ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 4 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

ทดลองอ่าน ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง บทที่ 4

ใบหน้าของท่านหัวหน้าใหญ่สกุลเจิ้งเผยรอยยิ้มบางๆ เขาปล่อยมือจากแขนของซูจงแล้วพยักหน้าให้คนทั้งสอง “นายน้อยเยี่ยกับพ่อบ้านซูเกรงใจมากไปแล้ว วันนั้นฉันผ่านไปเจอเข้าโดยบังเอิญ ทั้งยังตวาดไล่ไปแค่คำเดียว ไม่กล้านับเป็นบุญคุณ นายท่านเยี่ยปลอดภัยก็ดีแล้ว”

“เพราะได้พึ่งใบบุญของท่าน อาการบาดเจ็บของนายท่านของพวกเราเลยหายเร็วพอสมควรขอรับ นี่นายน้อยของเราจะไปทางเหนือเพื่อเรียนหนังสือ ผมเลยจะพาไปส่งที่นั่นขอรับ” เขาพูดพลางหมุนตัวชี้เรือลำที่เช่าไว้

ท่านหัวหน้าใหญ่สกุลเจิ้งมองปราดเดียวแล้วดึงสายตากลับ “ขอให้นายน้อยเดินทางปลอดภัย สำเร็จการศึกษาในเร็ววันนะ”

“ขอบคุณมากขอรับๆ ท่านมีงานรัดตัวมากมาย ไม่รบกวนท่านแล้ว ผมขอตัวก่อนนะขอรับ สบช่องวันนี้ลมฟ้าอากาศเป็นใจรีบออกเดินทางเร็วๆ จะได้ไปทันลงเรือกลไฟต้นทาง”

ท่านหัวหน้าใหญ่สกุลเจิ้งประสานมือยืนอยู่ที่เดิม มองส่งซูจงกับนายน้อยสกุลเยี่ยเดินกลับไปยังเรือ

เยี่ยเสียนฉีเดินแยกมาระยะหนึ่งแล้วเหลียวไปมองเห็นท่านหัวหน้าใหญ่สกุลเจิ้งหันหน้าไปพูดคุยกับคนที่อยู่ด้านข้าง เขาพูดบ่นเสียงเบาๆ “ลุงจง อุตส่าห์ได้เจอกันทั้งที โอกาสดีๆ ขนาดนี้ ทำไมเมื่อครู่นี้ลุงจงไม่เอ่ยปากขอให้เขาคอยช่วยเหลือดูแลพวกเราล่ะ”

แม่น้ำสายนี้คดเคี้ยวยาวเหยียด สองฟากฝั่งเป็นภูเขาสูงชัน นอกจากกระแสน้ำเชี่ยวแล้ว ภัยร้ายอีกอย่างหนึ่งของเหล่าคนเดินเรือก็คือโจรสลัดที่ชอบผลุบๆ โผล่ๆ หากินอยู่แถวนี้

คนแซ่เจิ้งผู้นี้เป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมชาวน้ำของเมืองซวี่

เดิมทีเขาไม่ใช่คนท้องถิ่น ไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเขา แต่เพราะเขาว่ายน้ำเก่ง ประกอบกับผู้คนยอมรับนับถือ จึงตั้งฉายาให้เขาว่า ‘จ้าวมังกรเจิ้ง’

ไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของเขาอีกเช่นกัน แค่พูดกันว่าเขามายังแถบนี้ตอนกำลังหนุ่มแน่นเมื่อประมาณสามสิบปีก่อน แรกเริ่มว่ากันว่าเขาเป็นเพียงลูกเรือบนเรือแดง ภายหลังเขาไต่เต้าขึ้นมาทีละก้าวจนกลายเป็นหัวหน้าใหญ่ของสมาคมชาวน้ำในที่สุด

ในช่วงเกือบสิบปีสุดท้ายตอนราชวงศ์ชิงใกล้ล่มสลาย ทางการหมดปัญญาจะกำราบพวกโจรสลัด กองเรือแดงแต่เดิมก็หย่อนยานไร้ประสิทธิภาพ นอกจากส่งเรือไปคุ้มครองข้าราชการที่เดินทางไปมา พอเป็นเรือชาวบ้านล่มกลางน้ำ กองเรือก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด บางรายแค่สูญเสียทรัพย์สินทั้งหมด บางรายรุนแรงถึงขั้นเรืออับปางและเสียชีวิต คนแซ่เจิ้งถึงได้ออกโรงรวบรวมคนที่อยู่ริมน้ำสร้างกองเรือแดงขึ้นใหม่และออกลาดตระเวนตามพื้นที่อันตราย ออกกฎให้เก็บค่าผ่านทางตามที่กำหนดไว้จากเรือที่ผ่านไปมา ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นก็เป็นการซื้อความสบายใจ แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นก็จะส่งเรือไปช่วยเหลือได้

ทุกวันมีเรือแล่นไปแล่นมาในแม่น้ำนับไม่ถ้วน เหตุการณ์เรือล่มเกิดขึ้นแทบจะวันเว้นวัน ต่อให้เป็นหัวหน้าลูกเรือมือฉมังที่สุดก็ไม่กล้ารับประกันว่าครั้งต่อไปจะไม่เกิดเรื่องขึ้นกับตนเอง แต่จ่ายเงินนิดๆ หน่อยๆ ก็เท่ากับได้รับการคุ้มครอง พอพวกโจรสลัดมีงานทำ ตนเองเดินเรือก็ปลอดภัยขึ้น พวกเจ้าของเรือย่อมเต็มใจเป็นธรรมดา โจรสลัดส่วนใหญ่ก็อยากทำงานนี้เพราะเมื่อเทียบกันแล้วมีรายได้แน่นอนและปลอดภัยมากกว่า ประกอบกับคนแซ่เจิ้งใช้วิธีในการจัดการควบคุม กวาดล้างพวกที่ไม่ยอมฟังคำสั่งยังคงปล้นเรือในแม่น้ำต่อไปจนไม่เหลือหลอ อีกทั้งยังเอาศีรษะที่ถูกตัดออกมีเลือดไหลหยดแขวนตากลมไว้ตรงปากแม่น้ำ สร้างความหวาดกลัวไปทั่วจนพวกนั้นพากันเชื่อฟังคำสั่งของเขา และเป็นอย่างนี้เรื่อยมาตลอดหลายปีนี้

พูดได้เลยว่าพวกที่ทำมาหากินอยู่ริมน้ำสองฝั่งทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ไม่ใช่แค่จากเขตเมืองซวี่ลงไปเท่านั้น ต่อให้เป็นตอนบนของแม่น้ำทั้งแถบ พอได้ยินชื่อของจ้าวมังกรเจิ้งก็ไม่มีใครไม่เห็นแก่หน้าเขา

กระนั้นการสัญจรทางน้ำในปัจจุบันก็สะดวกสบายขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นอาจจะมีคนมาจากถิ่นอื่นใหม่ๆ แล้วไม่รู้กฎก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้เยี่ยเสียนฉีถึงต่อว่าซูจงที่ไม่เอ่ยปาก

ซูจงพูดขึ้น “นายน้อยขอรับ เมื่อครู่ผมเข้าไปทักทายแล้ว ไม่พูดก็คือพูด พูดแล้วก็คือไม่ได้พูด”

เยี่ยเสียนฉีงุนงง “พูดไม่พูดอะไรกัน ก็ลุงไม่ได้พูดสักหน่อย”

ซูจงส่งเสียงเออออไปตามเรื่องสองคำ “ถึงแล้วๆ นายน้อยลงเรือก่อนเถอะ ผมจะไปนับสัมภาระ เผื่อตกหล่นอยู่บนฝั่ง”

เยี่ยเสียนฉีได้แต่เลิกราเท่านี้ เขากระโดดลงเรือแล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องเรือ เห็นญาติผู้น้องนั่งมองผืนน้ำข้างนอกอยู่ริมหน้าต่างราวกับมีความในใจ

เขาย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ก่อนยิ้มพรายขยับเข้าไปกระซิบข้างหูเธอ “เสวี่ยจื้อ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่มีทางไม่ตอบตกลงหรอก เธอชอบคุณฟู่คนนั้นไม่ใช่เหรอ กว่าฉันจะช่วยเธอสืบข่าวได้ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ เธอว่าบังเอิญหรือเปล่า ครึ่งปีหลังนี้เขาก็จะไม่อยู่ที่วิทยาลัยเดิมของเธอแล้วเหมือนกัน เพราะวิทยาลัยแพทย์ทหารบกที่เธอจะไปเข้าเรียนจ้างเขาเป็นอาจารย์แล้ว ถ้าเธอไม่ไปที่นั่น วันหลังจะมีโอกาสเจอหน้ากันอีกได้อย่างไร นี่เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาสจริงๆ คู่แล้วไม่แคล้วกัน”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้ามเวลามาเป็นแพทย์ทหารหญิง

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 1

บทที่ 1 สายฝน+ไหวพริบ ต้นฤดูใบไม้ผลิเมืองเซิ่งจิงมีฝนตกชุก ราวกับผ้าไหมผืนบางที่ปกคลุมผืนฟ้า ทำให้ลานที่รกร้างเงียบเหงาข...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 6

บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 2

บทที่ 2 ความสงสัย+คลื่นใต้น้ำ เจ้าเมืองหลี่ตามซูโม่อี้ออกไปแล้ว หลินหวั่นชิงเห็นเงาของเขาวิ่งอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าชุดทางการ...

คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่

ทดลองอ่าน คดีร้อนซ่อนปมรักแห่งศาลต้าหลี่ บทที่ 7.1

บทที่ 7.1 วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและ...

community.jamsai.com