“ไปหาตัวมันกลับมา” ชิงโม่เหยียนพูด ไม่รู้เป็นอย่างไร พอไม่เห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก เขาไม่อยากอาหารเลย
เสวียนอวี้ปากพูดรับคำ แต่ในใจบ่นว่า ซื่อจื่อสนใจเจ้าชะมดเช็ดตัวนี้มากเกินไปกระมัง
แม้ว่าเขาจะชอบมันเพราะมันสามารถระงับพิษกู่ในตัวซื่อจื่อได้ แต่เอามันไปทำเป็นถุงหอมเลยไม่สะดวกกว่าหรือ เอาแต่ให้จับตาดูมันทุกวันเช่นนี้ ทั้งยังต้องกังวลว่ามันจะหนีไปอีก…
ด้วยเขาคิดเช่นนี้ ฝีเท้าที่เดินออกไปจึงช้าไปครึ่งจังหวะ
ชิงโม่เหยียนสีหน้าเคร่งเครียดในทันที
เสวียนอวี้จึงรีบเร่งฝีเท้า วิ่งเร็วออกจากประตูไป
หรูเสี่ยวนันวิ่งออกไปในสวนนอกห้องหนังสือนานแล้ว หลังเดินวนอยู่หลายรอบ ดมกลิ่นในอากาศอยู่บ่อยครั้ง ก็พบว่ามีกลิ่นหอมจางๆ ของอาหารลอยมากับสายลม
ดวงตามันเปล่งประกายในทันที ก่อนจะเดินไปตามกลิ่นหอมนั่น กระโดดข้ามกำแพงหลายกำแพงและมาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง
ยามที่มันยืนอยู่บนกำแพง มันเห็นคนงานผู้หนึ่งของศาลต้าหลี่ถือถังไม้ใส่ข้าวเข้าไปในห้องที่อยู่ตรงหน้า
หรูเสี่ยวนันมองไปซ้ายขวาอย่างละเอียด รู้สึกว่าที่นี่เหมือนจะเป็นคลังเก็บของแห่งหนึ่ง
จากนั้นกระโดดลงจากกำแพงและเดินไปตามมุมกำแพง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างในประตู
“เอ๋? เหตุใดเจ้าเอาหุ่นไม้ตัวนี้ออกมาจากคลังเก็บของล่ะ นี่เป็นของที่รองตุลาการเพิ่งส่งมาเช้านี้…”
หรูเสี่ยวนันชะงักไป เหมือนถูกสะกดอยู่กับที่
เพราะขนของนางเป็นสีดำ ดังนั้นหลบอยู่ที่มุมกำแพงจึงไม่สะดุดตาอะไร
ชายในชุดคนงานผู้หนึ่งเดินออกนอกประตูมา เขาเดินขาแข็งเกร็งอย่างเห็นได้ชัด มือยังถือหุ่นไม้ที่มีไอเย็นเยือกซึ่งนางเกลียดชังที่สุดตัวนั้นไว้ด้วย
“นั่นเจ้าจะไปที่ใด” มีคนงานไล่ตามออกมาจากด้านใน
ชายหนุ่มที่ถือหุ่นไม้กลับเหมือนไม่ได้ยิน เดินต่อไปข้างหน้าราวกับกำลังอยู่ในห้วงฝัน
หรูเสี่ยวนันหูตั้งอย่างระวังตัว ร่างแข็งเกร็งพร้อมกับกางกรงเล็บออก
หรูเสี่ยวนันยังจำสิ่งที่ปู่เคยบอกได้ เบื้องหลังไอเย็นแบบนี้มักจะเปื้อนไปด้วยเลือด เป็นของชั่วร้ายอย่างหนึ่ง
ตอนปู่ยังอยู่ หรูเสี่ยวนันไม่เคยเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ตอนนี้คิดแล้วก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา
หรูเสี่ยวนันตามชายหนุ่มที่ถือหุ่นไม้ออกจากลานคลังเก็บของ พอไปถึงข้างนอกกลับไม่พบร่องรอยของคนผู้นั้นแล้ว