กีรณานึกถึงคำพูดของตัวเอง แล้วจู่ๆ ก็พลันนึกขึ้นได้ว่า…หรือบ่อน้ำที่ว่าจะศักดิ์สิทธิ์อย่างที่วรรณสา ‘โฆษณา’ เอาไว้จริงๆ แต่มันจะไม่เหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือ!
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“ไว้นัดกันอีกทีนะครับ คุณไปทำงานเถอะ คุณนุชแอบมองมาทางเราแล้ว เดี๋ยวคุณจะถูกดุ” เชษฐ์พูดทีเล่นทีจริง กีรณาจึงหัวเราะเบาๆ เพราะคิดว่าเขาคงรู้กิตติศัพท์ของกรนุชมาบ้างไม่มากก็น้อย
ร่างบางเดินไปประจำจุดสำหรับพนักงานเสิร์ฟ เธอยกมือไหว้กรนุชแทนการขอโทษแม้ว่าเชษฐ์จะเป็นฝ่ายเข้ามาชวนคุยเอง แต่เธอก็ไม่ควรยืนคุยเล่นในเวลางาน กรนุชเห็นว่าเธอรู้ว่าทำตัวไม่เหมาะสมจึงพยักหน้าเบาๆ แทนการบอกว่าครั้งนี้อนุโลมให้ แต่ถ้ามีครั้งหน้าเธอจะถูกตำหนิอย่างแน่นอน
“ไม่เบาเลยนะ ทำงานแค่ไม่กี่วันก็อ่อยเจ้าของโรงแรมซะแล้ว”
จิตรีเดินเฉียดมาหาและเปรยขึ้นเบาๆ ทำให้กีรณาต้องหันไปมองทั้งๆ ที่เธอทำเป็นไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่ายที่ลอยผ่านหูในเชิงจิกกัดมาโดยตลอด เพราะไม่อยากถือสาและคิดว่าจิตรีคงแขวะเล่นๆ แต่การกล่าวหาว่าเธอ ‘อ่อย’ เชษฐ์ก็เป็นคำพูดที่รุนแรงเกินไปในเมื่อเชษฐ์เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับเธอเอง
สงสัยที่ยายวรรณบอกจะเป็นเรื่องจริง
กีรณาจำได้ว่าวรรณสาเคยบอกไว้ว่าถ้าพนักงานเสิร์ฟคนใหม่หน้าตาสะสวยก็จะถูกเขม่นเพราะจิตรีชอบทำตัวเป็น ‘ควีนบี’ เธอไม่คิดเลยว่าจะเจอกับตัวเองทั้งๆ ที่หลีกเลี่ยงการปะทะเสมอ
“ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ได้ตาฝาด เธอก็น่าจะรู้นะว่าคนที่เป็นฝ่ายอ่อยไม่ใช่ฉัน” หญิงสาวเปรยกลับไปลอยๆ โดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย “เพราะคุณเชษฐ์เป็นฝ่ายเข้ามาคุยกับฉันเอง”
จบประโยคนั้นกีรณาค่อยหันไปมองพร้อมรอยยิ้มบางๆ เพราะรู้ว่าจิตรีต้องทำตาลุกเป็นไฟใส่เธอแน่ และก็จริงดังคาด…สายตาจิตรีเหมือนอยากจะตรงเข้ามาบีบคอเธอไม่มีผิด
“ฉันว่าเธอไปทำงานเถอะ ไม่อย่างนั้นคุณนุชจะดุเอา มันไม่คุ้มหรอกนะ”
กีรณามองไปทางกรนุชซึ่งกำลังมองมาทางนี้ เพราะกรนุชรู้ว่ากีรณาอาจถูกจิตรีเขม่นจึงแบ่งโซนรับผิดชอบให้ห่างกันเอาไว้ การที่จิตรีเดินเข้ามาหาเธอก่อนแล้วถ้าหากทั้งสองมีเรื่องมีราวกันขึ้นมาจริงๆ ยังไงจิตรีก็เป็นฝ่ายผิดเพราะใครๆ ก็ต้องดูออกว่าจิตรีตรงเข้ามาหาเรื่องกีรณา
จิตรีมองด้วยสายตาไม่พอใจแต่ก็ยอมเดินไปประจำจุดรับผิดชอบของตัวเอง กีรณาถอนหายใจเบาๆ พลางคิดว่าชีวิตเธอเริ่มจะดีขึ้นอยู่แล้วเชียว แต่มันจะเสียก็เพราะมีเพื่อนร่วมงานอย่างนี้นี่แหละ!
“เดี๋ยวก่อนกี้”
กีรณากำลังจะเดินออกจากห้องอาหารหลังเก็บร้านเสร็จกรนุชก็เรียกเธอไว้ หญิงสาวหันไปมองด้วยความสงสัย ยังดีที่ตอนนี้ในร้านเหลือพนักงานไม่กี่คน ส่วนจิตรีและพรรคพวกรีบออกไปเพราะจะไปเที่ยวกลางคืนต่อ ไม่อย่างนั้นพวกนั้นคงได้เอาเรื่องนี้ไปนินทาหรือจับตามองว่าเธอจะถูกตำหนิอะไร อันที่จริงกีรณาก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดหรือสายตาของพวกนั้นหรอก แต่เธออดที่จะรำคาญไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
“คุณนุชมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เรื่องเมื่อตอนกลางวันน่ะ”
ผู้จัดการห้องอาหารหน้าดุเกริ่นมาแค่นั้นหญิงสาวก็พอจะรู้แล้วว่าตนเองคงจะถูกตำหนิ เธอไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเชษฐ์หรือเรื่องจิตรี แต่อาจจะเป็นทั้งสองเรื่องเลยก็ได้
“เอ่อ…กี้ขอโทษค่ะที่คุยกันในเวลางาน”
“ฉันไม่ได้อยากตำหนิเธอหรอก แต่ฉันแค่อยากเตือนเธอเรื่องจิตรี” กรนุชพูดพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน “อย่ามีปัญหาอะไรกับแม่คนนี้เลย ปล่อยได้ก็ปล่อย ไปต่อปากต่อคำด้วยจะมีเรื่องกันเปล่าๆ”
ตอนแรกกีรณาไม่เข้าใจว่าทำไมกรนุชต้องบอกให้คนอื่นเป็นฝ่ายยอม แต่ไม่บอกจิตรีให้เลิกหาเรื่องคนอื่นสักที กระทั่งได้ร่วมงานกันเธอถึงได้รู้ว่ากรนุชคงบอกฝ่ายนั้นจนอ่อนอกอ่อนใจแล้ว และถึงแม้ปากจิตรีมักจะคอยหาเรื่องคนนั้นทีคนนี้ที แต่หล่อนก็ทำงานดี มีเพื่อนพนักงานเสิร์ฟที่สนิทกันหลายคน หากมีปัญหากันจนจิตรีลาออก เพื่อนๆ หล่อนอาจลาออกไปด้วยแล้วทางห้องอาหารก็คงจะลำบาก