ดึกมากแล้วแต่ฟู่หมิงเฉิงยังไม่เข้านอน เขานั่งอยู่ในห้องหนังสือตามลำพัง มองดูรูปถ่ายของบิดาที่ล่วงลับไปแล้วบนผนังพลางจมอยู่ในภวังค์ความคิด
จังหวะนี้เองเสียงกริ่งโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นฉับพลัน
รอบด้านเงียบสนิท ส่งผลให้เสียงนี้ฟังแล้วบาดหูเป็นพิเศษ
เขามองโทรศัพท์ด้วยท่าทางนิ่งเฉย ไม่ได้รับสายทันที ปล่อยให้มันดังสิบกว่าครั้งจนเงียบหายไปแล้วดังขึ้นอีกทันที ถึงยกกระบอกหูโทรศัพท์ขึ้นอย่างเยือกเย็น ส่งเสียงทักทายคำหนึ่ง
เป็นไปตามคาด คนที่โทรศัพท์มาหาเขากลางดึกคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นมัตสึซากะที่ไปดื่มเหล้าและแช่น้ำร้อนด้วยกันเมื่อคืนนี้นั่นเอง
เสียงของมัตสึซากะในโทรศัพท์กดให้เบาลงแล้ว แต่เขากำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างชัดเจนมาก
“เพราะอะไรถึงไม่รับโทรศัพท์” เขาถามไล่เลียงฟู่หมิงเฉิง
ฟู่หมิงเฉิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามสบาย พูดเสียงราบเรียบ “คุณมัตสึซากะครับ ไม่ได้ดูหรือว่ากี่โมงแล้ว ผมไม่ต้องพักผ่อนบ้างหรือไง คุณมีธุระอะไรครับ ดึกดื่นป่านนี้ยังโทรศัพท์มาอีก”
มัตสึซากะลดเสียงเบาลงอีก “คืนนี้คุณแพร่งพรายข่าวออกไปใช่ไหม คุณเป็นไส้ศึกของชาวจีน”
ฟู่หมิงเฉิงหัวเราะ “ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร คุณพูดให้รู้เรื่องหน่อยได้ไหมครับ ผู้พิพากษาในศาลจะตัดสินว่าใครสักคนมีความผิดก็ต้องแสดงหลักฐานเหมือนกัน”
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว เรื่องนี้รู้กันแค่สามคน มีคุณโยโคกาวา คิมูระ แล้วก็ผู้บังคับบัญชาของผม มันเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะเปิดเผยออกไป ส่วนผมเคยเอ่ยเรื่องนี้กับคุณ คุณรู้ไหมว่าเมื่อครู่ผมเจออะไรมา ผมโดนเรียกตัวไปรับการสอบสวนแล้ว”
“อย่างนั้นหรือครับ ในเมื่อคุณปักใจว่าเป็นผม จะบอกชื่อผมก็ย่อมได้ ทำไมต้องโทรมาถามซักไซ้เองด้วย” ฟู่หมิงเฉิงพูดอย่างเยือกเย็น
มัตสึซากะชะงักไป เขากัดฟันกรอดๆ “คุณกล้าเล่นลูกไม้กับผมเชียวหรือ ผมไม่ละเว้นคุณเป็นอันขาด…”
“คุณมัตสึซากะครับ” น้ำเสียงของฟู่หมิงเฉิงเย็นชาขึ้นกะทันหัน
“ถ้าคุณสงสัยผม เชิญคุณรายงานเบื้องบนเรื่องที่คุณหลุดปากแพร่งพรายความลับเมื่อคืนได้เลย! คิดจะขู่ผมรึ ผมไม่กลัวหรอกจะบอกให้”
เขาใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ช่างเถอะ ต้องขอบคุณคุณที่เตือนผม เรื่องนี้สำคัญมาก ผมไปหาคุณคิมูระเองดีกว่า อธิบายกับเขาสักหน่อย วันหลังจะได้ไม่โดนพวกคุณสงสัย…”
“ไม่ต้องแล้ว”
มัตสึซากะที่ปลายสายตัดบทเขาทันควัน น้ำเสียงก็อ่อนลงไปด้วย “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น ผมแค่หวังว่าคุณจะระวังตัวให้ดี…”
“คนที่ควรระวังตัวให้ดีคือคุณต่างหาก”
ฟู่หมิงเฉิงวางหูโทรศัพท์ไปเลยอย่างหมดความเกรงใจ จากนั้นเขาไม่ได้ออกจากห้องหนังสือทันที ยังนั่งเงียบๆ อยู่ในนั้นต่อ ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง มัตสึซากะโทรมาอีกแล้ว แต่หนนี้น้ำเสียงของเขาแฝงรอยขอลุแก่โทษเต็มเปี่ยมผิดจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาเอ่ยปากคำแรกก็พร่ำขอขมาลาโทษซ้ำๆ แทบจะนึกภาพท่าทางเขาโค้งคำนับไม่หยุดในขณะนี้ได้เลย
มัตสึซากะบอกฟู่หมิงเฉิงว่าเมื่อครู่ได้รับรายงานว่าคืนนี้ติดต่อกับผู้ติดต่อประสานงานระดับสูงคนหนึ่งใต้สังกัดผู้อำนวยการคิมูระไม่ได้ ตอนไปตามหาที่ที่เขาพักอยู่ก็พบว่าห้องว่างเปล่า ตัวคนไม่อยู่แล้ว ของมีค่าก็หายไปด้วย พักก่อนคนผู้นี้เคยมีความสัมพันธ์กับหญิงชาวจีนคนหนึ่ง หลังจากผู้อำนวยการคิมูระรู้เรื่องก็กลัวความเชื่อมั่นศรัทธาในใจเขาจะสั่นคลอนเพราะเรื่องนี้เลยบังคับให้เขาฆ่าผู้หญิงคนนั้น จึงสงสัยกันว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง ไม่รู้ว่าเขาถูกซื้อตัวไปตั้งแต่เมื่อไรถึงได้แพร่งพรายข่าว ต่อจากนั้นกลัวความผิดเลยหลบหนีไป
น้ำเสียงของมัตสึซากะในโทรศัพท์ขณะนี้ฟังดูตื่นเต้นยินดีอย่างปิดไม่มิด เขาเอ่ยขอโทษฟู่หมิงเฉิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกว่ารออีกสักพักให้เรื่องวุ่นวายนี้ผ่านพ้นไปค่อยเลี้ยงเหล้าชายหนุ่มอีก สุดท้ายขอร้องฟู่หมิงเฉิงว่าอย่าเอ่ยเรื่องที่ตนเองพลั้งปากกับใครๆ เด็ดขาด
ฟู่หมิงเฉิงวางหูโทรศัพท์
ตอนนี้ศพของแพะรับบาปคนนั้นคงจะโดนเฉินอิงเอาไปโยนทิ้งในมุมมืดตรงไหนก็สุดรู้
เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองไปรอบตัว
ใต้เงาแสงไฟอันว่างเปล่าเงียบเชียบ
เขานั่งอยู่ในห้องนี้คนเดียว แล้วเธอล่ะ
เวลานี้ผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลกคนนั้นน่าจะอยู่เคียงข้างเธอย่างสู่เส้นทางกลับบ้านไปด้วยกันแล้วกระมัง