บทที่ 7.2
ในความมืดลมหายใจของทั้งสองเริ่มหอบถี่ แม้ตู้เสื้อผ้าจะกว้างขวาง แต่ก็ใส่เสื้อผ้าไว้มากมาย แล้วยังยัดคนเข้าไปอีกสองคน รูปร่างของซูโม่อี้นั้นสูง ล่ำสัน และซ่อนความกำยำเอาไว้ ประกอบกับทั้งสองยังเอนไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ โดยต้องการที่จะอยู่ห่างจากฉาก ‘การมั่วโลกีย์ต่อหน้าต่อตา’ เช่นนี้ ทำให้พื้นที่ในตู้แคบลงไปชั่วขณะ
แผ่นหลังของนางแนบติดกับหน้าอกของเขา มีไออุ่นจางๆ แผ่ซ่านทะลุเสื้อมา
จู่ๆ เสียงผ้าขาดจากด้านนอกก็ดังขึ้น ภายในตู้เสื้อผ้าที่มืดและเงียบสงบนั้นยิ่งน่าตกใจอย่างคาดไม่ถึง
มีคนอดใจไม่ไหวฉีกเสื้อผ้าจนขาด
หลินหวั่นชิงรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง เนื้อตัวสั่นเทาอยากจะปิดประตูตู้เสื้อผ้าให้สนิท แต่มือกลับอ่อนแรง พู่ประดับเล็กๆ บนกระโปรงคาดอกของสตรีจึงกลิ้งออกไป
พู่นั้นประดับหยกขาว เมื่อหล่นลงสู่พื้นจะเกิดเสียงดัง
นางตกใจจนรีบยื่นมือไปดึง ผลปรากฏว่าดึงได้แล้วแต่พู่กลับติดอยู่ที่ด้านล่างของประตูตู้
ปิดไม่ได้แล้ว!
หลินหวั่นชิงปากอ้าตาค้างด้วยความคาดไม่ถึง นางหันไปมองซูโม่อี้ ต้องการให้เขาให้คำแนะนำอะไรบางอย่าง
ทว่าใต้เท้าซูที่อยู่ด้านหลังนางก็ไม่ได้สงบไปกว่านางสักเท่าไรนัก
ถึงแม้แสงเทียนในห้องจะมีแสงสลัวๆ แต่หลินหวั่นชิงก็เห็นเขาพิงผนังตู้ไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ขนตายาวสั่นเทา ใบหน้าที่เย็นชานั้นแดงตั้งแต่ศีรษะจนถึงคอ…
หลินหวั่นชิงล้มเลิกความคิดที่จะขอคำแนะนำจากเขาทันที
ร่วมประเวณีต่อหน้าต่อตาก็ร่วมประเวณีต่อหน้าต่อตาเถอะ ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ตอนเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาก็ใช่ว่าจะไม่เคยดูตำหนักวสันต์พร้อมกับสหายร่วมสำนัก เพิ่มคำว่า ‘ต่อหน้าต่อตา’ เข้าไปจะต่างกันเพียงใดเชียว
แต่เวลายังไม่ถึงครึ่งถ้วยชาต่อมาหลินหวั่นชิงก็เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว
ต่างกัน!
ต่างกันมากจริงๆ!
ภาพตรงหน้าดูมีชีวิตชีวา ที่ข้างหูได้ยินเสียงของสตรีร้องครวญครางด้วยความหลงใหลและเสียงพร่ำเพ้อของบุรุษเป็นครั้งคราว แม้นางจะพยายามสงบสติอารมณ์มากเพียงใดก็ยากที่จะทำได้ถึงขั้นจิตใจสงบนิ่งเหมือนสายน้ำ
เตียงและตู้เสื้อผ้าอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว แม้ว่าทั้งสองคนจะปลดมุ้งลงแล้ว แต่เสียงของม่านและตะขอหยกก็ยังคงดังทะลุเข้ามาได้
ท่ามกลางมุ้งที่พลิ้วไหว คนสองคนที่ร่างเปล่าเปลือยราวกับงูเหลือมตัวใหญ่สองตัวหยอกล้อรัดรึง เกลือกกลิ้งไปมา ครวญครางเสียงดังรุนแรงขึ้นทุกขณะ
ภายในมุ้งที่เห็นได้เพียงรางๆ ฝ่ายบุรุษกางขาของฝ่ายสตรีออกแล้วดันขึ้นไปที่ข้างหน้าอกทั้งสองข้าง
กลีบดอกไม้สีชมพูของสตรีสะท้อนแสงเทียนที่พลิ้วไหว ขณะที่แท่งเนื้อทั้งใหญ่และยาวของบุรุษที่อยู่ด้านล่างเสียดสีอยู่ที่หว่างขาของนางอย่างโจ่งแจ้ง แล้วจู่ๆ ก็พลันยืดตัวและสอดใส่เข้าไป
ฝ่ายสตรีส่งเสียงครวญครางอย่างเย้ายวน
“เยี่ยมมาก” ฝ่ายบุรุษหายใจดังเหมือนวัว บั้นเอวที่แข็งแกร่งกลับขย่มไม่หยุด ถามไถ่ฝ่ายสตรีว่ารู้สึกสบายหรือไม่
ฝ่ายสตรีบิดกายไปมา ส่งเสียงหวานหยาดเยิ้ม ตอบด้วยเสียงอันสั่นเทาว่าสบาย
ฝ่ายบุรุษหัวเราะเบาๆ ตบลงบนเนินอกขาวผ่องของนางดังเพียะ จากนั้นก็ดันตัวไปข้างหน้า ตัวของเขาถอยห่างจากเตียงแล้วพุ่งลงไปที่หว่างขาของนางอย่างสุดกำลัง
“อื้ม…เอาให้ตาย!” ชายผู้นั้นตาแดงดุดันและรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เตียงส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แม้แต่มุ้งที่ด้านบนก็ยังโยกจนแทบพังลงมา
หลินหวั่นชิงทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว นางจึงหลับตาแล้วเอนกายไปทางซูโม่อี้
แต่การเอนกายครั้งนี้ทำให้นางอิงแอบเข้ากับร่างของซูโม่อี้อย่างแรง
สิ่งที่ใหญ่และแข็งจนน่าตกใจก็ปะทะตัวนางอย่างแรงเช่นกัน
“…” หลินหวั่นชิงรู้สึกเสียวหลังขึ้นมาทันทีและเหงื่อเริ่มหยดอีกครั้ง