นางพยายามใช้กำลังอันน้อยนิดทั้งหมดแล้ว แต่หัวก็ยังยื่นออกมาไม่ได้เสียที
หรูเสี่ยวนันพลิกไปมาในกาน้ำชาจนเหนื่อยและหายใจหอบ
ชิงโม่เหยียนยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้านิ่งขรึม เขาเอียงหัวเหมือนกำลังตั้งใจฟังอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเขาก็ย่อตัวลง สายตาแหลมคมกวาดมองบนพื้น
ข้าวของหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เขายื่นมือไปหยิบกาน้ำชาขึ้นมา
“จี๊ดๆ” มีเสียงเบาหวิวดังออกมาจากในกาน้ำชา
ชิงโม่เหยียนมองไปที่กาน้ำชา เห็นเพียงปากแหลมที่มีขนฟูยื่นออกมาจากปากกาน้ำชาที่เล็กแคบ มือที่ถือกาน้ำชาก็หยุดชะงัก
หรูเสี่ยวนันเบิกดวงตาสีเขียวอย่างน่าสงสาร…
ช่วยข้าออกไปที ข้าติดอยู่ในนี้
ชิงโม่เหยียนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขามองสำรวจกาน้ำชาอย่างละเอียด “เจ้าเข้าไปได้อย่างไร”
หรูเสี่ยวนันหน้าเศร้า…อย่าสนใจรายละเอียดพวกนั้นได้หรือไม่
ชิงโม่เหยียนดึงผ้าห่มลงมาจากเตียง คลุมไว้บนกาน้ำชา จากนั้นใช้ด้ามกระบี่เคาะลงไปอย่างแรง
หรูเสี่ยวนันที่ตกลงไปอยู่ในความมืดรู้สึกว่ากาน้ำชาสั่นสะเทือน เกิดเสียงดังทีหนึ่ง ก่อนที่บนตัวกาน้ำชาจะมีรอยร้าวเกิดขึ้นหนึ่งรอย
ชิงโม่เหยียนดึงเศษกาน้ำชาออก ชะมดเช็ดสีดำตัวหนึ่งก็ปีนออกมาอย่างทุลักทุเล
เพราะในกาน้ำชาเดิมทีใส่น้ำชาไว้ครึ่งกา ดังนั้นหรูเสี่ยวนันจึงเปียกปอนไปทั้งตัว
สัญชาตญาณสัตว์ทำให้หลังจากมุดออกมาแล้วนางก็ออกแรงสะบัดขนอย่างแรง
พึ่บพั่บๆ
หลังฝนน้ำชาพ้นผ่าน นางก็เตรียมจะแสดงความขอบคุณ ‘เจ้านาย’ ที่ช่วยนางออกมาอย่าง ‘มีน้ำใจไมตรี’
ทว่าพอเงยหน้าขึ้นก็ตกใจที่เห็นชิงโม่เหยียนถูกน้ำชากระเซ็นใส่เต็มหน้า มิหนำซ้ำบนหน้าผากยังมีใบชาติดอยู่อีกด้วย…
“ถ้าไม่อยากตายก็อยู่สงบๆ” ชิงโม่เหยียนใช้ผ้าเช็ดหน้าก่อน จากนั้นค่อยเช็ดน้ำชาบนตัวนางจนสะอาด และไม่สนใจว่าขนบนตัวนางจะแห้งหรือยัง เขาก็ยกตัวนางขึ้นแล้วยัดใส่คอเสื้อทันที
แต่ครั้งนี้เขาระวังมาก ไม่ยอมให้เจ้าตัวเล็กมุดเข้าไปในเสื้อตัวกลางของตนเองได้อีก
“ฟังให้ดี นับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ ห้ามขยับและห้ามส่งเสียง” เขาออกคำสั่ง
หรูเสี่ยวนันพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ชิงโม่เหยียนรีบขยับจัดเสื้อผ้า แล้วตะโกนเรียกเสวียนอวี้ที่อยู่นอกประตูเข้ามา
“เก็บของ พวกเราไปกันเถอะ”
“ไป? ไปที่ใดขอรับ” เสวียนอวี้เอ่ยถามด้วยหน้าตาสงสัย
“กลับเมืองหลวง” ชิงโม่เหยียนหยิบหมวกม่านแพรมา ก่อนจะใช้ผ้าโปร่งสีดำติดหมวกปิดบังใบหน้าเอาไว้