จากการคาดการณ์ของนาง พวกเขาคงจะไปทำงานที่ศาลต้าหลี่ แต่ที่ผ่านมาแม้ชิงโม่เหยียนจะไปศาลต้าหลี่ก็จะพานางไปด้วยเสมอ
ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่นอน
แม้ยามนี้จะมีอาหารวางอยู่เบื้องหน้านางก็ไม่รู้สึกอยากกินแล้ว จึงเพียงรีบกินไปไม่กี่คำก็กลับไปที่ห้องหนังสือของชิงโม่เหยียน และกระโดดขึ้นเตียงไปนอนขดตัว
“แมวเหมียววันนี้เชื่อฟังดีมาก”
“พวกเจ้าอย่าประมาทไป จับตามองไว้ให้ดี อย่าให้ซื่อจื่อกลับมาแล้วหามันไม่เจอ”
เสียงพูดของสาวใช้ดังลอยเข้ามาจากนอกประตู หูของหรูเสี่ยวนันกระดิกเล็กน้อยรับฟังอย่างตั้งใจ
เห็นทีชิงโม่เหยียนคงไม่อยู่ในจวนจริงๆ
นางหมอบอยู่บนเตียงไม่ขยับ ฟังความเคลื่อนไหวข้างนอกต่อ
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม สาวใช้ข้างนอกคิดว่านางนอนแล้วจึงปิดประตูเบาๆ
พอประตูปิดลง หรูเสี่ยวนันก็ลุกพรวดขึ้นมาทันใด ก่อนจะวิ่งตรงไปที่หน้าต่าง ใช้อุ้งเท้าผลักเปิดหน้าต่าง และกระโดดออกนอกห้องหนังสือไปอย่างไร้เสียง
หรูเสี่ยวนันอาศัยความมืดหลบเข้าไปในกอหญ้า
บ่าวไพร่ที่เฝ้ายามในบริเวณนั้นไม่มีใครเห็นนางแม้แต่น้อย
นางแอบวิ่งไปที่มุมกำแพงของสวนพลางมองไปรอบๆ “นี่ เจ้าหมาโง่ เจ้าอยู่ไหม”
ในความมืดมีเงาขนาดใหญ่กระโดดออกมาอย่างฉับพลัน และกดตัวนางลงบนพื้นในทันใด จากนั้นลิ้นเปียกชื้นก็ทักทายส่วนหัวของนางไม่หยุด
“หยุดนะ!” หรูเสี่ยวนันพยายามดิ้นขัดขืน
เจ้าหมาดีทุกอย่าง แต่ความเป็นมิตรอย่างมากของมันนางรับไม่ไหวจริงๆ
“ออกไป!” หรูเสี่ยวนันตวัดอุ้งเท้าไปบนจมูกของเจ้าหมา
เจ้าหมาทำท่าทางหดคอก้มหัวด้วยความน้อยใจ แล้วถอยออกห่าง
หรูเสี่ยวนันลุกขึ้นมาหายใจหอบ ขนทั้งตัวเปียกชุ่ม พลางพูดอย่างโมโห “เหม็นจะตายชัก”
เจ้าหมาทำหน้าใสซื่อไม่รู้ไม่ชี้
“เจ้ามานี่ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” หรูเสี่ยวนันสะบัดขนบนตัว เดินคู่กับเจ้าหมาหลบไปยังมุมมืดข้างกำแพง
เจ้าหมาโง่เป็นหมาเฝ้าจวน ดังนั้นต้องได้ยินเรื่องราวภายในเรือนนี้มาบ้าง หรูเสี่ยวนันจึงสอบถามมันถึงจุดหมายของชิงโม่เหยียนในวันนี้