นอกคลังเก็บของโกลาหล เวลาผ่านไปราว ฉางเฮิ่นจึงเดินเข้ามาถึง
“คารวะท่านตุลาการใหญ่”
ตุลาการใหญ่ชี้ไปทางเนื้อเน่าที่ถูกชิงโม่เหยียนใช้กระบี่เขี่ยขึ้นมาชิ้นนั้นพลางเอ่ย “เจ้ามาดูซิว่านี่คืออะไร”
ตอนฉางเฮิ่นเห็นของสิ่งนี้ก็ตกใจเช่นกัน แต่นางเป็นหมอ อยู่ที่ศาลต้าหลี่ก็เคยทำงานชันสูตรมาบ้างเช่นกัน นางเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนจะกล่าวตอบ “ท่านตุลาการใหญ่ นี่คือหัวใจคน ดูจากระดับความเน่าเปื่อยน่าจะราวครึ่งเดือนกว่าแล้ว…” นางหยิบมีดแหลมเล็กเล่มหนึ่งออกมา อาศัยแสงไฟเขี่ยดูหัวใจดวงนั้น แล้วร้องออกมาทันใด “เอ๋? ตรงนี้เหมือนจะมีอะไรอยู่”
ทุกคนกรูเข้าไปดู เห็นฉางเฮิ่นใช้มีดเล็กเขี่ยดูสักพักจึงมีของสิ่งหนึ่งตกลงมาจากหัวใจนั้น
เสวียนอวี้ยกถาดมา ฉางเฮิ่นวางของสิ่งนั้นไว้ในถาด
หรูเสี่ยวนันยืดคอมองไป เห็นว่านั่นคือม้วนกระดาษเล็กๆ บนนั้นเปื้อนไปด้วยเลือด
ฉางเฮิ่นลงมือด้วยความระมัดระวังอยู่นานจึงเอาม้วนกระดาษออกมาได้สำเร็จ
ตอนที่หรูเสี่ยวนันเห็นตัวอักษรบนม้วนกระดาษก็ตัวสั่น ขยับร่างเข้าหาชิงโม่เหยียนทันที
ชิงโม่เหยียนก้มหน้าลงดูมันแวบหนึ่ง ดวงตาสีเขียวคู่นั้นเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวเล็กซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่ ดูท่าทางของมันแล้วเหมือนจะรู้เรื่องทุกอย่างนี้เป็นอย่างดี
“สิ่งที่เขียนบนนี้คือ…ชะตาแปดอักษร” ฉางเฮิ่นอาศัยแสงไฟดูแล้วพูดออกมา
ตุลาการใหญ่รีบเอ่ยขึ้นว่า “เชิญเจ้าหน้าที่จดบันทึกกู้เซียนเซิงมา ให้เขาไปตรวจดูชะตาแปดอักษรของจี๋ฟู่ด้วย”
เจ้าหน้าที่ในศาลต้าหลี่ทุกคนล้วนมีข้อมูลเก็บไว้ที่ฝ่ายทะเบียนสาร ตอนจี๋ฟู่ไม่อยู่กู้เซียนเซิงแบ่งรับงานส่วนนี้ไปดูแล
ไม่ช้าชะตาแปดอักษรของจี๋ฟู่ก็ถูกส่งมา มันเหมือนกับบนม้วนกระดาษโดยสิ้นเชิง
“หัวใจที่ใกล้เน่าดวงนี้…คงไม่ได้เป็นของจี๋ฟู่หรอกนะ” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโพล่งประโยคนี้ออกมา
ลมกลางคืนพัดมา โคมไฟเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง แผ่นหลังทุกคนรู้สึกเย็นวูบวาบในทันใด
หรูเสี่ยวนันขดตัวแน่นขึ้น แทบจะขดเข้าไปอยู่ในเสื้อของชิงโม่เหยียนทั้งตัวแล้ว
คนอื่นเพียงแค่มีความสงสัยนี้ แต่นางรู้ดีที่สุดว่าหัวใจดวงนี้เป็นของจี๋ฟู่อย่างไม่ต้องสงสัย
หากใช้วิชาสะกดวิญญาณ ต้องควักหัวใจตอนที่คนยังมีชีวิตอยู่ แล้วใช้วิชามารส่งชะตาแปดอักษรเข้าไปเก็บข้างในหัวใจ จากนั้นก็สามารถควบคุมใช้งานได้ตามใจ
ก่อนหน้านี้หรูเสี่ยวนันเคยได้ยินปู่พูดถึงวิชามารนั้น ทุกครั้งที่พูดถึงจอมเวทเฒ่าก็จะมีสีหน้าชิงชังรังเกียจมาก เดิมทีนางคิดว่าปู่จงใจขู่ให้นางกลัว ตอนนี้ดูไปแล้วนี่เป็นวิชามารที่น่ากลัวมากอย่างหนึ่งจริงๆ
ตอนตุลาการใหญ่ส่งคนไปจัดการเรื่องนี้ต่อ ชิงโม่เหยียนก็หาข้ออ้างว่าสุขภาพไม่ดี พาหรูเสี่ยวนันออกไปก่อน
“ท่านโหวส่งคนมาเชิญท่านกลับไปอีกแล้วขอรับ” เสวียนอวี้เอ่ยขึ้น ก่อนโน้มน้าวผู้เป็นนาย “วันมะรืนเป็นวันเกิดท่านโหว ท่านจะไม่ไปปรากฏตัวไม่ได้นะขอรับ”
ชิงโม่เหยียนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็กล่าวตอบ “รู้แล้ว อีกครู่ข้าจะกลับไป” จากนั้นเขาอุ้มหรูเสี่ยวนันเดินเข้าห้องหนังสือไปก่อน
หรูเสี่ยวนันโผล่ครึ่งหน้าออกมาจากเสื้อของเขา สีหน้าซึมเศร้าอย่างมาก
“เจ้ารู้อะไรกันแน่” ชิงโม่เหยียนพูดเสียงเข้ม มองนางตาเขม็ง
หรูเสี่ยวนันเผยอปากแสร้งทำท่าทางโง่เซ่อ…เจ้านาย ท่านพูดอะไร ข้าฟังไม่เข้าใจ
ชิงโม่เหยียนแววตาอึมครึมลง “ข้าไม่อนุญาตให้สัตว์เลี้ยงของข้ามีความลับอะไร…หรือเจ้าคิดว่าหลังจากนี้อยากให้ข้าเพิ่มสิ่งมีชีวิตเข้าไปในอาหารทั้งสามมื้อของเจ้าดีล่ะ”
ปากของหรูเสี่ยวนันอ้ากว้างยิ่งขึ้น ให้ตายสิ เขาเป็นพวกร้ายลึกแท้ๆ ก่อนหน้านี้เหตุใดนางจึงไม่รู้นะ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 23 มิ.ย. 64 เวลา 12.00 น.