หนังตาของหวังถิงจือกระตุกทีหนึ่ง “คุณว่าอะไรนะ”
คุณหนูเฉาทวนซ้ำคำเดิมแล้วพูดต่อท้าย “เรื่องนี้ฉันกล้าเอาชีวิตเป็นประกันเลยค่ะ”
ใบหน้าเธอประดับรอยยิ้มนิดๆ “คุณชายหวัง เขาประกาศตัวเป็นศัตรูกับคุณพ่อคุณแล้ว ส่วนเรื่องเมื่อคืนนี้ฉันก็รู้แล้วเหมือนกัน…”
เธอหยุดเว้นจังหวะก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันรู้จักคนคนนี้ดี เขาเป็นพวกมากแผนการ ที่เขาช่วยพลเอกหวังไว้เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง นอกจากฉวยจังหวะหาชื่อเสียง ยังสร้างบุญคุณเพื่อตักตวงผลประโยชน์มากขึ้นก็เท่านั้นเอง คุณชายหวังอย่าโดนเขาหลอกลวงเด็ดขาด…”
“คุณหนูเฉา ตรงนี้คุยกันไม่สะดวก ตามผมมา” หวังถิงจือตัดบทเธอฉับแล้วพาไปในตรอกลับตาคนทางด้านหลังในละแวกใกล้ๆ หญิงสาวเดินตามเข้าไปและเห็นเขาหยุดฝีเท้าเบือนหน้าช้าๆ มาจ้องมองด้วยสีหน้าแปลกพิกล พาให้ความกระวนกระวายผุดขึ้นในใจกะทันหัน
“คุณชายหวัง…” เธออึกอักนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ “เรื่องที่ฉันบอกกับคุณในวันนี้ คุณอย่าเห็นว่าไม่สำคัญนะคะ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย ขอเพียงพวกคุณเอาไปใช้ประโยชน์ได้…”
“ใช้ประโยชน์บ้าบอน่ะสิ” หวังถิงจือชักสีหน้าในพริบตา เขายื่นมือไปขยุ้มคอเสื้อคุณหนูเฉาไว้หมับแล้วลากตัวไปตรงข้ามกำแพง บีบคอเธอไว้เหมือนเป็นลูกไก่ตัวหนึ่ง
คุณหนูเฉาตั้งตัวไม่ติด ได้แต่อ้าปากเปล่งเสียงอู้ๆ อี้ๆ ใช้สองมือทุบตีหวังถิงจือพยายามดิ้นรนเพื่อเป็นอิสระ
ดวงตาทั้งคู่ของชายหนุ่มแดงก่ำ สีหน้าขมึงทึง เขาบีบคอคุณหนูเฉาสุดแรงจนเธอหายใจไม่ออก หน้าเขียวขึ้นทีละน้อย ลูกตาเหลือกขึ้น เมื่อมือทั้งสองข้างที่ต่อสู้อยู่ของหญิงสาวห้อยตกลงอย่างอ่อนแรง เขาถึงได้เหวี่ยงตัวเธอลงไปบนพื้นอย่างขยะแขยง
รอบลำคอเรียวยาวขาวผ่องของหญิงสาวมีรอยนิ้วสีแดงช้ำติดอยู่ รองเท้าหลุดกระเด็น ฟุบหมอบกับพื้นนานครู่ใหญ่ถึงกลับมาหายใจได้อีกครั้งอย่างยากเย็นและกระอักกระไออย่างทรมาน เธอเรียกขวัญคืนมาได้ในที่สุด ดวงตาของเธอเบิกโพลง สีหน้าตื่นกลัวขณะมองหวังถิงจือที่ยืนอยู่ด้านข้างและจ้องหน้าเธออยู่
“คนแซ่เฉา ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงล่ะก็ เมื่อครู่ฉันยิงเธอตายไปแล้ว รีบไสหัวไปให้พ้น ไปให้ไกลที่สุด อย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีกตลอดไป ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายกับผู้หญิงนะ เธอรู้นี่ว่าวิธีที่ทำให้เธอตายทั้งเป็นน่ะมีอยู่ถมเถไป”
คุณหนูเฉาก็เป็นคนน่าเวทนาคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กจนโตเธออยู่ในสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมให้เชื่อว่ามีเพียงผลประโยชน์ที่กำหนดทุกสิ่งได้ จึงไม่นึกไม่ฝันว่าลูกชายสกุลหวังจะโต้ตอบอย่างนี้ เธอรู้ว่าเขาไม่ได้ขู่ให้กลัว คำพูดและน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมนั่นสร้างความหวาดกลัวให้สุดจะกล่าว เธอสั่นสะท้านพร้อมกับน้ำตาไหลพราก ทนอาการเจ็บปวดเหมือนโดนมีดกรีดตรงลำคอไว้ ลุกลนตะกายตัวลุกขึ้นจากพื้นโดยไม่กล้าชักช้ารีรอ และไม่แม้แต่จะเสียเวลามองหารองเท้าของตนเองก็วิ่งโขยกเขยกเท้าเปล่าออกไปจากที่นี่ในสภาพน่าอนาถใจ
หวังถิงจือมองตามแผ่นหลังของคุณหนูเฉาด้วยสายตารังเกียจชิงชัง เขาพรูลมหายใจออกยาวๆ เฮือกหนึ่ง
ในคืนเดียวกันข่าวนี้ก็รู้ไปถึงหูถงกั๋วเฟิง
“แกแน่ใจนะ?” เขาถามอย่างประหลาดใจมาก
“ขอรับ ท่านเป็นห่วงคุณชายเลยให้ผมคอยจับตาดูไว้ไม่ใช่หรือขอรับ ผมเห็นคุณชายออกไปก็แอบตามไป ถึงได้ยินเรื่องนี้โดยไม่ตั้งใจ”
ถงกั๋วเฟิงตรึกตรองครู่หนึ่งถึงหรี่ตาลง บนหน้ามีรอยยิ้มนิดหนึ่ง เขาเรียกลูกน้องเข้ามาใกล้ๆ กระซิบสั่งกำชับบางอย่างจบก็พูดตบท้ายว่า “ปล่อยข่าวนี้ออกไปให้คนรู้ยิ่งเยอะยิ่งดี พยายามทำให้เป็นเรื่องใหญ่ครึกโครม นอกจากในเมืองหลวงแล้ว ต้องแน่ใจว่าแพร่ไปถึงทางโน้นด้วย เอาให้รู้กันทั่วเลย”