บทที่หนึ่งร้อยยี่สิบแปด
“แต่ว่าตอนนี้คุณเปลี่ยนความคิดแล้วสินะ”
ซูเสวี่ยจื้อขัดจังหวะชายหนุ่มที่จะพูดสาธยายความดีของเธอ
“หวังเซี่ยวคุนลงจากอำนาจ ลู่หงต๋าก็ออกจากเมืองหลวงแล้ว ถึงเวลาฟาดฟันห้ำหั่นกันแล้ว ถูกไหมคะ”
เขานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยตอบ “ใช่”
“หมู่นี้หลันเสวี่ยอารมณ์ไม่ค่อยดี เธอบอกฉันว่าคุณเตรียมการให้เธอไปต่างประเทศล่วงหน้า เธอเป็นน้องสาวคุณ พวกคุณสองคนเป็นสายเลือดเดียวกันตั้งแต่เกิด อย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด ส่วนฉันไม่เหมือนกัน ปากคุณบอกว่าโชคดี แต่จริงๆ แล้วในใจคุณกำลังนึกเสียใจทีหลังต่างหาก เสียใจทีหลังที่มารักกับฉัน เสียใจทีหลังที่มายุ่งกับฉัน มีความสัมพันธ์กับฉัน จนมันกลายเป็นภาระของคุณ
คุณกลัวฉันจะเดือดร้อนไปด้วย แล้วจะเป็นการทำผิดซ้ำสอง ที่เมื่อครู่คุณพูดตั้งมากตั้งมายอย่างนั้น ความจริงสรุปสั้นๆ ประโยคเดียวคือคุณจะไปแก้แค้นแล้ว คุณเตรียมการให้หลันเสวี่ยเรียบร้อย ตอนนี้ถึงคราวของฉันแล้ว ฉันพูดถูกไหม”
ซูเสวี่ยจื้อมองดูชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้าคนนี้พร้อมกับถามเขาในที่สุด
“ใช่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมรอคอยวันนี้มาโดยตลอด” เฮ่อฮั่นจู่ไม่เบือนหน้าหลบสายตาไปทางอื่นอีก
“ตอนนี้มันมาถึงแล้ว” เขาจ้องมองเธอ
“เสวี่ยจื้อ วันนั้นผมวิ่งขึ้นรถไฟเอาแหวนไปให้คุณเพราะอยากบอกว่าเมื่อผมมอบใจให้ใครสักคนไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้จะมีเธอคนเดียว ไม่มีคนที่สองอีก ผมอยากสัญญากับเธอว่าผมจะทุ่มเทชีวิตที่เหลืออยู่ให้กับเธอหมด จะปกป้องเธอ และจะแก่ไปพร้อมกับเธอ มันต้องเป็นเรื่องที่วิเศษมากเหลือเกินแน่
แต่ตอนนั้นผมลืมไปว่าก่อนอื่นผมต้องมีสิทธิ์ให้คำสัญญาและต้องสามารถปกป้องเธอได้ ไม่ใช่จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้ ซ้ำยังจะนำเภทภัยมาให้อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณให้เวลาผมอีกสักนิดนะ ให้ผมชำระสะสางเรื่องที่ผมควรทำให้จบสิ้น ถึงตอนนั้นถ้าผมยังมีชีวิตอยู่และมีสิทธิ์ที่จะให้คำมั่นสัญญากับคุณได้อย่างแท้จริง แล้วเวลานั้นผมยังโชคดีที่คุณเต็มใจให้โอกาสผมอีกครั้งเหมือนเดิม ผมจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณแน่”
“คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเกิดตอนนั้นฉันเปลี่ยนใจไม่ชอบคุณอีกแล้วล่ะ” เธอถามเขาทันที
สิ้นเสียงเธอภายในห้องก็เงียบเชียบลง
แสงโคมยังสาดส่องร่างชายหนุ่มที่ชะงักนิ่งอย่างเงียบงัน
เนิ่นนานกว่าเขาจะขยับตัวนิดหนึ่ง
“ถ้าตอนนั้นคุณมีคนอื่นแล้ว…ผมก็จะดีใจกับคุณด้วย” น้ำเสียงของเขาราบเรียบ หากตั้งใจฟังดีๆ คล้ายยังแฝงไว้ด้วยความจริงใจ
ซูเสวี่ยจื้อจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง “นี่ก็คือสิ่งที่คืนนี้คุณตั้งใจจะพูดกับฉันในทีแรกตอนมาหาฉันหรือ”
“ใช่”
คืนนี้เขาไปหาเธอเพื่อจะพูดเรื่องนี้
เดิมทีเขานึกว่าจะสามารถถ่วงเวลาไปวันพรุ่งนี้ได้ ต่อให้ช้าไปอีกวันเดียวก็ยังดี
ทว่าขณะนี้เธอกลับมาอยู่ตรงหน้าเขาเอง เขาถ่วงเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
เขาสมควรพูดมานานแล้ว
เธอนิ่งเงียบไปก่อนจะเอ่ยว่า “…เฮ่อฮั่นจู่ ฉันจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณตัดสินใจแบบนี้จริงๆ ใช่ไหม”
ฉับพลันนั้นเสียงเอ่ยถามของเธอดังขึ้นข้างหูเขาอีก ชัดถ้อยชัดคำและขึงขังจริงจังสุดจะกล่าว
ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวแรงระลอกหนึ่ง ลำคอแห้งผาก ลมหายใจก็คล้ายจะเริ่มติดขัดขึ้นชั่วพริบตานี้
เฮ่อฮั่นจู่ยืนประสานสายตากับเธออยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่แขนข้างหนึ่งถึงเพิ่งรู้ตัวว่ากำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาคลายออกช้าๆ
เขาพูดเบาๆ ด้วยน้ำเสียงแสนฝืดเฝื่อนในที่สุด “ขอโทษด้วย ความผิดทุกอย่างมาจากผม ตั้งแต่ต้นผมก็ไม่ควร…”
“ไม่ๆ!” ซูเสวี่ยจื้อตัดบทเขาฉับ “ฉันไม่เคยเสียใจทีหลังกับการเริ่มต้นของพวกเรา! โปรดอย่าได้ใช้คำพูดในแง่ลบใดๆ ก็ตามไปลบหลู่มัน”
เขาหยุดพูด
“แน่นอนว่าหากตอนนี้คุณเห็นว่าเป็นแบบนี้ดีกว่า ฉันก็เคารพในความคิดของคุณ”
มุมปากของหญิงสาวกลับยกโค้งขึ้นนิดหนึ่งเผยรอยยิ้มออกมาช้าๆ
“ถึงแม้รวมเวลาทั้งหมดแล้วพวกเราจะรักกันได้ไม่กี่วัน แต่ช่วงหลายวันนั้นฉันมีความสุขมาก และเป็นความทรงจำที่งดงามมาก ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันหรือรู้สึกผิดกับมันแต่อย่างใดเลย เฮ่อฮั่นจู่ คุณไม่ได้ติดค้างอะไรฉัน จริงๆ นะ”