แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นเพียงสัตว์ตัวหนึ่ง แต่ชิงโม่เหยียนก็ดูแลนางดีมาก ทุกวันจะพานางไปอาบน้ำ ดังนั้นบนตัวนางจึงไม่มีกลิ่นแปลกอะไรเลย และยังมีกลิ่นชะมดเช็ดจางๆ ด้วย
ยามนี้เองมีเสียงสาวใช้ดังลอยมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก “เมื่อครู่ได้ยินหมาเฝ้าจวนเห่า หรือชะมดเช็ดจะถูกหมากัดไปแล้ว”
หรูเสี่ยวนันมองเจ้าหมาใหญ่โง่เซ่ออย่างเห็นใจ “เจ้านี่เป็นตัวดึงดูดปัญหาจริงๆ”
เจ้าหมาหายใจหอบแรง ยังคงมีแววตาอบอุ่นเป็นมิตรดังเดิม
ช่างเป็นหมาโง่ตัวหนึ่ง เพราะครั้งก่อนนางช่วยขอร้องให้มัน ดังนั้นมันจึงจำความดีของนางไว้นั่นเอง
หรูเสี่ยวนันจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นหลังมัน “รีบวิ่ง อย่าให้พวกนั้นจับข้าได้”
เจ้าหมาส่งเสียงร้องดีใจ ก่อนจะพาหรูเสี่ยวนันวิ่งหายไปในพุ่มดอกไม้
ณ เรือนหน้าของจวนโหว
งานวันเกิดเริ่มขึ้น แขกเหรื่อทุกคนมารวมตัวกัน
ชิงโม่เหยียนพูดคุยรับรองแขก ดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก
ท่านโหวเป็นเจ้าของวันเกิดวันนี้ เขาดื่มสุราไปไม่น้อย แก้มแดงระเรื่อ กำลังพูดคุยกับสหายสนิทสนมที่อยู่ข้างกาย
ในกลุ่มหญิงสาวมีคนลอบมองชิงโม่เหยียนอยู่บ่อยครั้งพลางพูดคุยกระซิบกระซาบกัน
“นั่นคือบุตรชายคนโตของท่านโหวสินะ…รองตุลาการศาลต้าหลี่”
“ได้ยินว่าระยะนี้ท่านโหวกำลังวุ่นวายเรื่องการแต่งงานของเขาอยู่”
“รองตุลาการแล้วอย่างไร เขาสืบทอดตำแหน่งท่านโหวไม่ได้ ก็แค่ดูสง่างามเพียงเปลือกนอกเท่านั้น”
กฎของแคว้นเยี่ยซย่าคือบุตรชายของท่านโหวไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งของเขาได้โดยตรง ต้องให้ฮ่องเต้แต่งตั้ง ดังนั้นแม้ว่าชิงโม่เหยียนจะเป็นซื่อจื่อ ก็เป็นเพียงชื่อตำแหน่งลอยๆ สุดท้ายจะให้ใครมารับสืบทอดตำแหน่งท่านโหวยังต้องฟังคำของฮ่องเต้
ชิงโม่เหยียนหลุบตาลง คำกระซิบกระซาบนินทารอบข้างเหล่านั้นเขาล้วนได้ยินเต็มสองหู หากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะวางจอกสุราแล้วจากไป แต่วันนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อของเขา เขาทำเช่นนั้นไม่ได้…
ในตอนนี้เองพวกสาวใช้ก็เริ่มยกอาหารใหม่มาวาง
ชิงโม่เหยียนเงยหน้าขึ้นกวาดตาไปรอบๆ อย่างไม่ใส่ใจ สายตาก็พลันไปหยุดลงที่จุดหนึ่ง
กลางพุ่มดอกไม้ด้านหลังงานเลี้ยงมีหัวหมาตัวหนึ่งกับหัวชะมดเช็ดตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
งานเลี้ยงคึกคักมาก ทุกคนชนจอกสุรากันอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้าสัตว์ขนปุยที่ทำลับๆ ล่อๆ สองตัวนี้
หมายืดคอขึ้นแล้วขยับไปข้างโต๊ะตัวหนึ่ง ทันใดนั้นก็มุดลงไปใต้โต๊ะ
จู่ๆ แขกที่โต๊ะนั้นก็รู้สึกว่าใต้เท้ามีขนปุยๆ ปัดผ่าน ทุกคนจึงก้มลงดูใต้โต๊ะ
ยามนี้เองที่ชะมดเช็ดฉวยโอกาสกระโดดขึ้นโต๊ะ คาบของกินในจานไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็กระโดดกลับไปกลางพุ่มดอกไม้ข้างหลังตามเดิมแล้ว
พอชิงโม่เหยียนเห็นฉากนี้แล้ว ตัวก็แข็งเป็นหินไปทั้งตัว
เขามองไม่ผิด ‘โจรน้อย’ ที่กระโดดขึ้นขโมยอาหารบนโต๊ะก็คือสัตว์เลี้ยงของเขา
จนกระทั่งร่างของหรูเสี่ยวนันหายลับไปจากสายตาของเขา ชิงโม่เหยียนจึงเอนพิงเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง ยกมือกุมขมับ
เขาผิดไปแล้ว รู้อยู่แล้วว่าเจ้าตัวเล็กไม่อยู่เฉย เขาควรจะเอามันมาอยู่ข้างกาย
“เสวียนอวี้…” เขาเรียกเสียงเบา
“ซื่อจื่อ”
“เอาจานเปล่ามาใบหนึ่ง”
“อะไรนะขอรับ” เสวียนอวี้คิดว่าตนเองฟังผิด
ชิงโม่เหยียนนวดขมับด้วยรู้สึกปวดหัวพลางเอ่ยสั่งการว่า “เร็วเข้า ก่อนที่มันจะก่อเรื่อง…เลือกอาหารจำนวนหนึ่งไปวางในพุ่มดอกไม้ตรงหน้านั่น”