ฟ้ามืดแล้ว ดวงจันทร์เสี้ยวโผล่พ้นขอบฟ้า
วันนี้หลินหวั่นชิงใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่หอคณิกาถามคำถามที่เมื่อวานไม่ทันได้ถามกับนางคณิกาเหล่านั้นจนหมดสิ้น ยามนี้เลยเวลาอาหารไปแล้ว นางยังไม่ได้กินข้าว จึงสั่งเกี๊ยวจากร้านข้างทางชามหนึ่ง นางกินไปพลางพลิกหนังสือเล่มเล็กในมืออ่านไปพลาง แล้ววงบุรุษที่เหยื่อทุกคนรู้จักเหมือนกันออกมา
เสียงเกือกม้าดังกุบกับขึ้นที่ข้างหู หลินหวั่นชิงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรถม้าคันหนึ่งจอดที่หน้าประตูจวนซึ่งอยู่ไม่ไกลอย่างช้าๆ รอบๆ ยังมีคนติดตามมามากมายด้วย
จวนสกุลซ่ง?
หลินหวั่นชิงตกใจ นางวางตะเกียบลงแล้วถาม “ข้างหน้านั่นใช่จวนของใต้เท้าซ่งราชเลขาธิการขุนนางใหญ่ของราชสำนักหรือไม่”
พ่อค้าตอบรับโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง
หลินหวั่นชิงอดที่จะมองไปอีกครั้งไม่ได้
หลังจากรถม้าจอดสนิทแล้วคนข้างๆ ก็ขนของกันวุ่นวาย ดูท่าทางเหมือนคณะงิ้วที่มาแสดงเพื่อปัดเป่าเคราะห์ น่าจะเป็นเพราะเรื่องของจ้าวอี๋เหนียง พวกเขาจึงมาปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้จวนสกุลซ่ง
หลินหวั่นชิงแย้มยิ้ม นางรู้สึกว่าตนเองเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานอย่างหนัก ขณะที่กำลังจะละสายตาจู่ๆ ก็มีสาวใช้สวมกระโปรงสีเขียวเดินออกมาจากจวน เนื่องจากไกลเกินไปจึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัดเจน แต่ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของนางหลินหวั่นชิงมองเห็นอย่างชัดเจน นางเดินส่ายไปมามากกว่าคนทั่วไปมาก ดูท่าทางน่าจะเป็นคนขาเป๋
ราวกับสายธนูในสมองเส้นหนึ่งรัดแน่นขึ้นทันที หลินหวั่นชิงรีบวางตะเกียบลงแล้วเดินตามริมถนนไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ประตูด้านข้างของจวนสกุลซ่ง
สาวใช้ผู้นั้นไม่ได้สังเกตเห็นหลินหวั่นชิง นางบัญชาการให้คนกลุ่มนั้นยกโน่นยกนี่แล้วก็เข้าไปในจวน ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ คณะงิ้วอย่างน้อยมีสิบกว่าคน เบียดเสียดจ้อกแจ้กจอแจอยู่ด้วยกัน
หลินหวั่นชิงฉวยโอกาสปะปนเข้ากับคนช่วยงานยกเครื่องดนตรีบนรถม้าแล้วเดินตามเข้าไปในจวนสกุลซ่ง พวกเขาเดินผ่านลานหลัก เดินไปตามระเบียงข้างห้องโถงไปจนถึงเรือนด้านหลังจวน จากนั้นกองข้าวของในมือไว้ในห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งแล้วเดินตามพ่อบ้านไปจัดเวที
หลินหวั่นชิงรีบแอบอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของจวน นางเดินตามสาวใช้ขาเป๋ไป เมื่อครู่ตอนที่นางเดินมาตลอดทางได้บันทึกแผนผังของจวนไว้คร่าวๆ แล้ว
หลังหลบยามที่ประตูจวนหลายคนและเดินตามนางไปที่หน้าห้องโถงใหญ่ของเรือนอีกหลังหนึ่ง สาวใช้ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป
เดิมทีหลินหวั่นชิงวางแผนที่จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ต่อไป แล้วรอจนกว่าคณะงิ้วจะสร้างเวทีเสร็จ ตอนจะออกไปค่อยปะปนออกไปด้วย จนกระทั่งมีคำถามด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กไร้เดียงสาดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“เจ้าเป็นใคร”
เด็กน้อยตัวขนาดกลางๆ มือข้างหนึ่งถือขนมน้ำตาลปั้นกำลังเงยหน้าขมวดคิ้วมองหลินหวั่นชิง นางพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี แต่ชั่วเวลาเพียงอึดใจเดียวจู่ๆ เด็กน้อยก็ตะโกนออกมา เสียงของเด็กแหลมสูง ทั้งยังมีพลังทะลุทะลวงสูง หลินหวั่นชิงอยากจะไปปิดปากเขาไว้ แต่เขาร้องไห้วิ่งหนีไปแล้ว หากตามไปจะไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือ
หลินหวั่นชิงใคร่ครวญแล้วก็ตัดสินใจหาสถานที่ที่ไม่มีคนซ่อนตัวก่อน ด้านหน้าห่างออกไปสิบก้าวมีห้องเล็กๆ อยู่ห้องหนึ่ง ตอนกลางคืนไม่จุดตะเกียงจะต้องไม่มีคนอยู่แน่นอน นางหาที่ที่เหมาะสมได้แล้ว เมื่อมาถึงใต้หน้าต่างที่เปิดค้างอยู่ก็ยันแขนแล้วกระโดดเข้าไป
ในไม่ช้าที่หน้าประตูก็มีเสียงฝีเท้าและเสียงคนจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้น หลินหวั่นชิงกังวลว่าพวกเขาจะพังประตูเข้ามา จึงอาศัยแสงจันทร์สลัวคลำพบบานประตูไม้ มือของนางลูบคลำไปมาก็พบว่ามันเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ เมื่อวัดคร่าวๆ ในความมืดแล้วหากนางจะเข้าไปอยู่ในนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
ยามนี้เสียงฝีเท้าดังมาถึงหน้าประตูแล้ว ก่อนจะมีคนหยิบกุญแจออกมาเพื่อเปิด กุญแจทองเหลืองส่งเสียงดังแกร๊กชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึง
หลินหวั่นชิงไม่คิดอะไรอีกแล้ว ขณะที่เปิดตู้เสื้อผ้าออก จู่ๆ ก็มีแขนยื่นออกมาจากด้านในแล้วดึงมือนางลากเข้าไปในตู้เสื้อผ้า!
ประตูไม้ถูกผลักออกเสียงดังเอี๊ยด ห้องกลับเงียบสนิทเหมือนเดิม บรรดาบ่าวรับใช้ชูคบไฟเดินไปมา ดาบในมือกระทบถูกเครื่องเรือนเสียงดัง
หลินหวั่นชิงที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าตกใจจนนิ่งงันไป เมื่อครู่หลังจากที่คนผู้นั้นลากนางเข้ามาแล้วก็กดข้อมือนางไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขาเวลานี้กำลังปิดปากของนางอย่างแนบแน่น
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่านอกจากนางแล้วยังมีผู้ใดอีกที่กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ จึงวิ่งมาหาความตายที่จวนของขุนนางใหญ่ขั้นสาม หลินหวั่นชิงนึกตำหนิอยู่ในใจ แต่ร่างกายกลับแข็งทื่อจนไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย นางทั้งกลัวถูกพบตัวและกลัวถูกฆ่า ขณะที่ความคิดกำลังทำงานที่หลังก็มีเหงื่อซึมออกมาอย่างรวดเร็ว
“อย่าส่งเสียง” นางรู้สึกอุ่นร้อนที่หู พร้อมกับได้ยินเสียงที่ทั้งทุ้มและเย็นชาดังขึ้น เสียงนี้ฟังดูค่อนข้างคุ้นหูอย่างมาก
หลินหวั่นชิงตกตะลึง นางอยากจะหันหน้าไปมอง แต่กลับถูกคนผู้นั้นดันกลับไป
“อย่าขยับ” เขาเริ่มทนไม่ไหว มือที่กดข้อมือนางไว้ออกแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ในเวลานี้บ่าวรับใช้ได้ค้นหาโดยรอบแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย จึงเตรียมตัวจากไป ทว่า…
เสียงเสียงหนึ่งขณะที่เข้าใกล้ตู้เสื้อผ้าจู่ๆ ก็หยุดลงทันที เวลาต่อมาหลินหวั่นชิงก็เห็นลำแสงลอดผ่านช่องโหว่ของตู้เสื้อผ้า
แย่แล้ว! เขาจะเปิดตู้เสื้อผ้า!