ชายหนุ่มมองรอยยิ้มบนดวงหน้าเล็กที่วันนี้ล้อมกรอบด้วยเรือนผมยาวที่เธอปล่อยสยายโดยมีผ้าสีสดใสโพกศีรษะเอาไว้…ไม่ว่าเมื่อไหร่เธอก็ยิ้มเสมอจริงๆ
“เครื่องที่คุณเอามือพาดอยู่นั่นคือ Pacojet เป็นเครื่องปั่นที่สุดยอดมาก เอาไว้ทำพวกไอศกรีมหรือซอร์เบต์อะไรประมาณนั้น เมื่อกี้ผมเห็นคุณลองเปิดกล่องดู ถ้าอยากเอาออกมาก็ได้นะ อย่าทำตกจนพังพอ”
“เครื่องปั่นเหรอ ฉันนึกว่าเครื่องชงกาแฟอะไรประมาณนั้นเสียอีก” ฟองจันทร์ทำหน้าเหลอหลา
ปาลหัวเราะกับความเข้าใจผิดของเธอ ก่อนที่เขาจะหยัดตัวยืนและเดินย้อนกลับไปในครัว ปล่อยให้เธอนั่งมองกล่องกระดาษข้างตัวมึนๆ แล้วเธอก็ตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาเสิร์ช ตั้งใจจะหาคลิปดูว่าเครื่องปั่นที่หน้าตาผิดแผกแปลกจากเครื่องปั่นทั่วไปนี้ทำงานอย่างไร เธอเจอคลิปอย่างรวดเร็ว นั่งดูคลิปจนจบแล้วเธอก็สังเกตว่าที่ใต้คลิปมีลิงก์ต่อไปยังร้านออนไลน์ เธอจึงลองกดเข้าไปดู ครั้นเห็นราคาของเครื่องปั่นที่เธอใช้เป็นที่วางแขนก็อ้าปากหวอ รีบดึงแขนออกแทบไม่ทันแม้เธอจะแค่วางแขนบนกล่องไม่ใช่บนตัวเครื่องตรงๆ ก็ตาม
เครื่องปั่นบ้าอะไรเนี่ยราคาตั้งหกหลัก! แล้วเขาก็ยังอุตส่าห์จะให้เธอเอาออกมาดูเล่นอีก…ไม่มีทาง ยังไงเธอก็ไม่มีแตะต้องมันเด็ดขาดเลย!
ฟองจันทร์มองร่างสูงที่กำลังยืนกอดอกคุยกับพนักงานในชุดฟอร์มจากเฉลียงของร้านอาหาร บ่ายนี้มีเมฆมาก เธอเลยออกมายืนเล่นรับลมชมวิว แต่ด้วยความที่ผนังเป็นกระจกตลอดแนวจึงสามารถมองเข้าไปด้านในร้านได้อย่างง่ายดาย
การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องครัวใกล้เสร็จแล้ว โชคดีที่อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นแบบลอยตัวจึงไม่ต้องใช้เวลาในการติดตั้งนานนัก แต่ก็ใช่ว่าไม่มีปัญหาเลย นั่นทำให้เธอเห็นอีกมุมของปาล จากที่ปกติใจดีและสุภาพกับเธอ พอเป็นเรื่องงานเขาก็สามารถจริงจังและเด็ดขาดได้จนแทบเป็นคนละคนทีเดียว
ปาลเป็นผู้ชายที่ดูดีและเขาก็น่าสนใจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เขาใจดี ใส่ใจ เท่าที่คุยกันเขาไม่ใช่ผู้ชายทึ่มทื่อแน่ๆ…และเธอก็สงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ความจริงบ่ายนี้เขาพาเธอไปส่งที่บ้านของฐิตานันท์ก็ได้ เพราะที่นี่ก็ไม่มีอะไรใหม่และเขาก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากเธอด้วย แต่ตอนนั่งกินมื้อเที่ยงด้วยกันเขาก็ถามขึ้นมา
‘บ่ายนี้คุณมีแพลนอะไรหรือเปล่า’
‘ไม่มีค่ะ’ หญิงสาวส่ายหน้า
‘งั้นคุณก็อยู่กับผมต่อได้ใช่ไหม’
และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ฟองจันทร์กลับมานั่งเล่นในเขตโรงแรมประภาภัสสรอีกหน รวมถึงเป็นเหตุผลให้เธอชักสงสัยด้วยว่าเขาอาจไม่ได้แค่ต้องการเพื่อน แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่อยากตีความปักใจไปในทางใดทางหนึ่ง เพราะตอนเจอกันแรกสุดเขาก็ไม่ได้มีทีท่าอยากทำความรู้จักกับเธอสักนิด และเธอก็ไม่คิดว่าการที่ตนเองขี่จักรยานจนเกือบโดนรถเขาชนจะสร้างความประทับใจใดๆ ต่อเขาด้วย
เอาเถอะ เดี๋ยวก็รู้เองแหละมั้ง เพราะดูท่าทางแล้วก็เป็นไปได้ว่าเธอกับเขาจะต้องเจอกันอีกพักหนึ่ง อย่างน้อยก็จนกว่าเขาหรือเธอจะกลับออกจากสตูล เธอไม่รังเกียจที่จะทำความรู้จักกับเขา ก็อย่างที่บอกว่าเขาน่าสนใจดี เพียงแต่เธอยังรู้จักเขาน้อยเกินกว่าจะบอกอะไรชัดเจนกว่านี้เหมือนกัน
โทรศัพท์ในกระเป๋าถักใบจิ๋วที่เธอสะพายพาดเฉียงติดตัวส่งเสียงร้องและสั่นฟ้องว่ามีคนโทรเข้ามา เธอเลยรูดซิปกระเป๋าหยิบมันออกมาดู แล้วก็พบชื่อ ‘แม่’