“นี่ ทำไมด่าเยอะจัง ฉันป่วยอยู่นะ” คนป่วยตัดพ้อ
“ผมแค่พูดให้ฟัง ไม่ได้ด่า แล้วก็อยากเตือนให้คุณคิดดีทำดีเอาไว้มากๆ จะได้หายป่วยไวๆ ไง”
“เกี่ยวกันตรงไหน” คนที่ไม่ค่อยสนใจการคิดดีทำดีบ่นด้วยใบหน้าหงิกงอ
“แล้วผมถามจริงๆ นะ เวลาจะทำความดีนี่คุณต้องมีเงื่อนไขตลอดเลยเหรอ”
“อื้อ”
“ปกติคุณไม่เคยเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีให้ใครชอบบ้างรึไง”
“ก็เคยอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ครั้งสุดท้ายมันก็นานมาแล้วล่ะ น่าจะเป็น…ตอนที่แอบชอบรุ่นพี่ที่ทำงานสมัยเรียนจบใหม่ๆ แอ๊บดีจนเหนื่อยอ่ะตอนนั้น แถมยังรู้สึกด้วยว่าตัวเองตอแหลจังเลย”
“…”
“ใครจะไปเหมือนคุณที่ทำตัวเป็นคนดีตลอดเวลาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังมีแต่คนชม เพื่อนฉันที่ทำงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณายังเคยชมให้ฟังเลยว่าคุณเป็นหนึ่งในดาราแค่ไม่กี่คนที่เขาเคยร่วมงานด้วยแล้วไม่รู้สึกแย่ เพราะหลายคนมักจะทำให้ผิดหวังเพราะนิสัยในกองถ่ายหนังโฆษณาแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ออกสื่อลิบลับ”
“จริงๆ แล้วเป็นเพราะสมัยเรียนผมเคยฝึกงานกับโปรดักชั่นเฮ้าส์มาก่อน เวลาอยู่ในกองถ่ายหนังโฆษณาเลยได้เห็นดารามาหลายรูปแบบ แบบหนึ่งก็คือคนที่ทำตัวดีกับกองถ่ายละคร แต่ทำตัวแย่ในกองถ่ายโฆษณา บางคนก็หยิ่งและเรื่องมากอย่างไม่มีเหตุผล บางคนก็หยาบคาย เห็นแก่ตัว ทำอะไรไม่เห็นใจคนทำงาน พอตัวเองมาทำงานตรงนี้ผมเลยพอเข้าใจความรู้สึกคนอื่น จึงพยายามไม่ทำตัวแบบคนที่เคยทำให้ผมรู้สึกไม่ดีสมัยฝึกงาน”
แพรภัทรพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ด้วยท่าทางสนใจฟังเป็นอย่างดี ระหว่างนั้นก็มองตามรัญชน์รวิชญ์ที่ทำหน้าที่จัดโต๊ะอาหารเองอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เขามีท่าทางคุ้นเคยกับห้องครัวบ้านเธอยิ่งกว่าเมื่อวานนี้ แถมยังทำตัวตามสบายราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง ในสายตาเธอเขาเป็นผู้ชายที่ผิดคาดจากที่เธอเคยคิด และเป็นคนที่มีอะไรหลายๆ อย่างชวนให้ประหลาดใจ ทว่าความรู้สึกเธอตอนนี้จะเรียกว่าเป็นความประทับใจก็ไม่ใช่ ตกใจก็ไม่เชิง แต่มันยังมีความมึนงงกับมิตรภาพที่รัญชน์รวิชญ์หยิบยื่นให้อย่างหาเหตุผลชัดเจนไม่ได้…
ที่แน่ๆ เขาทำให้เธอไว้วางใจมากเสียจนเวลาอยู่ใกล้เขาเธอจะไม่ลืมเลยว่าตัวเองต้องคอยระวังตัวระวังใจเอาไว้อย่างไรบ้าง…
เท่าที่อิษฎาจำได้ รัญชน์รวิชญ์ไม่เคยโทรถึงเขาเพื่อชวนออกไปกินข้าวโดยไม่มีธุระสำคัญอะไรมาก่อน แต่วันนี้อยู่ดีๆ ก็โทรมาถามว่าเขาว่างไหม อยากชวนไปกินข้าว พอเขาถามกลับว่ามีธุระอะไร อีกฝ่ายก็บอกว่าไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไรเลย แค่อยากเจอ…
“แต่วันนี้ผมกะจะไม่ออกไปไหน อาทิตย์ที่ผ่านมางานตึงสุดๆ เหนื่อยมากจริงๆ พี่รันเข้ามาหาที่คอนโดฯ ไหมครับ”
ตอนที่เสนอออกไป เขาคาดว่ารัญชน์รวิชญ์น่าจะปฏิเสธ เพราะร้อยวันพันปีอีกฝ่ายไม่เคยมาที่คอนโดฯ เขามาก่อนเลย แต่ปรากฏว่าเขาคิดผิดถนัด เพราะรัญชน์รวิชญ์กลับตอบรับอย่างไม่ลังเลว่าจะเข้ามาภายในหนึ่งชั่วโมง
“พี่รันทำผมแปลกใจมากเลยนะครับ บอกว่าไม่มีธุระสำคัญอะไรแต่มาหาถึงนี่” อิษฎาเอ่ยปากเมื่อขึ้นลิฟต์ด้วยกัน เขาลงมารับญาติผู้พี่ตรงล็อบบี้คอนโดฯ อีกฝ่ายมาตามลำพังโดยไม่มีผู้จัดการหรือใครตามมาประกบ
“ก็นายไม่ยอมออกไปเจอ”
“แล้วทำไมอยู่ๆ อยากเจอผมขนาดนี้ล่ะครับ”
“ฉันอยากคุยด้วยนิดหน่อย เรื่องแพรภัทร”
“พี่แพรน่ะเหรอครับ”
“อื้อ”
“นี่อย่าบอกว่ายังสงสัยว่าเขาเป็นแฟนคลับโรคจิตอยู่ ก็ได้ตัวคนผิดไปแล้วไม่ใช่หรือครับ”