บทที่ 1
แคว้นเยี่ยซย่า ลานล่าสัตว์หลวง
หรูเสี่ยวนันทรุดนั่งอยู่ในกรง ใช้เท้ากุมขมับพลางจ้องหนูตายตรงหน้าด้วยสายตาหมดอาลัยตายอยาก
“เจ้าว่าเพราะเหตุใดมันถึงยังไม่กิน นี่เพิ่งจับมาเลยนะ สดใหม่มาก…”
นอกกรงมีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ กำลังก้มหน้าพูดคุยกันด้วยความสงสัย
สดใหม่กับน้องสาวเจ้าสิ!
หากไม่มีกรงกั้น นางอยากจะเอาหนูตายตัวนี้ขว้างใส่หน้าพวกเขาเหลือเกิน
ต่อให้สดใหม่อย่างไรก็เป็นหนูนั่นล่ะ! นางยอมหิวตายแต่จะไม่กินของอย่างนั้นเข้าไปเด็ดขาด ถึงแม้ตอนนี้จู่ๆ นางก็กลายเป็นสัตว์ในตระกูลแมวที่น่าสงสารไปเสียแล้วก็ตาม
สามวันก่อน นางยังเป็นนักศึกษาเพิ่งจบใหม่เตรียมจะกลับบ้านเกิดไปรับช่วงกิจการของปู่อยู่เลย ไม่รู้ว่าเหตุใดพอหมุนกำไลหินห้าสีที่ปู่ทิ้งไว้ให้ก็ถูกแสงสว่างจ้าปกคลุมในทันที พอนางตื่นขึ้นมาอีกคราก็พบว่าตนเองมาถึงแคว้นโบราณแคว้นหนึ่งที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน และยังถูกขังไว้ในกรง มิหนำซ้ำยังกลายเป็นชะมดเช็ดสีดำทั้งตัว
“สามวันแล้วนะที่มันไม่กินอะไรเลย ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ต้องรอให้ฮ่องเต้ทรงเริ่มล่ามันคงหิวตายก่อนแล้ว”
“หรือบางทีอาจจะไม่ถูกปากมัน”
“เมื่อก่อนมันก็กินของเหล่านี้ไม่ใช่หรือ”
ชายหนุ่มสองคนข้างนอกปรึกษากันอย่างไม่สบายใจ
หรูเสี่ยวนันได้ฟังคำพูดเหล่านี้แล้วก็ทนไม่ไหวเอาหัวแตะที่ขอบกรง อ้าปากอาเจียนแห้งเป็นการใหญ่
ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วจะสามารถคายของที่กินไปก่อนหน้านี้ออกมาได้กระนั้น
ชายหนุ่มทั้งสองบ่นอยู่พักหนึ่งก็จากไป
หรูเสี่ยวนันหมอบอยู่มุมหนึ่งของกรงไม่ขยับ หนูตายตัวนั้นยังคงวางอยู่ตรงนั้น นางพยายามหลับตาลงไม่ไปคิดถึงการมีตัวตนของมัน
ยามนี้เองจู่ๆ นอกกรงก็มีเงาสีขาวแวบผ่าน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลายเป็นสัตว์แล้วใช่หรือไม่ ทำให้การตอบสนองของนางฉับไวขึ้นมาก นางหูตั้งขึ้นและเบิกตาโตอย่างระวังตัว
เงาสีขาวหายไปแล้ว แต่ในอากาศยังคงมีกลิ่นที่น่าสงสัยหลงเหลืออยู่
นางกำลังพยายามดมกลิ่น ในตอนนี้เองชายสองคนก็เดินกลับมา
“ครั้งนี้มันคงกินแล้วกระมัง” คนหนึ่งเปิดกรงแล้วโยนหนูเป็นตัวหนึ่งเข้ามา
ว้าย! หนูตัวเป็นๆ?!
หรูเสี่ยวนันขนลุกซู่ไปทั้งตัว