บทที่ 10
“คนในจวนล้วนบอกว่าท่านแม่ข้าก่อนคลอดข้าก็ได้รับพิษนี้ หลังจากคลอดข้าแล้วก็ตายจากไป พิษกู่นี้จึงเหลืออยู่ในตัวของข้า…แต่ตอนนี้ข้ายังหาไม่เจอว่าท่านแม่ฝังอยู่ที่ใด ทุกครั้งที่ถามเรื่องนี้กับท่านพ่อ เขาก็จะโมโหมากทันที สุดท้ายต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันอย่างไม่มีความสุข”
หรูเสี่ยวนันตะลึงงันอยู่ตรงนั้น นางรู้ว่าชิงโม่เหยียนไม่ได้นอนหลับ ตอนนี้ที่นี่นอกจากนางแล้วไม่มีคนอื่นอีก แสดงว่าเขาตั้งใจพูดคำพูดเหล่านี้กับนาง
ตอนเริ่มต้นนางยังระแวดระวังตัว แต่จากการเล่าเรื่องของชิงโม่เหยียน นางก็ค่อยๆ กลั้นลมหายใจ
แม้ก่อนหน้านี้นางเคยเดาว่าความสัมพันธ์ของท่านโหวกับเขาไม่ค่อยดีนัก แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสภาพการณ์เช่นนี้
ชิงโม่เหยียนกับคุณชายรองไม่ได้เกิดจากแม่เดียวกัน แต่พวกเขาล้วนสูญเสียแม่ที่ให้กำเนิดไป ท่านโหวปกติหากไม่สบอารมณ์ก็จะเอาบุตรชายทั้งสองคนมาระบายอารมณ์ ชิงโม่เหยียนสู้เพื่ออนาคตของตนเองสำเร็จ จึงนับว่าหนีจากการควบคุมของท่านพ่อของเขาได้ชั่วคราว แต่คุณชายรองกลับทำไม่ได้ ดังนั้นชิงโม่เหยียนจึงมีความสงสารในตัวน้องชายผู้นี้อยู่หลายส่วน
หลายปีมานี้ชิงโม่เหยียนสืบค้นเรื่องมารดาที่ให้กำเนิดตนเอง รวมถึงค้นหาตัวยาเหนี่ยวนำในการถอนพิษด้วย
อยากจะถอนพิษกู่นั้นยากมาก แค่ตัวยาเหนี่ยวนำที่ต้องหาก็มีไม่ต่ำกว่าหลายสิบชนิด ชาตินี้เป็นไปได้มากว่าเขาคงต้องตายไปด้วยสิ่งนี้
“…ดังนั้นจึงบอกว่าก่อนหน้าที่ยังไม่ได้เจอเจ้า ข้าก็เตรียมจะยกเลิกการไปค้นหาตัวยาเหนี่ยวนำแล้ว” ชิงโม่เหยียนลืมตาขึ้น มองดูเจ้าตัวเล็กที่ขยับเข้ามาใกล้เขาอย่างไม่รู้ตัว
“จี๊ดๆ” คิดไม่ถึงว่า…ท่านจะน่าสงสารเหลือเกิน
หรูเสี่ยวนันยื่นอุ้งเท้าไปอย่างเห็นใจ เดิมทีคิดจะวางพาดไหล่ของเขา แต่นางพบว่าขาสั้นเล็กของตัวเองยื่นไปไม่ถึง ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนมาเป็นพาดไว้บนแขนของเขาแทน
อย่าเศร้าใจไปเลย มีข้าอยู่ ข้าไม่ปล่อยให้ท่านเป็นอะไรไปแน่นอน
นางแตะตัวเขาเหมือนจะสื่อว่า ‘วางใจได้ ยังมีข้าอยู่’
ชิงโม่เหยียนดูกิริยาของเจ้าตัวเล็กแล้วก็อดแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ เขายื่นมือไปจับตัวนางมาแล้ววางลงบนตัว
ชะมดเช็ดน้อยปากพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ แม้ชิงโม่เหยียนจะฟังไม่เข้าใจ แต่เขายังรับรู้ได้ถึงจุดประสงค์ที่ดีของมัน เจ้าตัวเล็กคงอยากจะปลอบใจเขาสินะ
แท้จริงแล้วแม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเล่าเรื่องในใจให้มันฟัง ชิงโม่เหยียนบีบอุ้งเท้าอ่อนนุ่ม บางมุมในหัวใจอ่อนลงไปส่วนหนึ่ง
ชิงโม่เหยียนพักอยู่ในจวนเพียงคืนเดียว วันรุ่งขึ้นก็นำหรูเสี่ยวนันกลับไปที่ศาลต้าหลี่
คดีหุ่นไม้หน้าหยกถูกหยิบยกขึ้นมา เพราะคดีเลือดของจวนสกุลจาง เรื่องนี้แม้แต่ฮ่องเต้ก็ถูกทำให้ตกพระทัย ก่อนจะรีบเรียกตัวตุลาการใหญ่เข้าวังไปสอบถามเรื่องคดีนี้เพิ่มเติม
ขุนนางราชสำนักตายอย่างมีเงื่อนงำ ฮ่องเต้ย่อมต้องจัดการอย่างเข้มงวด มีพระบัญชาให้ตรวจสอบอย่างเต็มที่
ผ่านไปสองวัน คนที่ส่งออกไปในที่สุดก็ส่งข่าวมา พวกเขาหาร้านค้าในเมืองที่ขายหุ่นไม้นั้นโดยเฉพาะเจอแล้ว
ตุลาการใหญ่ส่งคนออกไปร่วมกับเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการซุ่นเทียนและให้เดินทางไปพร้อมกัน ทว่าจนกระทั่งฟ้ามืด คนเหล่านั้นก็ยังไม่กลับมาเสียที
ตุลาการใหญ่ส่งคนออกไปสืบเรื่องอีกครั้ง แต่คนที่ส่งออกไปเหล่านั้นก็ไร้ข่าวคราวเช่นกัน
ตุลาการใหญ่โมโหมาก “ก็แค่ร้านหุ่นไม้เล็กๆ แห่งหนึ่ง เหตุใดจึงนำตัวคนมาไม่ได้ ส่งคนไปอีก!”
ตอนชิงโม่เหยียนได้รับคำสั่ง เขากำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือของตนเองที่จวนโหว ส่วนหรูเสี่ยวนันขดตัวนอนหลับสนิทอยู่ไม่ไกล
ชิงโม่เหยียนเปลี่ยนเสื้อผ้าและนำเสวียนอวี้ออกมาจากจวน