บทที่ 6 คณิกา+เมาสุรา
หอคณิกาตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเซิ่งจิง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เป่ยหลี่’ ที่นี่ห่างจากที่ตั้งของศาลต้าหลี่เพียงสี่แยกเดียว ทั้งสองสถานที่หันหน้าเข้าหากัน สะดวกสำหรับบรรดาขุนนางชั้นสูงที่จะมาพักผ่อนหลังจากเลิกงาน
หลินหวั่นชิงติดตามซูโม่อี้ นางเดินด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่นางมาหอคณิกา แม้จะปลอมตัวเป็นบุรุษมานานสิบกว่าปีแล้ว ตอนอยู่ร่วมกับสหายร่วมสำนักก็เคยได้ยินคำหยาบมาบ้าง ทั้งยังพอจะรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับชายหญิงอยู่บ้าง แต่ตอนนี้จะต้องไปเรียนรู้ด้วยตนเอง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่มั่นใจ ขุนนางอำมหิตผู้นี้คงจะไม่พานางไปใช้เงินหลวงเที่ยวหญิงคณิกาจริงๆ หรอกกระมัง…
หลินหวั่นชิงรู้สึกหนักใจ นางก้มหน้าครุ่นคิด จนกระทั่งได้ยินเสียงอู้อี้ดังขึ้น หน้าอกของนางกระแทกเข้ากับแผ่นหลังของซูโม่อี้อย่างแรง
“โอ๊ย…” เสียงโอดโอยหลุดออกมาจากลำคอ น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจตามสัญชาตญาณของหญิงสาว ขณะที่นางกำลังจะนวดหน้าอก เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นซูโม่อี้มองนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าด้วยสีหน้าแปลกๆ
ดวงตาหงส์คู่นั้นมีความเย็นชาตามธรรมชาติจนเกือบจะแทงทะลุตัวนางได้ ผ้ารัดหน้าอกที่เพิ่งรัดเมื่อเช้านี้ไม่น่าจะหลวม หลินหวั่นชิงรู้สึกเพียงว่าหัวใจของนางพองโตขึ้นในทันใด แต่กลับเห็นสายตาของซูโม่อี้หม่นหมอง จ้องมองนางแล้วพูดว่า “วิชาเตะต่อยที่ดูงดงามของเจ้าไม่สมกับรูปร่างของเจ้าเลย”
“…” หลินหวั่นชิงตกตะลึง นางได้สติ ซูโม่อี้คงไม่คิดว่าสิ่งที่กระทบเมื่อครู่จะเป็นกล้ามเนื้อหน้าอกของนางหรอกนะ แม้จะคิดว่าวันนี้ต้องออกไปทำธุระข้างนอกจึงรัดหน้าอกแน่นเล็กน้อย แต่…ก็ไม่ถึงกับจะรู้สึกเช่นนี้ได้นี่…ชั่วขณะนั้นนางไม่รู้ว่าจะควรจะดีใจหรือกังวล จึงได้แต่ฝืนยิ้มแห้งๆ แล้วยกมือขึ้นพูดกับซูโม่อี้ว่า “เชิญใต้เท้าก่อน”
ซูโม่อี้รีบถอนสายตาที่มองสำรวจนางอย่างรวดเร็ว แล้วเข้าไปในอาคารอันงดงามที่ใหญ่ที่สุดในของคณะอุปรากรหนานฉวี่
วันนี้ทั้งสองคนสวมชุดลำลอง แม้ธรรมเนียมต่างๆ ในราชวงศ์ใต้จะเปิดกว้าง แต่การเที่ยวหอคณิกาบ่อยครั้งนั้นจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องมีหน้ามีตาอะไรนัก ดังนั้นผู้ที่เป็นขุนนางในราชสำนักจะไม่สวมชุดขุนนางไปแสดงอำนาจที่นี่
แม่เล้าชรารีบออกมาต้อนรับอย่างรวดเร็ว นางยิ้มแต้พลางสำรวจคนทั้งสอง สายตามองไปที่หลินหวั่นชิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าหลายรอบ
หลินหวั่นชิงรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที จึงหลบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซูโม่อี้
ซูโม่อี้กลับไม่ทันสังเกตเห็น เขาเงยหน้าขึ้นสำรวจสถานที่แห่งนี้ เอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ “ห้องส่วนตัวหนึ่งห้อง”
ความสนใจของแม่เล้าชราถูกคุณชายผู้สง่างามและใจกว้างที่อยู่ตรงหน้าดึงดูดเข้าแล้ว อยู่ในสนามความรักมาหลายสิบปี แม่เล้าชรามีสายตาแหลมคมจริงๆ นางมองออกทันทีว่าชายร่างสูงผู้นี้แม้จะสวมชุดลำลอง แต่เนื้อผ้าและลวดลายการปักกลับไม่ใช่แบบที่ขุนนางเล็กๆ จะใช้ได้ สถานะของคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ หากไม่ใช่ขุนนางขั้นสามในราชสำนักก็ต้องเป็นเชื้อพระวงศ์ ส่วนคนข้างๆ ของเขา…เฮ้อ…ผู้มีอำนาจวาสนาจะไม่มีความชอบพิเศษได้อย่างไร นางเข้าใจแต่ไม่พูดส่งเดช ไม่มีใครไม่ชอบเงิน นางพยักหน้าและยิ้ม ก่อนจะพาทั้งสองขึ้นไปบนชั้นสองด้วยตนเอง
“คุณชายชื่นชอบสตรีเช่นใดเจ้าคะ” แม่เล้าชราสอบถามอย่างกระตือรือร้น นางปูที่นั่ง เตรียมธูปหอมและน้ำชาเรียบร้อยทุกอย่าง
“แม่นางฉู่เอ๋อร์เป็นดาวเด่นของหอคณิกา มีคุณชายมากมายยอมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อจะได้ใกล้ชิดสาวงาม วันธรรมดานางไม่ยอมพบแขกใหม่ แต่ข้าเห็นว่าทั้งสองท่านหน้าตาใจดี รู้สึกว่ามีบุพเพสันนิวาส ดังนั้น…”
“ใครเป็นสตรีที่อยู่ที่นี่นานที่สุด”
เพราะผู้ตายเป็นสตรีอายุเกือบสี่สิบปีทั้งหมด ดังนั้นทั้งสองคนจึงถามคำถามเดียวกันขึ้นพร้อมกัน
แม่เล้าชรายิ้มค้าง จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ “พอจะมีอยู่…” นางลังเลเล็กน้อย “เพียงแต่อายุอาจจะ…” อาจจะเป็นมารดาของท่านได้
ซูโม่อี้ดูเหมือนมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางนี้ เขาหยิบทองออกมาแท่งหนึ่งและยื่นส่งให้นาง “ถ้าเช่นนั้นรบกวนหมัวมัวด้วย”
ดวงตาของแม่เล้าชราเป็นประกาย เอ่ยรับปากอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายหลินหวั่นชิงยังไม่ลืมที่จะเสริมอีกประโยคหนึ่ง “เรียกมาหลายๆ คน ค่าสุราและเงินรางวัลคิดต่างหาก”
แม่เล้าชราจากไปด้วยความดีอกดีใจ
ทันทีที่ประตูปิดลงหลินหวั่นชิงก็เข้าประจำการอย่างรวดเร็ว นางหยิบสมุดเล่มเล็กและพู่กันออกมาจากอกเสื้อ แตะน้ำลายที่มือก่อนเปิดสมุดแล้วโน้มตัวลงตรวจดูทั่วทุกแห่ง
ทว่าซูโม่อี้กลับใช้น้ำชาดับธูป จากนั้นจึงหยิบของห่อหนึ่งออกมาจากอกเสื้อแล้วเทลงไป
“นี่คืออะไร” หลินหวั่นชิงถามเขา
“ธูป” ซูโม่อี้ตอบเรียบๆ
หลินหวั่นชิงกะพริบตา และรู้สึกได้ทันทีว่าซูโม่อี้ร้ายกาจมาก “ใส่ยาคายความจริงไว้ในนั้นหรือ”
“ไม่มี” ซูโม่อี้ตอบสั้นๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“ปกติธูปในหอคณิกามักใส่สิ่งที่ช่วยให้รื่นรมย์” พูดจบซูโม่อี้ก็ก้มหน้าเหลือบมองหลินหวั่นชิงแล้วพูดว่า “นอกจากนี้ข้ายังไม่ชอบกลิ่นเช่นนั้นอีกด้วย”
หลินหวั่นชิงเข้าใจทันที ดูเหมือนว่าขุนนางอำมหิตผู้นี้จะเป็นแขกประจำของหอคณิกา