ที่แท้เขาไม่ได้นอนหลับเลยหรือ
นางขยับตัวเล็กน้อย เป็นจริงดังคาด ชิงโม่เหยียนมองมาที่นางอย่างตื่นตัวในทันที มือที่จับนางเอาไว้เพิ่มแรงขึ้น
ชายหนุ่มผู้นี้กลัวว่านางจะแอบหนีไปตอนที่เขานอนหลับกระมัง
อันที่จริงนางไม่ต้องหนีไป เพียงแค่ห่างข้างกายเขาเล็กน้อยก็ทำให้พิษกู่ในร่างของเขากำเริบได้แล้ว
ย้อนคิดไปถึงตอนครั้งแรกที่นางเจอเขา ดวงตาน่ากลัวของเขาคู่นั้นคงเป็นอาการตอนพิษกู่กำเริบ สีเลือดพลุ่งพล่านนั้นคล้ายกับสัตว์ป่าตัวหนึ่ง
ท่าทางแบบนั้น…คงเจ็บมากกระมัง
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดตอนนางอยู่ข้างกายเขาจึงสามารถระงับพิษกู่ของเขาได้ แต่ตอนนี้นางต้องพึ่งพาเขา ดังนั้นนางจึงไม่คิดตระหนี่ที่จะเป็นยอดสตรีกู้แผ่นดินดูสักครั้ง
นางขยับเข้าไปในอ้อมกอดของชิงโม่เหยียน จากนั้นขยับตัวอยู่นานจึงพบตำแหน่งที่สบายตัวที่สุด แล้วขดตัวเป็นก้อนกลมอีกครั้ง
ชิงโม่เหยียนประหลาดใจมาก ตอนนอนทุกคืนเจ้าตัวเล็กจะไม่ยอมเข้าใกล้เขาเลย โดยเฉพาะผ่านเรื่องในวันนี้ เมื่อครู่เขายังคิดว่าจะหากรงมาขังมันไว้หรือใช้โซ่ล่ามมันไว้ดีหรือไม่
หรูเสี่ยวนันย่อมไม่รู้ถึงความคิดของชิงโม่เหยียน หากรู้นางคงจะตวัดกรงเล็บข่วนหน้าเขาให้เป็นเส้นมันฝรั่งแน่นอน
ชิงโม่เหยียนรับรู้ว่าเจ้าก้อนฟูในอ้อมกอดหลับสนิทไปแล้วจากการหายใจของมัน ก่อนที่กลิ่นชะมดเช็ดจางๆ กลุ่มหนึ่งจะค่อยๆ กระจายออกมาจากตัวมัน
เขาเอียงคอแนบหน้าไปบนแผ่นหลังที่มีขนฟูของมัน ความกังวลในใจค่อยๆ จางหายไป
ตอนเช้ายามที่เสวียนอวี้เข้ามาก็มองหนึ่งคนหนึ่งสัตว์นอนอิงกันหลับสนิทด้วยความประหลาดใจ
ในดวงตาเสวียนอวี้มีไออุ่นขึ้นมาทันใด
กี่ปีมาแล้วที่พิษกู่ในร่างของซื่อจื่อกำเริบทุกๆ สิบวัน หลังจากตะวันตกดินในวันที่สิบพิษก็จะกำเริบขึ้นมา และสิ้นสุดลงเมื่ออาทิตย์ขึ้นในวันถัดมา
การนอนหลับสนิทอย่างสบายใจเช่นนี้เป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้น
“ซื่อจื่อ…” เสวียนอวี้ส่งเสียงเรียกเบาๆ
ดวงตาของชิงโม่เหยียนเปิดขึ้นในทันที ดวงตาที่ตาขาวตาดำแยกชัดเจนกระจ่างใสอย่างมาก ไม่เหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอนเลย
“มีเรื่องอะไร” ชิงโม่เหยียนลุกนั่ง มองดูชะมดเช็ดตัวน้อยที่ยังคงนอนหลับอยู่
“มีคนจากศาลต้าหลี่มาขอรับ” เสวียนอวี้มีสีหน้าลังเล “อีกอย่าง…ท่านโหวส่งคนมา แจ้งว่าให้ท่านไปหาขอรับ”