หลินหวั่นชิงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ สิ่งที่เห็นคือใบหน้ากึ่งโกรธกึ่งกังวลของเหลียงเว่ยผิง แสงเทียนสลัวๆ สะท้อนมาจากด้านหลังของเขา ทำให้ใบหน้าที่เดิมทีก็ไม่โดดเด่นของเขาดูเลือนรางขึ้นอีกครั้ง
เวลานี้หลินหวั่นชิงจึงนึกขึ้นมาได้ เมื่อวานหลังจากถูกลงทัณฑ์แล้วนางก็ถูกประคองเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่ทิ้งไว้ให้พวกเขาอาศัยอยู่ชั่วคราวในที่ว่าการเมืองหลวง เนื่องจากความเหนื่อยล้าจากการวิ่งวุ่นในตอนกลางวัน ประกอบกับบาดแผลใหม่หลายจุด ทันทีที่นางสัมผัสกับเตียงก็หมดสติไปทันที
เหลียงเว่ยผิงคงจะได้ยินอะไรมา จึงมาหานางด้วยตนเอง
พอนางขยับมือจึงพบว่าตนเองยังคงนอนอยู่บนเตียง เสื้อคลุมสีเทาที่สวมเมื่อวานนี้เต็มไปด้วยรอยเลือดที่แห้งแล้วและติดอยู่ที่หลัง ทันทีที่ขยับก็รู้สึกเจ็บ ผ้าห่มคลุมอยู่บนตัวนาง ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย ที่ใดมีบาดแผล ที่นั่นก็มีความเหน็บหนาว
บาดแผลเหล่านี้เมื่อวานนางไม่ทันได้จัดการก็นอนแบบถูไถไปได้หนึ่งคืน ตอนนี้นางรู้สึกเวียนศีรษะ หนาวสั่น และแขนขาอ่อนแรง คิดว่าน่าจะเป็นไข้แล้ว
นางมองไปทางเหลียงเว่ยผิง มุมปากมีรอยยิ้มจางๆ ลำคอเปล่งเสียงแหบพร่าออกมาประโยคหนึ่ง “พี่เหลียง”
เหลียงเว่ยผิงตกตะลึง ก่อนรีบหยิบน้ำมาแก้วหนึ่ง
สิบสองปีแล้ว ความมุ่งมั่นพานางมาที่นี่และกลับจบลงที่นี่เช่นกัน หลินหวั่นชิงคิดว่าตนเองไม่ใช่หญิงสาวที่ไม่มีคนคอยช่วยเหลือ แต่ตอนนี้จึงได้พบว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปสู่จุดเดิมอีกแล้ว แม้แต่บาดแผลนี้ก็ยังหาผู้ที่ช่วยตนเองจัดการไม่ได้เลยสักคน นางมองเหลียงเว่ยผิงที่ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วยื่นมือออกไปผลักน้ำที่เขาส่งให้เบาๆ
หลินหวั่นชิงเรียกเขาอีกคราพลางบอกด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า “พี่เหลียง หากข้าบอกความลับอย่างหนึ่งแก่เจ้า เจ้าจะช่วยข้าเก็บเป็นความลับได้หรือไม่”
น้ำในมือของเหลียงเว่ยผิงสั่นไหว หลังจากพยายามสงบใจอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถามอย่างหยั่งเชิง “อะ…อะไร…”
หลินหวั่นชิงรู้ว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด และไม่มีเจตนาจะดึงเขาเข้าสู่สถานการณ์อันตรายใดๆ แต่ตอนนี้นอกจากเหลียงเว่ยผิงแล้วนางก็ไม่อาจหาคนอื่นที่สามารถไว้ใจได้อีกแล้ว นางยันตัวครึ่งหนึ่งขึ้นจากเตียง ผมยาวที่ดำขลับราวกับน้ำตกเป็นเงางามตกลงมาจากหัวไหล่ ขับให้ใบหน้าที่เดิมทีก็งดงามอยู่แล้วอ่อนหวานยิ่งขึ้น
ในชั่วเวลาฉับพลันนั้นเองเหลียงเว่ยผิงรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย จู่ๆ ความคิดเหลวไหลก็ผุดขึ้นมาและวนเวียนอยู่ในใจเขาหลายรอบ ราวกับผีเสื้อที่โผบินจนไม่สามารถหยุดยั้งได้
หลินหวั่นชิงดึงลูกกระเดือกปลอมที่ติดเอาไว้บริเวณคอออก รวบผมที่อำพรางสายตาไปด้านหลัง แล้วเงยหน้าขึ้นมองเหลียงเว่ยผิงพูดว่า “พี่เหลียงเคยสงสัยในสถานะของข้า?”
เหลียงเว่ยผิงประคองแก้วน้ำในมือไว้ไม่ได้อีกต่อไป มืออ่อนแรงจนน้ำหกเต็มพื้น ไหลเปียกไปทั่วบริเวณ
“เจ้า…เจ้าเป็น…เจ้าเป็นสะ…”
หลินหวั่นชิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าเป็นสตรี”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 26 เม.ย. 67