเดียวกัน แม้จะมองไม่เห็นอะไรเพราะมีผนังทึบขวางอยู่ก็ตาม
อย่าบอกนะว่าพายุไล่ตามมา
ฟองจันทร์ถอนหายใจก่อนจะลากกระเป๋าออกจากบริเวณนั้นเพื่อไปเจอเพื่อนสนิทตามที่นัดกันไว้ ตอนแรกเธอกลัวหาฐานิตไม่เจอ แต่อีกฝ่ายบอกว่าสนามบินนี้เล็กนิดเดียว อย่างไรก็ต้องเจอกันแน่ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเธอสังเกตเห็นร่างท้วมของเพื่อนยืนกดมือถืออยู่แถวหน้าร้านอาหารร้านหนึ่งอย่างง่ายดาย
“นิต”
เจ้าของชื่อเงยหน้าตามเสียงเรียก จากนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นเจ้าของเสียง
“มาถึงเสียทีนะแก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เปลี่ยนสีผมซะด้วย”
“ได้ข่าวว่าเราเพิ่งเจอกันตอนงานเลี้ยงรุ่นเมื่อสองเดือนก่อน” ฟองจันทร์ชี้ให้เห็นความจริง
“เออว่ะ” ฐานิตทำท่านึกขึ้นได้แล้วหัวเราะ “แต่ตอนนั้นแกยังหัวดำอยู่เลย ฉันเลยรู้สึกเหมือนมันนานๆ”
“แกเลี้ยงหลานจนลืมวันลืมคืนมากกว่า”
“อันนี้ก็น่าจะจริงเหมือนกัน เลี้ยงเด็กเล็กนี่สุดจะเหนื่อยเลยว่ะ ฉันไม่กล้ามีลูกแล้วเนี่ย”
“แล้วทุกวันนี้แกไม่กล้ามีผู้ด้วยป่ะ” ฟองจันทร์เย้า
“สวยหรูดูแพงเกินไปต้องทำใจว่ะ ไม่มีผู้ชายกล้าเข้ามาจีบ จะไปจีบผู้ชายก่อนก็เกรงจะไม่งาม” ฐานิตหัวเราะร่วน “แกหิวไหม ถ้ายังก็รอไปกินข้าวที่บ้านพี่สาวฉันทีเดียว ขับรถไปก็สักชั่วโมง”
“ไปเลยดีกว่า เมื่อกี้ฉันได้ยินฟ้าผ่าเปรี้ยง…เครื่องบินที่ฉันนั่งมาก็ฝ่าพายุมาเลย สงสัยมันตามมาที่นี่อีกมั้ง”
“แถวนี้ฝนตกบ่อยอยู่ ช่วงนี้นี่ตกหนักลมแรงเป็นพิเศษเลย” เพื่อนร่างท้วมพยักหน้าหงึกหงัก
สองสาวเพื่อนรักซึ่งคบหาสนิทสนมกันมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยเดินคุยกันไปเรื่อยๆ ฟองจันทร์เล่าถึงเหตุการณ์บนเครื่องบินให้เพื่อนฟัง ครั้นเดินมาถึงประตูทางออกจากอาคาร เธอก็สังเกตเห็นร่างสูงที่กำลังพาดพิงถึง เขากำลังจะเปิดประตูรถเอสยูวีคันหนึ่ง
“สมเป็นแกจริงๆ ว่ะ นั่งท่องเมนูอาหารเนี่ย” ฐานิตปลงกับเพื่อนสายกินของตัวเอง
“เฮ้ย นั่นไงแก ผู้ชายคนนั้น” ฟองจันทร์ร้องขึ้นมาเกือบจะพร้อมกับที่เพื่อนพูด
“ที่กำลังขึ้นรถนั่นน่ะเหรอ…หน้าตาดีนี่หว่า” อีกฝ่ายมองตาม “แหม น่าเสียดายที่แกไม่ขอคอนแทกต์เขาไว้ แกนี่ไม่เป็นงานเลย ถ้ามีคอนแทกต์ถึงแกไม่สนเดี๋ยวฉันจีบเองก็ได้”
“ฉันตั้งใจไว้ว่าถ้าได้เจอกันอีกครั้งจะถาม เกิดมีวันนั้นจริงๆ แกก็ช่วยจีบเขาอย่างที่ปากดีไว้ด้วยแล้วกัน” ฟองจันทร์ยิ้มขำๆ รู้ประวัติเพื่อนดีว่าเป็นพวกเก่งหลังไมค์ พอไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายที่อยากจีบทีไรตัวแข็งเป็นหินอย่างกับเจอหน้าเมดูซ่าทุกที
“ยังกับจะเจอกันง่ายๆ” สาวร่างท้วมส่ายหน้าไปมาแล้วกางร่มพาเพื่อนเดินออกจากชายคาอาคารเพื่อไปยังลานจอดรถกลางแจ้ง
“อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นนั่นแหละ แกดูอย่างพี่นันท์ของแกสิ ทำงานอยู่ตั้งภาคเหนือยังอุตส่าห์มาเจอสามีคนใต้”
“แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับทุกคน ในไทยคงไม่มีประชากรขึ้นคานเยอะขนาดนี้หรอก” ฐานิตกลอกตา ก่อนจะทำท่านึกขึ้นได้ “เออ พูดถึงเรื่องนี้…แกมาสตูลคราวนี้ฉันมีที่เด็ดๆ จะพาแกไป”
“ที่เด็ดๆ อะไร” ฟองจันทร์เลิกคิ้ว
“เอาน่า เดี๋ยวก็รู้เอง”
ท่าทีมีลับลมคมในของเพื่อนทำให้ฟองจันทร์นึกขำ แต่เธอก็ไม่ได้พยายามซักไซ้ต่อเพราะคิดว่าเดี๋ยวก็ได้รู้อยู่ดี…หลังจากเก็บกระเป๋าเดินทางเข้าช่องเก็บของหลังรถเก๋งคันเล็กแล้วเธอก็เดินไปขึ้นนั่งบนเบาะข้างคนขับ
“เอาล่ะ Let’s go.” ฐานิตประกาศแล้วเหยียบคันเร่งพารถออกจากช่องจอด
ฟองจันทร์เอนหน้าเข้าไปใกล้กระจกหน้าต่าง ดวงตาเหลือบขึ้นมองเมฆฝนที่ปกคลุมผืนฟ้าแวบหนึ่งก่อนจะหันมาสนใจสิ่งรอบตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เดินทางไปจังหวัดสตูล…ขอให้เป็นทริปที่ดีด้วยเถอะ