“ทังเซียนเซิง ข้าจำได้ว่าเมื่อคืนหุ่นไม้ตัวนี้ถูกวางไว้ในคลังเก็บของชั่วคราว”
“ขอรับ…” ทังเซียนเซิงตกใจ หุ่นไม้ตัวนี้ถูกเก็บไว้ในคลังเก็บของเพื่อเป็นหลักฐานในการตามหาจี๋ฟู่ที่หายตัวไป ตอนนั้นเขาและเสวียนอวี้เป็นคนนำมันมาเก็บไว้เอง
“แล้วมันวิ่งไปอยู่ในห้องหนังสือของตุลาการใหญ่ได้อย่างไร” ชิงโม่เหยียนขมวดคิ้วเอ่ย
ทังเซียนเซิงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เพราะเขาเองก็ยังงุนงงอยู่เหมือนกัน “ทางคลังเก็บของได้ตรวจสอบแล้ว เมื่อคืนไม่มีใครลอบเข้าไป กุญแจก็ยังอยู่…แต่เจ้าหน้าที่เฝ้ายามบอกว่าพวกเขาเห็นชะมดเช็ดของใต้เท้าตัวนั้นไปอยู่ในห้องหนังสือ…”
ชิงโม่เหยียนหัวเราะเย็นชา “ท่านคิดว่ามันเอาหุ่นไม้ออกมาหรือ”
ชะมดเช็ดตัวหนึ่งมีความสามารถเท่าใดจึงขโมยของออกมาจากในคลังเก็บของของศาลต้าหลี่ได้เล่า
ทังเซียนเซิงจึงหมดคำพูดไปในทันที
แท้จริงแล้วคลังเก็บของของศาลต้าหลี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา หากไม่มีกุญแจ ไม่มีทางเข้าไปได้แน่นอน
“เมื่อคืนเจ้าหน้าที่เฝ้าคลังเก็บของก็อยู่ ไม่มีใครพบความผิดปกติอะไร” ทังเซียนเซิงพูดอย่างจนใจ “คง…ไม่ใช่ผีหรอกนะ”
ชิงโม่เหยียนกับทังเซียนเซิงพูดงานสำคัญเสร็จดวงตะวันข้างนอกก็ลอยขึ้นสูงมากแล้ว
หรูเสี่ยวนันหมอบอยู่บนขอบหน้าต่างกำลังหาวไม่หยุด
ชิงโม่เหยียนก็ทรมานไม่ได้นอนมาหนึ่งคืน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเคยชินกับการใช้ชีวิตไม่มีกฎเกณฑ์เช่นนี้แล้ว หลังจากส่งทังเซียนเซิงกลับแล้วก็จัดการกับเอกสารต่อ
หรูเสี่ยวนันอ้าปากหาวอีกครั้ง ดวงตาสีเขียวมีน้ำตารื้น นางง่วงนอนมาก แต่ท้องก็ร้องไม่หยุด จึงแอบมองหน้าชิงโม่เหยียน พบว่าเขาก้มหน้าทำงานที่โต๊ะอย่างตั้งใจ ดูเหมือนจะลืมนางไปเลย
จ๊อกๆ…
ยามนี้เองท้องของนางก็ร้องประท้วงอย่างไม่เกรงใจ หรูเสี่ยวนันเลียปาก ช่วยไม่ได้ หากเจ้านายไม่เตรียมอาหารให้ นางคงต้องคิดหาวิธีเอง
หรูเสี่ยวนันพลิกตัว กระโดดออกนอกหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว
เสวียนอวี้ที่ยืนอยู่ตรงประตูเห็นเงาดำวูบผ่าน ตอนที่เขาถือถาดอาหารเดินเข้ามา เงาดำนั้นก็วิ่งหายลับไปแล้ว
“ซื่อจื่อ กินอาหารเถอะขอรับ” เสวียนอวี้พูดกล่อม
ชิงโม่เหยียนวางพู่กันลง ทันใดนั้นก็เห็นบนขอบหน้าต่างตรงหน้าว่างเปล่าเสียแล้ว
“เจ้าตัวเล็กล่ะ”
เสวียนอวี้วางถาดลงพลางเอ่ยตอบ “วิ่งออกไปเมื่อครู่นี้ขอรับ”
ชิงโม่เหยียนขมวดคิ้ว การกินสำหรับเจ้าตัวเล็กพูดได้ว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง มันจะวิ่งออกไปโดยไม่สนใจกินอะไรได้อย่างไร