ในที่สุดหลินหวั่นชิงก็รู้แล้วว่าการยกหินทุบเท้าตนเองหมายความว่าอย่างไร นางคาดว่าซูโม่อี้ดื่มสุราไม่เก่ง แต่คิดไม่ถึงว่าสุราผลไม้เพียงกาเดียวจะสามารถทำให้เขาเมาจนสลบไปได้
พฤติกรรมการดื่มสุราทำให้เห็นพฤติกรรมคน ต้องบอกว่าพฤติกรรมของซูโม่อี้ดีจริงๆ การทำอะไรโดยไม่ดูตาม้าตาเรือหลังเมาสุราที่ผู้อื่นเป็นเหล่านั้นเขาไม่มีแม้แต่อย่างเดียว เพราะความชอบของใต้เท้าซูก็คือการดึงให้คนฟังเขาท่อง ‘กฎหมายราชวงศ์ใต้’ และ ‘บันทึกการล้างมลทิน’ ดังนั้นเขาจึงดึงให้พวกสตรีเหล่านั้นมาท่องตั้งแต่ ‘หลักการทั่วไปของกฎหมาย’ ไปจนถึง ‘ระเบียบข้อบังคับในการตรวจสอบและตัดสินคดี’ ท่องตั้งแต่การตรวจพิสูจน์ศพไปจนถึงการตรวจพิสูจน์กระดูก ในที่สุดพวกสตรีเหล่านั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ต่างพากันหาข้ออ้างจากไป อีกทั้งใต้เท้าซูยังพุ่งไปที่ห้องโถง แล้วเล่าถึงกระบวนการตรวจสอบบาดแผลจากการตายยี่สิบเก้ารูปแบบในหนังสือ ‘บันทึกการล้างมลทิน’ ให้บรรดาแขกผู้มีพระคุณฟัง…หลังจากทำสิ่งที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้ สุดท้ายพวกเขาจึงถูกเชิญออกจากหอคณิกาไป
แต่แม่เล้าชรารู้ดีว่าจะล่วงเกินคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงให้คนส่งเขาออกไปอย่างสุภาพ
ในยามราตรีที่เงียบสงบ ดวงจันทร์สุกสกาวอยู่บนท้องฟ้า บนถนนมีเพียงคนเมาสองสามคน ก่อนจะได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังขึ้นจากบ้านหลังใดหลังหนึ่ง
หลินหวั่นชิงแบกซูโม่อี้ซึ่งสูงกว่านางหนึ่งช่วงศีรษะเดินไปหอบไปด้วยความลำบากยากเย็นยิ่ง ทว่าคนที่อยู่บนหลังกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ฟุบลงบนตัวนางตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด แล้วยังพูดจาเหลวไหลไม่หยุด ลมหายใจร้อนชื้นผสมกับความหอมหวานของผลไม้ปะทะใบหูของนางเป็นระยะๆ แก้มที่ร้อนระอุของเขาเสียดสีกับลำคอของนาง แขนอันกำยำรัดไหล่ของนางไว้แน่น หน้าอกกระเพื่อมไหว
ทันใดนั้นหลินหวั่นชิงก็นึกถึงคืนนั้นในห้องอาบน้ำ สิ่งใหญ่โตที่ตนเองได้เห็นนั้น…ลมหายใจนางพลันปั่นป่วนไปหมด นางใจลอย มือเท้าอ่อนแรง คนที่อยู่บนหลังแสร้งทำเหมือนจะหงายหลัง นางจึงรีบใช้มือคว้าเอาไว้
แปะ!
ความรู้สึกจากการสัมผัสด้วยมือรู้สึกแข็งกำลังพอดี และมีความยืดหยุ่นอย่างมาก หลินหวั่นชิงหันไปมอง มือข้างหนึ่งของนางจับโดนบั้นท้ายของซูโม่อี้เข้าพอดิบพอดี นางรู้สึกร้อนมือโดยไม่รู้ตัว อยากจะปล่อยมือ แต่ดูเหมือนว่าคนที่อยู่บนหลังจะเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เขาขยับร่างกายบนตัวนางและโอบคอนางให้แน่นขึ้น
หลินหวั่นชิงถอนหายใจแล้วดึงมือกลับอย่างเงียบๆ ไปประคองแขนของเขาที่รัดไหล่ของนางอยู่ แต่กลับพบว่ามีความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งกว่าเกิดขึ้นที่บริเวณหลัง ก่อนที่นางจะก้มศีรษะด้วยความตกตะลึง แล้วเห็นมือของซูโม่อี้วางอยู่บนหน้าอกของนางอย่างจัง กำลังเลียนแบบท่าทางที่นางสัมผัสเขาเมื่อครู่ ลูบไล้อย่างอ่อนโยนสองครั้ง
“…” หลินหวั่นชิงสะดุ้งและพลิกตัวเขาลงพื้น
ถึงอย่างไรซูโม่อี้ก็เป็นผู้ที่เคยฝึกวิทยายุทธ์มาก่อน แม้ในเวลาที่ไม่รู้สึกตัวก็ยังคงมีการตอบสนองของกล้ามเนื้อ เขาเดินโซเซไปสองสามก้าวแล้วถึงเกาะต้นไม้ยืนขึ้นอย่างมั่นคง
หากเป็นไปได้หลินหวั่นชิงก็อยากทิ้งเขาไว้ที่นี่แล้วจากไปโดยไม่สนใจอีกเลยจริงๆ แต่ขุนนางอำมหิตผู้นี้น่ารำคาญเพียงนั้น หากทิ้งไว้บนถนนจะถูกคู่อาฆาตฆ่าตายหรือไม่ แล้วอย่างไรเสียนางก็ยังไม่ได้เป็นคนของศาลต้าหลี่ ยังต้องพึ่งพาซูโม่อี้จึงจะสามารถสอบสวนคดีอยู่ที่นี่ได้ นางสูดลมหายใจลึกแล้วถอนหายใจอย่างยอมรับชะตากรรม เนื่องจากต้องลากคนเมา ระยะทางที่เคยใช้เวลาเดินหนึ่งเค่อ หลินหวั่นชิงต้องใช้เวลาเดินสองเค่อจึงถึงที่หมาย เมื่อนางเห็นแผ่นป้ายของศาลต้าหลี่ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
คนที่เปิดประตูคือเยี่ยชิง เขารู้ว่าซูโม่อี้และหลินหวั่นชิงไปสอบสวนคดี แต่เมื่อเห็นว่านานแล้วซูโม่อี้ยังไม่กลับมาจึงไม่กล้าพักผ่อนก่อน
หลินหวั่นชิงอยากโยนคนที่อยู่บนหลังให้เยี่ยชิงอย่างโล่งใจ แต่กลับเห็นอีกฝ่ายถอยหลังไปสองสามก้าวราวกับว่าสิ่งที่นางกำลังจะมอบให้เป็นภูตผีปีศาจอันใดกระนั้น
ในดวงตาของเยี่ยชิงที่มองหลินหวั่นชิงปะปนไปด้วยความเย็นชาและความเสียใจอย่างอธิบายไม่ถูก “ใต้เท้าไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ และไม่เคยปล่อยให้ผู้อื่นใกล้ชิด รบกวนเจ้าหน้าที่หลินช่วยประคองใต้เท้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องด้วย”
“…” หลินหวั่นชิงพูดไม่ออกแล้ว