ชิงโม่เหยียนเจอคนที่แสร้งมีคุณธรรมมาจนชิน ตอนนี้เห็นท่าทางโมโหโกรธาของเจ้าตัวเล็ก เขาจึงยิ่งรู้สึกถึงความล้ำค่าของมัน เขามองแค่เพียงแวบเดียวก็รู้ว่ามันคิดอะไรในใจ ความชอบของมันล้วนปรากฏอยู่บนใบหน้า แม้แต่การโกหกหรือแกล้งโง่ล้วนหนีไม่พ้นสายตาของเขา
จิตใจบริสุทธิ์ แต่กลับไม่เหมาะจะมีชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้
ชิงโม่เหยียนเอามือกดหัวเล็กของหรูเสี่ยวนัน ผลักนางเข้าไปในอกเสื้อ
ท่านโหวเงยหน้าขึ้นเห็นชิงโม่เหยียนเดินเข้ามา ถ้วยชาในมือก็ถูกเขาขว้างส่งมาในทันที
ชิงโม่เหยียนเอี้ยวตัวหลบ
ท่านโหวโมโหในทันที “คิดจะสู้หรือ ยังกล้าหลบอีก!”
ชิงโม่เหยียนพูดเสียงเย็นชาขึ้นว่า “พรุ่งนี้ข้ายังต้องกลับไปทำงานที่ศาลต้าหลี่ ถ้าท่านทำหัวแตก กลับไปแล้วคงต้องถูกคนถาม คนนอกล้วนรู้ว่าข้ายังไม่ได้แต่งงาน ในจวนไม่มีแม้แต่อนุ ย่อมต้องคิดมาถึงตัวท่าน ลือออกไปไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของท่าน ข้าเองก็คิดแทนท่านพ่อ…”
ท่านโหวริมฝีปากกระตุกหลายที
หากพูดถึงเรื่องในแวดวงขุนนาง เขามักจะพูดเอาชนะชิงโม่เหยียนไม่ได้
ท่านโหวอยู่ในช่วงตกต่ำนานแล้ว เขาก็เป็นแค่ขุนนางที่ไร้อำนาจ แม้แต่จะเข้าวังยังต้องรอให้ฮ่องเต้เรียกพบ จะเหมือนบุตรชายผู้นี้ได้อย่างไร ชิงโม่เหยียนได้รับตำแหน่งเป็นรองตุลาการที่ศาลต้าหลี่ ทั้งการเข้าวังก็ราวกับเข้าไปในเรือนชั้นในของบ้านตนเอง กอปรกับตุลาการใหญ่ศาลต้าหลี่ก็ชื่นชอบบุตรชายผู้นี้ของเขาอย่างมาก แม้แต่เขาตาเฒ่าผู้นี้ยังทำอะไรบุตรชายไม่ได้เลย
“ข้าขอถามเจ้า ที่จวนสกุลจางเกิดคดีถึงชีวิตขึ้นหรือ” ท่านโหวถามอย่างโมโห
ชิงโม่เหยียนไม่ได้ตอบตามตรง “คดีนี้มอบให้ศาลต้าหลี่รับช่วงต่อแล้ว ไม่เหมาะจะแจ้งให้คนนอกรู้ขอรับ”
ท่านโหวถูกคำพูดอุดคอไว้ตรงนั้น สิ่งที่ชิงโม่เหยียนพูดออกมานั้นไม่ผิด คดีของศาลต้าหลี่คนนอกไม่มีสิทธิ์จะไปสอบถาม
ท่านโหวขบกรามก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าคดีของจวนสกุลจางไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า”
ชิงโม่เหยียนสีหน้าดวงตาเคร่งเครียดขึ้นทันใด “ท่านพ่อพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าไม่อยากแต่งงานกับจวนสกุลจาง ดังนั้นจึงลอบส่งคนไปสังหาร!”
ชิงโม่เหยียนหัวเราะเย็นชา “ท่านพ่อมองข้าสูงเหลือเกิน ใต้เท้าจางเป็นขุนนางราชสำนัก ข้าจะกล้าแตะต้องเขาได้อย่างไรกันขอรับ”
“เจ้ากล้าพูดหรือว่าไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าแม้แต่น้อย” ท่านโหวไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด
ชิงโม่เหยียนยิ้มเศร้า “เหตุใดท่านพ่อจึงไม่เชื่อข้า”
ท่านโหวนิ่งเงียบไปเล็กน้อย
ชิงโม่เหยียนจึงพูดต่อว่า “ข้าก็แค่อยากถามให้ชัดเจนว่าเหตุใดท่านพ่อต้องคอยหาเรื่องข้าทุกอย่าง มีตรงไหนที่ข้าทำให้ท่านไม่ถูกใจหรือ”
ท่านโหวหัวเราะแห้งก่อนจะกล่าว “ในเมื่อเรื่องของจวนสกุลจางไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เช่นนั้นก็แล้วไปเถอะ อีกสองสามวันข้าค่อยหาบ้านอื่นไปพูดทาบทามให้ก็แล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากตอบคำถามของชิงโม่เหยียน