ด้วยฐานะของเหยื่อมีความคล้ายคลึงกัน และวิธีการก่อคดีก็เหมือนกัน ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในที่ว่าการเมืองหลวงจึงคาดการณ์ว่าคดีเหล่านี้เป็นฝีมือของผู้ต้องหาคนเดียวกันนั่นเอง
หลินหวั่นชิงรับผิดชอบบันทึกคดีนี้มาโดยตลอด เจ้าเมืองหลี่คงจะกลัวว่าการเผชิญกับคำถามของซูโม่อี้จะเกิดความผิดพลาดบางอย่างเกิดขึ้น จึงได้ระบุให้เขามาทำงานใกล้ๆ ตัวโดยเฉพาะ เมื่อฟังเจ้าเมืองหลี่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับคดีอย่างชัดเจนมีขั้นมีตอน หลินหวั่นชิงจึงจดบันทึกได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ เขาเงยหน้าขึ้น กลับเห็นใบหน้าที่มันเยิ้มของเจ้าเมืองหลี่ปรากฏรอยย่นจากการยิ้มที่สามารถหนีบแมลงวันตายได้หลายเส้น
เจ้าเมืองหลี่กระแอมในลำคอ จงใจลดเสียงลง เงยหน้าขึ้นแสดงความเคารพซูโม่อี้แล้วพูดว่า “ฆาตกรคดีฆ่าข่มขืนต่อเนื่องนี้ข้าน้อยจับตัวได้แล้วเมื่อวานนี้”
เมื่อได้ยินเจ้าเมืองหลี่พูดเช่นนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตะลึงงัน
ปลายพู่กันที่หลินหวั่นชิงยกขึ้นเมื่อครู่หยุดชะงักทันที ตัวอักษรเสี่ยวข่ายขนาดเท่าหัวแมลงวันอันงดงามบนหน้ากระดาษนับว่าใช้การไม่ได้แล้ว
ดูเหมือนเจ้าเมืองหลี่จะพึงพอใจกับท่าทีตอบสนองของทุกคน จึงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวต่อ “เมื่อวานคนร้ายผู้นั้นก่อคดีอีกแล้ว จึงถูกข้าน้อยพาคนไปจับกุมตัวมา”
“จริง…” คำถามยังไม่ทันออกจากปากหลินหวั่นชิงก็รู้สึกแขนเสื้อตึง เมื่อหันไปก็เห็นใบหน้าบูดเบี้ยวของเหลียงเว่ยผิง เขาส่ายหน้าราวกับกล้ามเนื้อกระตุก ดังนั้นเมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากจึงถูกกลืนลงไปอีกครั้ง เขาทำได้เพียงเหลือบตาขึ้นไปมองใต้เท้าซูที่กำลังนั่งตัวตรงอยู่ที่ที่นั่งของผู้มีอำนาจสูงสุดด้วยความอัดอั้นตันใจ ภายใต้แสงสลัวใต้เท้าซูมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเองกระนั้น
เจ้าเมืองหลี่เองก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับท่าทางเช่นนี้ของซูโม่อี้ จึงส่งเสียงกระแอมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แล้วพูดขึ้นอีกครั้งว่า “คนผู้นี้ถูกข้าน้อยจับได้ขณะที่กำลังกระทำการฆาตกรรมอยู่ในจวนนอกเมืองของราชเลขาธิการ ใต้เท้าซ่ง”
หากจะพูดว่าสิ่งที่พูดมาก่อนหน้านี้เป็นการแสร้งทำให้ดูลึกลับซับซ้อน ถ้าเช่นนั้นคำพูดประโยคนี้ก็เป็นการสร้างความตกตะลึงอย่างไม่ต้องสงสัย อย่าว่าแต่หลินหวั่นชิงเลย แม้กระทั่งใต้เท้าซูที่นั่งอยู่ด้านบนนั้นก็ยังโน้มตัวมาข้างหน้าด้วยความลืมตัว “ใต้เท้าหลี่หมายถึงราชเลขาซ่ง ซ่งเจิ้งสิง?”
“ใช่แล้ว” เจ้าเมืองหลี่พยักหน้าถี่แล้วพูดต่อไปว่า “เมื่อคืนข้าน้อยได้รับข่าวจากเด็กรับใช้ในจวนอีกหลังหนึ่งของใต้เท้าซ่ง บอกว่าอนุภรรยาผู้หนึ่งในจวนที่มารักษาตัวที่นี่ประสบเคราะห์กรรมอย่างไม่คาดคิด โชคดีที่พบทันเวลา แม้อนุภรรยาจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ปล่อยให้คนเลวหนีไป ดังนั้นข้าน้อยจึงจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้และทำการสอบสวนในคืนนั้นเลย นักโทษได้ยอมรับสารภาพแล้วเมื่อยามเฉิน ของวันนี้ และยอมรับโทษประหารชีวิตแต่โดยดี”
รูม่านตาของซูโม่อี้สั่นไหวเล็กน้อย แต่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “อนุภรรยาผู้นั้นเป็นถึงญาติผู้พี่ของจวนโหวที่ใต้เท้าซ่งรับไว้เมื่อสองปีก่อนเชียวนะ”
เจ้าเมืองหลี่ได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย ยิ้มประจบประแจงพลางเอ่ย “ใต้เท้าฉลาดปราดเปรื่อง สายตาแหลมคม ผู้ตายก็คือญาติผู้พี่ผู้นั้น”
ร่างที่โน้มไปข้างหน้าของซูโม่อี้เอนพิงพนัก แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นักโทษคือผู้ใด”
“เป็นองครักษ์นายหนึ่งของกองกำลังองครักษ์คุ้มกันส่วนพระองค์ นามหวังหู่”
ในเวลานั้นทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง
คิ้วที่เดิมทีก็ขมวดแน่นเล็กน้อยอยู่แล้วของซูโม่อี้ยิ่งขมวดแน่นขึ้นไปอีก “แล้วใต้เท้าหลี่มั่นใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นฆาตกร”
ใบหน้ามันเยิ้มของเจ้าเมืองหลี่ฉายแววภาคภูมิใจแบบถ่อมตน พลิกบันทึกที่อยู่ในมือหลายหน้าพลางกล่าว “สภาพการตายของอนุภรรยาผู้นั้นเหมือนกับคดีฆาตกรรมก่อนหน้านี้ ยิ่งไปกว่านั้นหากหวังหู่ไม่ใช่ฆาตกรจะอธิบายอย่างไรว่าเหตุใดเขาจึงได้ปรากฏตัวในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้เขายังสารภาพสิ่งที่เขาได้กระทำทุกประการ และในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธสังหารที่เขาโยนทิ้งไม่ทันอีกด้วย”
พอพูดจบเจ้าเมืองหลี่ก็แสดงอาวุธที่ขุนนางส่งมาให้เมื่อครู่ เป็นมีดตัดฟืนที่เห็นบ่อยๆ คมมีดบาง ยาวประมาณสามชุ่น กว้างประมาณหนึ่งชุ่น
หลินหวั่นชิงตกตะลึง หากจำไม่ผิดบนร่างกายของเหยื่อหลายคดีก่อนหน้านี้มีบาดแผลจากการถูกฟันด้วยมีดคมจริงๆ เพียงแต่…บาดแผลบนร่างกายของเหยื่อไม่เหมือนเกิดจากมีดชนิดนี้ โดยเฉพาะบาดแผลที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตบริเวณทรวงอก ปรากฏบาดแผลที่มีขนาดกว้างเท่ากันสองจุดและมีบาดแผลหนึ่งถึงสองแห่ง ยังพอเห็นได้ว่ามีความสมมาตรกัน
เป็นเวลานานแล้วที่ไม่สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้ ซึ่งก็เป็นเพราะไม่สามารถอธิบายข้อสงสัยข้อนี้ได้ หากเครื่องมือก่อคดีของฆาตกรเป็นมีดชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บเช่นนี้ได้อย่างไร