นี่เป็นความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ของหลินหวั่นชิงเกี่ยวกับวัยเด็ก เกี่ยวกับท่านพ่อและท่านแม่ของนาง นางจำได้ว่าวันนั้นตอนที่ทหารสวมชุดเกราะบุกเข้าไปในจวนสกุลเซียว ท่านแม่ได้พานางไปซ่อนที่ใต้เตาเก่าที่ถูกทิ้งร้างไว้ในห้องครัว และบอกนางว่าทุกสิ่งที่นางจะเห็นต่อไปนี้เป็นเพียงการละเล่นเท่านั้น หากไม่มีผู้ใดพบตัว นางก็จะเป็นผู้ชนะ ต่อมานางสามารถออกไปทางประตูหลังได้ แล้วลุงหลินซึ่งเป็นสหายสนิทของท่านพ่อก็จะให้รางวัลแก่นาง พานางไปยังสถานที่ที่นางไม่เคยไปมาก่อน กินของที่ไม่เคยกินมาก่อน เมื่อเด็กนึกอยากเล่นสนุกก็จะหลอกง่ายมาก ถึงจะเป็นคำอธิบายที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ก็ตาม ทว่าเด็กน้อยผู้นี้ย่อมไม่คิดประหลาดใจแต่อย่างใด
หลินหวั่นชิงพบความผิดปกติระหว่างทางที่เดินทางออกจากเมืองเซิ่งจิง ท่านพ่อและท่านแม่ซึ่งเป็นคนรักษาสัญญาเสมอมากลับไม่ได้ไปสถานที่ที่พวกเขาบอกว่าเป็นที่ที่สนุกสนานด้วยกัน
บางทีอาจเป็นเพราะการรับรู้โดยสัญชาตญาณ บางทีอาจเป็นเพราะความเข้มแข็งไม่กลัวอะไรมาแต่กำเนิดของเด็ก นางหาข้ออ้างแอบหนีกลับไปที่เมืองเซิ่งจิง จึงได้รู้ว่าท่านพ่อของนางถูกสามตุลาการ ร่วมกันพิจารณาคดีและถูกตัดสินให้ประหารชีวิตทั้งครอบครัว นางไม่รู้เลยว่าหมายความว่าอย่างไร แต่จากน้ำเสียงของชาวบ้านก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี จากนั้นนางก็เดินตามฝูงชนไปยังสี่แยกของตลาดตะวันตกด้วยความงุนงง
มองเพียงแวบเดียวนางก็ตกใจจนแทบจะเผลอร้องไห้ออกมา บนแท่นไม้สูงสมาชิกทั้งยี่สิบเอ็ดคนของสกุลเซียวคุกเข่าเป็นแถวยาว ที่ด้านหลังของพวกเขาล้วนเป็นเพชฌฆาตที่ถือดาบอยู่ในมือ ท่ามกลางหิมะที่ตกหนักจนมองไม่เห็นสิ่งรอบตัวนางเห็นคมดาบที่เย็นเฉียบ เจิดจ้าจนทำให้ดวงตาของนางแสบร้อน
ชายที่สวมชุดพื้นเมืองผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังแสงดาบ หยิบม้วนผ้าสีเหลืองสดออกมาและอ่านอะไรบางอย่างเสียงดัง น่าเสียดายที่นางฟังไม่เข้าใจ นั่นเป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเสียใจ หากรู้แต่แรกก็ควรจะเชื่อฟังท่านแม่ ตั้งใจเรียนกับท่านอาจารย์
ฝูงชนต่างส่งเสียงเอะอะโวยวาย พวกเขาพากันเบียดเสียดไปข้างหน้าจนแทบจะผลักแผ่นหินที่นางปีนอยู่ล้มลงมา หลินหวั่นชิงได้แต่จิกหินที่เย็นยะเยือกก้อนนั้นไว้แน่น เล็บของนางหักโดยไม่รู้ตัวและแทงเข้าไปในเนื้อปลายนิ้วที่อ่อนนุ่มจนมีเลือดไหลออกมา
บนแท่นไม้สูงนั้นชายในชุดพื้นเมืองส่งสัญญาณมือ เพชฌฆาตก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ก่อนกดทุกคนลงบนแผ่นหิน เผยให้เห็นลำคอ ดาบถูกชูขึ้นสูง บนคมมีดมีแสงที่น่าหวาดกลัว ในที่สุดนางก็รู้อะไรบางอย่าง แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้เลย น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างที่หนาวจนชา แม้แต่สายตาที่รางเลือนก็ถูกบดบังไปด้วย
‘ท่านพ่อ…ท่านแม่…’ นางสะอึกสะอื้น น้ำเสียงแห้งผากและแหบพร่า
มือข้างหนึ่งยื่นออกมาท่ามกลางฝูงชนอย่างรวดเร็วก่อนจับตัวนางไว้แน่น นางถูกดึงออกจากแผ่นหินด้วยแรงมหาศาล พลันอ้อมกอดที่ชื้นด้วยหิมะก็แนบเข้ามากอดนางไว้แน่น
‘อย่ามอง!’ นางจำได้ว่าลุงหลินพูดกับนางเช่นนี้
หลินหวั่นชิงพูดไม่ออก ได้แต่ร้องไห้ หิมะโปรยปรายมาติดขนตาของนางแล้วก็กลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็วจนเปียกชุ่มไปทั่ว
‘หลับตา!’ ราวกับถูกสูบพลังเฮือกสุดท้าย หลินหวั่นชิงทำตาม มองไปทางด้านหลังของลุงหลิน มือใหญ่คู่หนึ่งปิดหูนางไว้ ดูเหมือนนางจะได้ยินเสียงทุ้มดังมาแต่ไกล เลือนราง แล้วทุกอย่างก็เงียบสนิท…
‘ต่อจากนี้ไปเจ้าคือบุตรสาวของข้าหลินเซี่ยงอี่ นามหลินหวั่นชิง’
หลินหวั่นชิง
หลินหวั่นชิง…
เสียงเรียกหลินหวั่นชิงดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแล้วค่อยๆ หายไป จากนั้นก็ค่อยๆ ดังซ้อนกันจนกลายเป็นเสียงเรียกหลินหวั่นชิงอันอบอุ่นดังขึ้นที่ข้างหู…