บทที่ 7.1
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด
ยามที่ซูโม่อี้ตื่นขึ้นมาก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ผลที่ตามมาของอาการเมาค้างก็คือปากแห้งและความทรงจำขาดตอน
ซูโม่อี้ลุกขึ้นยืนแล้วรินชาให้ตนเอง ภาพฉากสุดท้ายที่เขาจดจำได้อย่างคลุมเครือก็คือหลินหวั่นชิงบีบจมูกของเขาแล้วกรอกสุรา
“เยี่ยชิง” ซูโม่อี้เปิดปากเรียกคน เสียงยังคงแหบพร่าเล็กน้อย “เจ้าหน้าที่หลินเล่า”
เยี่ยชิงได้ยินเช่นนั้นก็พลันอึกอัก สีหน้าที่เดิมทีก็ยากที่จะอธิบายอยู่แล้วยิ่งดูจนใจมากขึ้นไปอีก
เมื่อคืนเพิ่งจะมีความสุขด้วยกันแท้ๆ วันนี้พอตื่นขึ้นมาก็เรียกหาอีก…
เยี่ยชิงถอนหายใจพลางเอ่ยตอบ “เจ้าหน้าที่หลินบอกว่าวันนี้ใต้เท้าไม่ได้มอบหมายงานให้เขา ดังนั้นจึงออกไปตั้งแต่เช้าแล้วขอรับ”
ซูโม่อี้ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเยาะ รู้ตัวว่าตนเองก่อเรื่องขึ้นจึงต้องหลบไปก่อนสินะ
“ไม่ได้บอกหรือว่าจะไปที่ใด”
เยี่ยชิงพยายามรักษาสีหน้าผิดหวังไว้อย่างดีที่สุด แล้วพูดเสียงแผ่วเบา “ไม่ได้บอกไว้ขอรับ”
รูม่านตาดำของซูโม่อี้หดตัวลง สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
เยี่ยชิงเห็นความไม่พอใจนี้ เขาไม่ต้องการสัมผัสความไม่พอใจของซูโม่อี้ จึงออกไปสั่งน้ำอาบผสมหญ้าหอมให้ซูโม่อี้อย่างเงียบๆ
ในห้องอาบน้ำที่ไอร้อนลอยวนเวียนเต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะจากอาการเมาค้างได้ดียิ่ง ซูโม่อี้หลับตาและเอนตัวพิงด้านข้างอ่างอาบน้ำ แขนที่เส้นโค้งเว้างดงามพาดอยู่บนขอบอ่างอย่างสบายอารมณ์ เขาถอนหายใจยาว ไอน้ำที่ลอยตลบอบอวลทำให้เขาเคลิบเคลิ้มไปเล็กน้อย ความรู้สึกก็ผ่อนคลายลงด้วย
ในศาลต้าหลี่และราชสำนักนี้เขาไม่เคยพบคนเช่นหลินหวั่นชิงมาก่อน ยามที่อีกฝ่ายดื้อรั้นขึ้นมาก็เหมือนลาบ้าหรือแมวคลุ้มคลั่ง เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ รู้สึกว่าการประลองปัญญากับอีกฝ่ายหลายครั้งสนุกมากทีเดียว
ซูโม่อี้ย่อมดูออกว่าหลินหวั่นชิงพยายามอย่างหนักในการคิดแผนที่จะเข้าไปในห้องสำนวนความนั่น ส่วนสาเหตุนั้นก็คงเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตนเอง และในขณะเดียวกันก็ยังได้รับประสบการณ์ของผู้มีความสามารถที่ล่วงลับไปแล้วเพื่อต่อไปจะได้แสดงความรู้ความชำนาญของตนเองได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาคิดว่ายังสามารถควบคุมหมากตัวนี้ไว้ได้นานขึ้นอีกสักหน่อย
ซูโม่อี้คิดจนเคลิบเคลิ้ม แขนตกลู่ลงและไปชนถูกผ้าขัดตัวที่ลอยอยู่บนน้ำโดยไม่ทันระวัง เขาตะลึงงันไปครู่หนึ่ง สัมผัสอันอ่อนนุ่มนี้ดูเหมือนเมื่อคืนจะได้สัมผัสจากที่ใดสักแห่ง แต่เมื่อคืน…ดูเหมือนเขาจะไม่ได้แตะต้องผู้ใดเลย คนเดียวที่ได้สัมผัสร่างกายกับเขาก็คือหลินหวั่นชิงที่แบกเขากลับมา
“ใต้เท้า” เสียงของเยี่ยชิงดังมาจากหน้าประตู ความคิดของเขาจึงถูกขัดจังหวะ
ซูโม่อี้นำผ้าขัดตัวในถังพาดไหล่ตนเอง แล้วให้เยี่ยชิงเข้ามาพูดคุย
“ราชเลขาซ่งได้ลาออกด้วยเหตุผลจากอาการป่วย และไม่ยอมรับการไต่สวนจากศาลต้าหลี่อีกขอรับ” เยี่ยชิงกล่าว
น้ำเสียงของซูโม่อี้มีแววเย้ยหยัน “เฮ้อ…จิ้งจอกเฒ่านี่” จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เอนตัวพิงอ่างอาบน้ำเช่นเดิมพลางครุ่นคิดด้วยสีหน้าเย็นชา